***** เมื่อภารกิจเล็กๆ ได้เริ่มขึ้นเช้าวันเสาร์ที่ 11 พค.56 ผู้เขียนได้เดินทางไปรับพี่เอกที่สถานีรถไฟดอนเมือง ด้วยความที่ไม่เคยไป ก็ทุลักทุเล พอสมควร แต่สะดวกพี่เอกเพราะพี่เขาเคยมารอที่นั่นบ่อยๆ
***** เมื่อไปถึง พบพี่เอกนั่งรออยู่แถวหน้าชานชาลาขาเข้ากรุงเทพฯ พี่เอกดีใจมาก สังเกตจากหน้าตาแล้วมั่นใจว่าไม่เหนื่อยเลย เพราะนั่งรถไฟนอน ตามที่ผู้อุปการคุณได้ซื้อตั๋วให้
***** จากนั้นพวกเราได้นั่งแท็กซี่ ไปหาน้องชายผู้เขียนซึ่งอยู่หอพักใกล้ๆ พันธุ์ทิพย์ เมื่อพี่เอกอาบน้ำ และรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนถามความสมัครใจ พี่เอกบอกว่าไม่เหนื่อย จึงไปกระทำภารกิจที่สำคัญต่อ
***** ผู้เขียนได้พาพี่เอกนั่งรถเมล์ และต่อรถแท็กซี่เพื่อไปที่สมาคมฯ พวกเราไปถึง "สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย" ที่ ซ.บุญอยู่ ใกล้โรงแรมมิตรภาพ แถวสามเหลี่ยมดินแดง พวกเราไปถึงที่นั่นก่อนเจ้าหน้าที่จะมา จึงนั่งรอเพื่อให้หายเหนื่อย เมื่อร้านสหกรณ์เปิด พี่เอกจึงได้ซื้อนาฬิกาตามที่ตั้งใจไว้เป็นลูกค้ารายแรกของวันนั้น
***** สำหรับนาฬิกาของผู้พิการทางสายตา ดูภายนอกคล้ายนาฬิกาทั่วไป แต่ที่แตกต่างคือจะมีปุ่มใหญ่กว่าปกติเพื่อให้ผู้พิการได้สัมผัส เพื่อตั้งเวลา ตั้งออฟชั่นตามต้องการ มีปุ่มกดบอกเวลา และบอกอุณหภูมิ นาฬิกาเรือนเก่าเป็นรูปหัวใจ นอกจากนาฬิกาผู้เขียนยังเห็นเครื่องคิดเลข โคมไฟ อักษรเบล ฯลฯ ซึ่งแน่นอนทุกอย่างต้องมีเสียงค่ะ
แต่ครั้งนี้พี่เอกขอเปลี่ยนสไตล์เป็นพวงกุญแจ เพื่อจะได้พกพาอันเดียว ไม่ต้องมีของหลายชิ้นเหมือนแต่ก่อน
***** มีเจ้าหน้าที่ซึ่งพิการทางสายตาเช่นกัน มาสอนวิธีใช้งานอย่างชำนาญ เมื่อชำระค่าสินค้าแล้ว พี่เอกก็ขอขึ้นไปเยี่ยมห้องสมุด ซึ่งเคยเป็นสมาชิกเพราะน้องสาวผู้เขียนเคยพาไปที่นั่นหลายครั้ง ตอนที่พี่เอกอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ
***** เป็นความรู้ใหม่สำหรับผู้เขียนที่ บรรณารักษ์บอกว่า ผู้พิการสามารถยืมแผ่นเสียงไปฟังได้ 1 เดือน และจะมีซองสีน้ำตาลให้ส่งแผ่นคืนสมาคมฯ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ดีใจที่ประเทศไทยได้จัดสิ่งเหล่านี้สำหรับคนพิการโดยเฉพาะสมาคมฯ ที่ได้อำนวยความสะดวก บรรณารักษ์ก็ใจดี มีบุคลิกเหมาะสมที่จะทำงานกับผู้พิการทางสายตาเป็นอย่างดี
***** ผู้เขียนจึงตั้งใจว่า อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต อยากจะบันทึกเสียงให้ผู้พิการทางสายตาบ้าง ซึ่งบรรณารักษ์บอกว่า อาสาสมัครท่านใดสะดวกก็เดินทางไปบันทึกเสียงที่นั่น แต่ท่านใดสะดวกบันทึกที่บ้านก็สามารถส่งไปได้ เพียงแต่บันทึกไฟล์นามสกุล mp3 ก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ กัลยาณมิตรท่านใด สนใจก็สามารถส่งไฟล์เสียงไปได้นะคะ เพียงแค่แจ้งรายชื่่่อหนังสือที่อ่าน ทางสมาคมก็จะก๊อบปี้และนำไปให้ผู้พิการยืมฟังต่อไปค่ะ
***** วันนั้นพวกเราพบผู้ใจบุญมากมาย ทั้งแท็กซี่ คนขับรถเมล์ และผู้โดยสาร ซึ่งให้ความช่วยเหลือพี่เอกด้วย ทำให้พี่เอกดีใจไม่น้อยที่แม้เขาจะมองไม่เห็นก็มีผู้คนปรารถนาดี ที่คอยช่วยเหลือตลอดการเดินทางในครั้งนี้ พี่เอกบอกว่า เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งรถเมล์ เพราะแต่ก่อนผู้มีอุปการคุณพานั่งแท็กซี่หรือไม่ก็รถส่วนตัว แต่ผู้เขียนอยากให้พี่เอกมีประสบการณ์บ้าง พี่เอกชอบใจ เพราะรถเมล์ปรับอากาศเย็นสบายและมีพื้นที่โล่งกว่าเยอะเลยค่ะ
*****
เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น แม้อากาศจะร้อนมาก
แต่ความร้อนและความเหน็ดเหนื่อยก็มลายไปเพราะดีใจที่ได้ช่วยเหลือพี่เอก
ซึ่งแม้เขาจะมองไม่เห็นก็อุตส่าห์เดินทางมาจากอุดรธานี งานนี้เรียกว่า
มาด้วยใจค่ะ happy ba ทุกท่านค่ะ
ชื่นชมคุณtuknarak ด้วยใจจริงครับกับภารกิจครั้ง
อ่านแล้วพลอบดีใจแทนคุณเอกไปด้วย
เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนครับ
การให้...เป็นคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ต่อสังคม
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
....ยินดีกับการให้ดีๆนี้ค่ะ..
เป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ ขอชื่นชมครับผม
เป็นการให้ที่มีคุณค่ามหาศาลแก่ผู้รับ ชื่นชมจ้ะ
มาร่วมแบ่งปันความอิ่มใจคะ