โคโรน่าไวรัส


                                                             โคโรน่าไวรัส

                                              นายอานนท์ ภาคมาลี (หมอแดง)

1. เชื้อก่อโรคและลักษณะโรค  เชื้อไวรัสโคโรน่าโดยทั่วไป เป็นกลุ่มของเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหรือระบบอื่นๆ ในคนและสัตว์ เช่น หนู ไก่ วัว ควาย สุนัข แมว กระต่าย และสุกรมีรายงานการพบเชื้อมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1965 ประกอบด้วยเชื้อสายพันธุ์ย่อยหลายสายพันธุ์ และพบได้ทั่วโลก โดยในเขตอบอุ่น (temperate climates) มักพบเชื้อไวรัสโคโรน่า ในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิโดยอาจมีความรุนแรงของอาการที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เช่น เป็นไข้หวัดธรรมดา หูชั้นกลางอักเสบ เป็นต้น ส่วนน้อยที่มีอาการรุนแรง อาจก่อให้เกิดการอักเสบรุนแรงเฉียบพลันและมีการล้มเหลวของระบบทางเดินหายใจ และเสียชีวิตได้ เช่น ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส แต่โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการไม่รุนแรง (ยกเว้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย) ในคนที่เป็นโรคไข้หวัดก็มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ ประมาณร้อยละ 15 การติดเชื้อไวรัสโคโรน่าพบได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่พบมากในเด็ก อาจพบมีการติดเชื้อซ้ำได้ เนื่องจากระดับภูมิคุ้มกันจะลดลงอย่างรวดเร็วภายหลังการติดเชื้อเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส พบการระบาดปี ค.ศ. 2003 โดยพบเริ่มจากประเทศจีนแล้วแพร่กระจายไปทั่วโลก พบรายงานผู้ป่วยโรคซาร์สทั้งสิ้นมากกว่า 8,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า750 ราย แต่ขณะนี้ (ปี ค.ศ. 2012) ไม่พบการระบาดแต่อย่างใด สำหรับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 เป็นเชื้อสายพันธุ์หนึ่งในกลุ่มไวรัสโคโรน่า ซึ่งเพิ่งค้นพบใหม่ในปี พ.ศ. 2555 ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ณ วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555 พบผู้ป่วยยืนยัน 2 รายในจำนวนนี้ เสียชีวิต 1 ราย โดยผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะยืนยันว่าติดเชื้อมาได้อย่างไรหรือติดต่อมาจากสัตว์หรือไม่ อีกทั้งไม่สามารถสรุปได้ว่าเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 มีความรุนแรงมากหรือน้อยเพียงใด องค์การอนามัยโลกประเมินว่ายังไม่รุนแรงเหมือนโรคซาร์ส เพราะไม่พบว่าบุคคลรอบข้าง หรือบุคลากรทางการแพทย์มีการเจ็บป่วยด้วยอย่างไรก็ตาม โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 หรือ โรคโคโรน่า 2012 นี้ ไม่ใช่โรคซาร์สเป็นคนละโรคกัน เนื่องจากมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโคโรน่าคนละสายพันธุ์

2. ระยะฟักตัวของโรค  เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 นี้ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าจะแสดงอาการ เมื่อใดหลังจากติดเชื้อ แต่สำหรับเชื้อไวรัสโคโรน่าโดยทั่วไป โดยเฉลี่ยมีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 4 วัน

3. วิธีการแพร่โรค ด้วยข้อมูลที่มีจำกัด อนุมานว่าการติดต่อของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 นี้ถ้าจะสามารถติดต่อจากคนสู่คน น่าจะผ่านทางฝอยละออง (Droplet) ได้แก่ น้ำมูก น้ำลายจากผู้ป่วยที่มีเชื้อไปยังบุคคลอื่น โดยการไอ หรือจาม และการสัมผัส (Contact) กับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจของผู้ป่วยเป็นหลัก ส่วนการแพร่กระจายทางอากาศ (Airborne) มีโอกาสเป็นไปได้แต่น้อย

4. การป้องกัน หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ หรือจาม ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย ก่อนรับประทานอาหาร และหลังขับถ่าย ต้องเข้าไป ให้พิจารณาใส่หน้ากากอนามัย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรค แนะนำให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย ปิดปากปิดจมูกเวลา ไอ หรือจาม ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี ได้แก่ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ

ด้วยองค์การอนามัยโลก ได้ออกประกาศแจ้งการพบโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 หรือโรคโคโรน่า 2012 (Novel Coronavirus) ในต่างประเทศ ผ่านเว็บไซต์เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555 ว่าพบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2012 จำนวน 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยเป็นผู้ป่วยชายชาวกาตาร์ อายุ 49 ปี ซึ่งมีอาการทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร่วมกับภาวะไตวาย และเคยมีประวัติการเดินทางไปประเทศซาอุดิอาระเบีย ส่วนอีก 1 ราย เป็นผู้ป่วยชาวซาอุดิอาราเบีย อายุ 60 ปี จนถึงวันที่ 25 กันยายน 2555 ยังไม่พบรายงาน การแพร่กระจายโรคหรือผู้ป่วยอื่นเพิ่มเติม สำหรับประเทศไทยยังไม่มีรายงายการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2012 และองค์กรอนามัยโลก ยังไม่แนะนำให้มีการจำกัดการเดินทางไปยังประเทศใด

กระทรวงสาธารณสุข มีข้อแนะนำสำหรับผู้เดินทางที่จะไป - กลับจากต่างประเทศ ดังนี้

1.   ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้เน้นการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล และหมั่นล้างมือบ่อยๆ นอกจากนั้น ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัดหรือที่ชุมชนสาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรค หากจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนแออัด อาจพิจารณาการใส่หน้ากากอนามัย

2.  ผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศหากมีอาการคล้ายไข้หวัด หรือมีอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ควรไปแพทย์ พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง


หมายเลขบันทึก: 537581เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2013 17:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2013 17:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณความรู้มากมายที่คุณหมอแดงกรุณาแบ่งปันจ้ะ

-สวัสดีครับ

-ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

-มีแตงไทยมาฝากครับ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท