สาส์นผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตากเนื่องในการขึ้นต้นปีงบประมาณใหม่ ในปี 2550
ในโอกาสของการขึ้นปีงบประมาณใหม่นี้ ผมใคร่ขอเรียนชี้แจงและทำความเข้าใจกับพี่น้องชาวโรงพยาบาลบ้านตากทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอขบคุณพวกเราที่ได้ช่วยกันทำงานบริการประชาชนและพัฒนาโรงพยาบาลบ้านตากจนเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานหลายแห่ง ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียน ศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน รวมทั้งเชิญผมและเจ้าหน้าที่ของเราไปเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นวิทยากรในเรื่องต่างๆ ความสำเร็จทุกประการของโรงพยาบาลบ้านตากล้วนมาจากความร่วมมือร่วมใจกันของคณะเจ้าหน้าที่ทุกระดับ รวมทั้งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากชุมชน
ในปีงบประมาณ 2550 นี้ ผมขอเรยีนชี้แจง ขอความร่วมมือต่อพวกเราชาวโรงพยาบาลบ้านตากดังต่อไปนี้
1. นโยบายหลักในการทำงานยังคงเป็นนโยบายเดิมคือ4Cคือ Clean-Care-Cooperation-Community หรือความสะอาด-คุณภาพบริการ-ความสามัคคี-ความเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน การดำนเนินงานตามนโยบายดังกล่าวจะมีการบริหารจัดการในแนวดิ่งโดยมีผู้ดูแลตามลำดับสายงานตั้งแต่รองผู้อำนวยการ 3 คนคือพญ.กอบกาญจน์,คุณวรุตม์,คุณปริญฎา และหัวหน้ากลุ่มงาน/หัวหน้างานทุกคน พร้อมทั้งเสริมการพัฒนาให้ดีขึ้นโดยทีมคร่อมหน่วยงานต่างๆ ร่วมกับคณะกรรมการบริหารดรงพยาบาล(กบร) คณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาล(กพร) คณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับอำเภอ(คปสอ)และคณะกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลบ้านตาก(กธร)
2. ในการทำงานขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านยึดมั่นในวัฒนธรรมโรงพยาบาลที่ได้วิเคราะห์และสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นแนวคิดหลักหรือค่านิยมประจำใจของชาวโรงพยาบาลบ้านตากทุกคน ตามอักษรภาษาอังกฤษของโรงพยาบาลบ้านตากคือBANTAK HOSPITAL ดังนี้
B = Best quality ยึดมั่นในคุณภาพบริการที่ดีที่สุด มีจิตใจใฝ่ให้บริการ นึกถึงความต้องการ
และตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า
A = Aitruism มุ่งเน้นผลประโยชน์ส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง มถ่งมั่นกระทำความดีงามเพื่อหน่วยงาน
ชุมชนและประชาชน มองเป้าหมายร่วมของหน่วยงานได้
N = Networking สร้างเครือข่ายในการทำงาน ร่วมกับหน่วยงานต่างๆทั้งในและนอกพื้นที่
T = Teamwork ทำงานเป็นทีมด้วยความรักความสามัคคีกัน มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน(Trust)
สามารถเรียนรู้ร่วมกันและกัน เรียนรุจากประสบการร์ของเพื่อนร่วมงานได้
A = Agility มีความกระตือรือล้น กระฉับกระเฉงว่องไว ในการทำงาน มีชีวิตชีวา ทำงานได้อย่าง
อัตโนมัติโดยไม่ต้องรอให้สั่งการอย่างเดียว รุ้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ
K = Knowledge worker เป็นคนทำงานที่มีความรู้ สามารถทำงานในความรับผิดชอบของตนเองให้สำเร็จได้ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน
Hospitality = ดูแลเต็มที่ ยินดีต้อนรับ
3. เป้าหมายสูงสุดของชาวโรงพยาบาลบ้านตากคือการมุ่งหวังให้บรรลุเป้าหมายสุดท้าย 3 ประการคือประชาชนมีสุขภาพดี(Customer)เจ้าหน้าที่มีความสุข(Employee)โรงพยาบาลอยู่รอด(Organization) ทั้งนี้ให้สามารถบรรลุวิสัยทัศน์หรือเป้าหมายระยะกลางคือโรงพยาบาลบ้านตาก สะอาดและสวย ดีพร้อมด้วยบริการ พนักงานสามัคคี เป็นโรงพยาบาลที่ดีของชุมชน
4. ในการปฏิบัติงานของพวกเรา หากปฏิบัติตามวัฒนธรรมในข้อ 2 จะทำให้พวกเราต้องมาปฏิบัติงานตรงเวลาตามที่กำหนด มีการลงลายมือชื่อตามที่ตั้งไว้ ซึ่งการใช้เครื่องพิมพ์ลายนิ้วมือ ไม่ได้หมายความว่าไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ในการลงชื่อทำงาน แต่เนื่องจากต้องการช่วยลดภาระงานสรุปรายการต่างๆเกี่ยวกับการมาทำงานของงานการเจ้าหน้าที่ซึ่งเสียเวลาแจงนับในส่วนนี้มาก การนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาใช้จะช่วยประหยัดเวลาในการทำงานได้มาก ในส่วนของการแต่งกายขอให้แต่งกานเหมาะสมกับวิชาชีพของแต่ละคน การสวมเสื้อเหลือง เสื้อฟ้าหรือเสื้อสีม่วงมาทำงานนั้นจะต้องสวมกางเกงหรือกระโปรงพร้อมรองเท้าที่เหมาะสมด้วย ไม่ใชการแต่งตัวตามสบายซึ่งทำให้มองได้ว่าไม่มีวินัยหรือไม่เหมาะสม พร้อมทั้งเน้นย้ำเรื่องการติดป้ายชื่อที่ได้ทำแจกให้แล้วทุกคน หวังว่าพวกเราคงให้ความร่วมมือด้วยดี
5. การนำกิจกรรมAppreciative Inquiryหรือการค้รหาสิ่งดีรอบๆตัวมาใช้ เพื่อกระตุ้นเตือนให้พวกเราคิดทางบวกหรือคิดในแง่ดีแก่กันและกัน โดยให้ทุกคนร่วมกันบันทึกสิ่งดีๆ ความสำเร็จ คำชื่นชมลงในบัญชีความสุขของหน่วยงานของตนเองเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาความดีความชอบในรอบ 6 เดือนและ 1 ปี การคิดและมองแต่สิ่งดีๆจะทำให้เกิดความไว้วางใจ เชื่อใจและเมตตาต่อกัน
6. การพิจารณาความดีความชอบทั้งรอบ 6 เดือนและรอบ 1 ปี จะใช้การพิจารณาผลงานย้อนหลังโดยใช้คณะกรรมการบริหารในการตัดสินพิจารณาจากการเสนอชื่อของหัวหน้ากลุ่มงานและการเสนอชื่อของคณะกรรมการบริหาร แล้วร่วมกันตัดสินใจในรูปคณะกรรมการเพื่อช่วยกันลดอคติและข้อผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องมีผลงานที่รับผิดชอบโดยตรงดีและมีมนุษยสัมพันธ์พร้อมทั้งมีการช่วยเหลืองานของโรงพยาบาลในภาพรวมด้วย
7. มีการนำเอาระบบการบริหารสมรรถนะ(Competency)มาใช้ในการประเมินเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้พัฒนาตนเองให้มีความสามารถมากขึ้น โดยไม่ได้นำมาใช้เพื่อการพิจารณาความดีความชอบ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนควรมีส่วนร่วมในการกำหนดสมรรถนะตามหน้าที่(Functional competency) ของแต่ละคนด้วย
8. ในส่วนของลูกจ้างชั่วคราว ขอให้ดำเนินกิจกรรมขององค์กรลูกจ้างชั่วคราวให้เป็นผลดีต่อการพัฒนาตัวลูกจ้างชั่วคราวให้มีความสามารถมีความสุขในการทำงานมากขึ้น ทั้งนี้ผมกับกบร.จะพยายามพิจารณาในเรื่องอัตราค่าจ้างของลูกจ้างชั่วคราวให้เหมาะสมและเพียงพอมากขึ้น ภายใต้หลักการและระเบียบทางราชการที่เหมาะสม
9. จากการที่ได้มีการจัดตั้งมูลนิธิโรงพยาบาลบ้านตาก ขึ้นเมื่อปี 2548 ตอนนี้เรามีเงินต้นในมูลนิธิประมาณ 5.2 ล้านบาท และได้เริ่มมีการนำเอาดอกผลจากมูลนิธิมาใช้ประโยชน์แก่ประชาชนและโรงพยาบาล ฝากพวกเราช่วยประชาสัมพันธ์การบริจาคโดยจัดตั้งเป็นกองทุนต่างๆในมูลนิธิ โดยเงินเริ่มต้น 10,000 บาท สามารถตั้งชื่อกองทุนตามที่บริจาคต้องการได้ ทั้งนี้มูลนิธิมี กพร.และตัวแทน กบร. เป็นกรรมการดูแลอยู่
10. เนื่องจาก ผมเองได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก(อาจเรียกง่ายๆว่าเป็นรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตาก) ควบกับการเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตาก ทำให้ภารกิจส่วนใหญ่จึงเป็นด้านการบริหารจัดการโรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ในการตรวจรักษาผู้ป่วย แต่ทั้งนี้ทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตากได้จัดสรรแพทย์ 6 คน เพื่อมาทำหน้าที่หลักในการตรวจรักษาผู้ป่วยแทนและในเรื่องความเร่งด่วนทางด้านการบริหารจัดการ ก็ได้ขออนุมัติท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตากแต่งตั้งผู้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลในกรณีผมำม่อยู่ 3 คนคือพญ.กอบกาญจน์ คุณวรุตม์และคุณปริญฎา ซึ่งสามารถทำงานด้านการบริหารพร้อมลงนามต่างๆแทนผมได้ทั้งหมด ทั้งนี้ผมเองก็ใช้เวลาตอนเช้าก่อน 9 โมงเช้าและตอนเย็นตั้งแต่ 2-5ทุ่มในการดูแลและลงนามในหนังสือต่างๆเพื่อไม่ให้งานเกิดการหยุดชะงัก
เชื่อมั่นในศักยภาพของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบ้านตากทุกคน จะช่วยกันทำงาน พัฒนางาน พัฒนาโรงพยาบาลให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และทำให้โรงพยาบาลเป็นที่ยอมรับ ศรัทธาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตลอดไป
เชื่อมั่นและศรัทธา
นพ.พิเชฐ บัญญัติ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตาก จ.ตาก
อ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะ อาจารย์
ขอร่วมชื่นชมอีกคนนะคะ
ท่านอาจารย์เขียนได้น่าสนใจ และน่าให้ความร่วมมือมากค่ะ (empower เก่งจังค่ะ)
ชักอยากจะเป็นลูกน้อง ของอาจารย์ซะแล้ว ยังไงก็ขอฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยคนนะคะ (ยิ้มๆ)
สวัสดีครับคุณน้อง ผมและครอบครัวขอขอบคุณมากๆที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการไปเที่ยวที่ขอนแก่น พร้อมกับได้รับประมานอาหารมื้อที่แสนอร่อยและเปี่ยมด้วยมิตรภาพจากอาจารย์หมอJJ คุณน้องและคุณKa-poom
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ออกจากที่พักประมาณ 9.30 น. แบบสบายๆ แล้วไปแวะทานอาหารเที่ยงที่ภูเวียงเป็นอาหารแบบอีสานแล้วก็เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง เป็นที่ถูกใจของลูกๆ(แคน ขิม ขลุ่ย)มากเลย กลับถึงบ้านตากประมาณ 4 ทุ่มด้วยความมีสวัสดิภาพและเปี่ยมสุขกันทั้งครอบครัวครับ
คุณแม่ผมและคุณแม่ภรรยา ฝากขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
โดยส่วนตัว ชื่นชมอาจารย์มาโดยตลอด ทั้งได้เคยฟังบรรยายของอาจารย์ด้วยและติดตามความก้าวหน้าของโรงพยาบาลบ้านตากซึ่งเป็นตัวอย่างKMจริงๆและได้นำมาเป็น"ครู"
อีก2ปีก็จะเกษียณจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ บังเอิญเป็นของเอกชน จึงเกษียณที่ 55 ปี
ขอแสดงความยินดีกับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานค่ะ