วันนี้ทำความเข้าใจกับนักเรียนเรื่อง การท่องบทอาขยาน ตอบคำถามของ
นักเรียน ว่า "ทำไม...นักเรียนต้องท่องบทอาขยาน" ซึ่งนักเรียนก็เข้าใจดี และเมื่อครู
จัดกิจกรรมให้นักเรียน เรียนรู้อย่างมีความสุข ท้ายที่สุด นักเรียนรู้สึกสนุกกับการท่อง
บทอาขยาน สัญญากับครูว่าจะท่องบทอาขยานให้จำ และจะท่องให้ครูฟังทุกวันหลัง
เลิกเรียน
บทอาขยานที่กำหนดให้ท่อง แบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ
๑. บทหลัก เป็นบทอาขยานที่กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กำหนดให้นักเรียนแต่ละชั้น
ท่องในแต่ละภาคเรียนเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั่วประเทศ บทหลักนี้ทุก
โรงเรียนจะต้องดำเนินการให้นักเรียนท่องทุกวัน
๒.บทรอง เป้นบทอาขยานที่ครูผู้สอนหรือสถานศึกษาเป็นผู้กำหนดให้นักเรียนท่อง
อาจเป็นบทร้อยกรองที่แสดงภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น เพลงพื้นบ้าน เพลงกล่อมเด็ก
เพลงเรือ หรือบทกวีร่วมสมัยที่มีคุณค่า บทรองนี้ นักเรียนจะต้องท่องภาคเรียนละ ๑
บทเป้นอย่างน้อย
๓. บทอิสระ เป็นบทอาขยานที่นักเรียนสามารถเลือกสรรบทร้อยกรองมาท่องเองได้
ตามความชื่นชอบส่วนตัว อาจเป็นบทร้อยกรองที่นักเรียนหรือผู้ปกครองแต่งขึ้นเอง
ก็ได้ แต่ต้องมีความเหมาะสม ไม่หยาบโลน บทอิสระนี้ นักเรียนจะต้องท่องภาคเรียน
ละ 1 บทเป้นอย่างน้อย
รายการบทอาขยานบทหลัก ระดับประถมศึกษา
ครูอิงค์ครับ ตอนนี้การท่องอาขยาน กลับมาสู่หลักสูตรการเรียนของเด็กอีกแล้วหรือครับ ถ้าเป็นจริง นับว่าดีทีเดียว แต่ถ้าไม่ได้กำหนดไว้ในหลักสูตร แต่ครูอิงค์ นำมาสอนเด็ก ๆ ผมก็ถือว่าเป็นบุญของเด็กที่จะมีโอกาสได้เรียนแบบนี้ อยากอ่านบทอาขยานที่ครูอิงค์สอนเด็ก ๆ ด้วยครับ รออ่านนะครับ
สวัสดีค่ะน้อง
อยากให้เด็กท่องเหมือนกันคะ
ถ้าเป็นไปได้ พี่ครูอิงเขียนบทอาขยานลงด้วยนะค่ะ
โดยเฉพาะในวรรณคดีต่างๆ
เป็นการรำลึกถึงความหลัง เท่าที่ติกจำได้
"อิ่มเอ๋ยอิ่มก่อน รีบจะไปดูละครโขนหนัง
ทิ้งสำรับคับค้อนไว้รุงรัง ให้คนอิ่มทีหลังไว้ล้างชาม
..........................................
ชอบค่ะ และอยากให้อนุรักษ์ไว้สำหรับเด็กๆ ในปัจจุบันด้วยค่ะ
อ่านรายชื่อแล้ว เหมือนจะท่องออกมาได้เกือบหมดเลยค่ะ ครูอิง อยากให้ครูอิงเอามาลงเก็บไว้ใน GotoKnow สำหรับคนที่มีเด็กให้ดูแลนะคะ เป็นบทอาขยานที่สนุกน่าจำทั้งนั้นเลยค่ะ ดีใจที่ได้เห็น อยากอ่านอีกค่ะ ดูซิว่าตัวเองจำได้จริงไหม นานมากจริงๆแต่ยังอยู่ในใจเสมอ