ปัจจุบัน พบว่า
การกินอาหารส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์โดยตรง เรียกว่า
กินอย่างไรก็จะได้อย่างนั้น หากเราเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว
กิจวัตรประจำวัน รวมทั้งเลือกกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากจะมีสุขภาพที่ดีแล้วยังเป็นแนวทางป้องกันโรคที่ดีด้วยและถึงแม้นว่าจะ
เป็นโรค เราก็ยังต้องเลือกกินให้ถูกกับโรคที่เป็น เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนและอยู่อย่างมีคุณภาพชีวิต
กินแบบไหนช่วยป้องกันโรคไต
หนึ่งในโรคที่มีส่วนสัมพันธ์โดยตรงกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารและพบบ่อยในคนไทย คือ โรคไตวายเรื้อรัง โดยผู้ที่เป็นโรคไตส่วนหนึ่งมาจากอาหารที่รับประทาน เช่น อาหารที่มีรสเค็มจัด
และอาหารที่ไม่สะอาด
ซึ่งการรับประทานอาหารให้ห่างไกลโรคไตนั้น
ควรเริ่มจากตัวเราก่อน
โดยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารจากที่เคยรับประทานอาหารในปริมาณที่เกินความต้องการของร่างกาย (ดูได้ง่าย ๆ คือน้ำหนักตัวจะเริ่มเพิ่มขึ้น เสื้อผ้าคับ) ก็ควรลดปริมาณอาหารให้น้อยลง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันจากสัตว์ และคอเลสเตอรอลสูง รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสจัดเกินไป เช่น หวานจัด เค็มจัด และอาหารที่มีกะทิ เพื่อป้องกันโรคอ้วน ซึ่งจะเป็นสาเหตุสู่โรคอื่นๆ ตามมา เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงและไขมันอุดตันในเส้นเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเป็นโรคไตเรื้อรังที่ตามมา นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคไตได้
เมื่อเป็นโรคไตควรกินอยู่อย่างไร ชะลอไตพัง
สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังแล้ว ก็ควรระมัดระวังไม่ให้โรครุนแรงไปมากกว่าเดิม
นอกจากการทานยาตามที่แพทย์สั่ง และการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีการล้างไตทางช่องท้อง หรือการฟอกเลือดอย่างสม่ำเสมอแล้ว
อาหารก็มีส่วนช่วยบำบัดอาการของโรคไตได้ หากเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม จะช่วยป้องกันภาวะทุพโภชนาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
ได้
ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ล้างไตด้วยการฟอกเลือด
หรือการล้างไตทางช่องท้อง อาจเกิดภาวะขาดสารอาหารได้
เนื่องจากผู้ป่วยอาจมีอาการเบื่ออาหาร ทานอาหารได้น้อยลงรวมทั้งมีการสูญเสียสารอาหาร
ระหว่างฟอกเลือด และการล้างไตทางช่องท้อง อาทิ โปรตีนซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมร่างกาย
และสร้างภูมิคุ้มกัน ดังนั้น
ผู้ป่วยแต่ละคนควรมีความรู้ความเข้าใจในการเลือกกินอาหาร เพื่อให้ได้รับสารอาหารโปรตีนและพลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
โดยผู้ป่วยโรคไตจะต้องรับการประเมินภาวะโภชนาการ ซึ่งได้แก่
น้ำหนักตัว ผลทางชีวเคมีของเลือด เช่น อัลบูมิน (วัดโปรตีนในเลือด) การประเมินอาการทางคลินิกและการประเมินการบริโภค
และนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรึกษานักกำหนดอาหาร/นักโภชนาการ เพื่อจะได้กำหนดปริมาณและรับประทานอาหารให้ถูกต้องเหมาะสมกับภาวะที่ร่างกาย
ต้องการของแต่ละบุคคล ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่
ทั้งเนื้อสัตว์ ข้าว แป้ง ไขมันที่ดี รวมทั้งผักและผลไม้แต่ต้องกินในปริมาณที่แนะนำ
เช่น ผลไม้อาจกินเงาะได้ไม่เกินวันละ 8 ผล แต่ควรงดเมื่อผลทางชีวเคมีของโพแทสเซียมในเลือดเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
ในขณะเดียวกันสารอาหารโปรตีนที่พบมากในเนื้อสัตว์ต้องรับประทานให้เพียงพอ
โดยเน้นบริโภคปลา
เพราะเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่ดี ย่อยง่าย มีไขมันต่ำ ในผู้ที่ล้างไตทางช่องท้องควรกินให้ได้
4-6 ช้อนโต๊ะต่อมื้อหรือเท่ากับ 3 กล่องไม้ขีดไฟกล่องเล็ก
หรือ ไพ่ 1 สำรับ และกินไข่ขาววันละ 2 ฟอง
การจัดอาหารให้น่ารับประทาน และดัดแปลงเมนูให้หลากหลาย จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น
เช่น ใช้ “ไข่ขาว” ดัดแปลงเป็นอาหารหลากเมนู
ไม่ว่าจะเป็น ซูชิไข่ขาว ฮ่อยจ๊อไข่ขาว หรือ ไส้กรอกอีสานไข่ขาว และอื่น ๆ
นอกจากนี้การใช้วุ้นเส้น มาใช้ในตำรับจะช่วยให้ท้องอิ่ม น้ำตาลขึ้นได้อย่างช้า ๆ และเพื่อให้ได้พลังงานตามที่กำหนด
ควรกินอาหารที่ปรุงด้วยวิธีการต้ม นึ่ง ย่าง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ น้ำมันในการปรุงอาหาร
ประเภทผัด จะต้องเป็นน้ำมันที่ดีคือ มีไขมันไม่อิ่มตัว เนื่องจากเรากินน้ำมันด้วย ควรใช้น้ำมันถั่วเหลืองผสมกับน้ำมันรำข้าวในสัดส่วน
1 : 1 สำรับ เพื่อลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดที่จะนำไปสู่โรคหัวใจ
ส่วนน้ำมันปาล์ม ใช้สำหรับอาหารประเภททอด
โดยหลังทอดเสร็จแล้วควรใช้กระดาษซับเอาน้ำมันออก ก็จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ที่สำคัญช่วยยืดอายุให้ยืนยาวมากยิ่งขึ้น
ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีไขมัน
และคอเลสเตอรอลสูง เช่น อาหารทะเล หมูสามชั้น หนังเป็ด หนังไก่ เครื่องในสัตว์ อีกทั้งเนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารสำเร็จรูป
ได้แก่ ไส้กรอก แฮม ปลาส้ม กุนเชียง รวมถึงเนื้อสัตว์ที่มีรสเค็ม เช่น เนื้อเค็ม
ไข่เค็ม ปลาเค็ม รวมทั้งอาหารทะเลแช่แข็งด้วย
เพราะอาหารเหล่านี้มีเกลือแร่ที่ชื่อโซเดียม ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าการกินโซเดียมเกินกว่าที่กำหนดมีผลต่อความดันโลหิตสูง
ส่งผลให้หลอดเลือดต่าง ๆ เสื่อมได้ง่ายขึ้น
ที่สำคัญควรระวังโซเดียม จากเครื่องปรุงที่ใช้ในการปรุงรสอาหาร อาทิ เกลือ น้ำปลา น้ำตาล ซึ่งจริง ๆ แล้วเราเติมลงในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติตามที่เราต้องการ แต่ร่างกายไม่ได้มีความต้องการ จึงต้องจำกัดปริมาณให้อยู่ในความเหมาะสม มิฉะนั้นการปรุงรสอาหารตามใจปากอาจเป็นส่วนที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็น อันตรายต่อ ความดันเลือด ระบบหัวใจ และระดับแคลเซียมในเลือด ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังหรืออาจทำให้เสียชีวิตได้
แต่ทั้งนี้
ผู้ป่วยสามารถเพิ่มรสชาติได้โดยการใช้สมุนไพรช่วยในการปรุงรส เช่น หอมแดง ใบมะกรูด
กระเทียม ข่า ตะไคร้ กระชาย ผักชี ขิง ใบแมงลัก เป็นต้น
นอกจากนี้ควรลดการกินขนมเบเกอรี่ ขนมปัง ซึ่งใช้ผงฟูซึ่งมีโซเดียมแฝงอยู่ นอกจากนี้ผงฟูยังมีเกลือแร่ชื่อฟอสฟอรัสซึ่งมีผลต่อกระดูกเปราะในผู้ป่วยไต
เรื้อรังถ้ากินมากเกินไป
ควรลดน้ำตาลทรายและอาหารที่มีกะทิ
เช่น แกงกะทิ ฉู่ฉี่ ก๋วยเตี๋ยวแขก ข้าวซอย ของหวานที่มีกะทิข้น เช่น
ขนมปลากริมไข่เต่า ผลไม้เชื่อมซึ่งมีผลต่อไขมันในเลือดชื่อ ไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจ
หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองและอาหารที่ย่อยยากและชิ้นใหญ่ ไม่ควรกินอาหารมื้อใหญ่
ควรแบ่งเป็นมื้อเล็ก ๆ หลายมื้อ กินให้พอเหมาะกับกิจกรรม
นอกจากนี้ ควรจำกัดน้ำดื่มเมื่อมีอาการบวม โดยดื่มน้ำปริมาณเท่ากับปริมาณปัสสาวะต่อวันที่ขับออกมา
บวกกับน้ำ 500 ซีซี หลีกเลี่ยงการดื่ม ชา กาแฟ ช็อกโกแลต
น้ำอัดลม เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีทั้งโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสในปริมาณค่อนข้างสูง
งดการดื่มสุราและสูบบุหรี่ ทั้งนี้ผู้ป่วยควรออกกำลังกายเบา ๆ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
กล้ามเนื้อแข็งแรง และควบคุมความดันโลหิตได้ดีขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ และเลี่ยงภาวะตึงเครียดต่าง
ๆ ที่จะทำให้สุขภาพจิตเสื่อมลง ถ้าผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังสามารถปฏิบัติตัวได้ดังกล่าวก็สามารถอยู่อย่างมี
คุณภาพชีวิตที่ดีได้แม้นเป็นโรคไตเรื้อรัง
" ข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนิดา ปโชติการ
นายกสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย
นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์ "
( ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์คอลัมน์ ชีวิตและสุขภาพ )
คนใกล้ตัว หรือคนรู้จัก มีใครใกล้จะเป็นโรคไตหรือเป็นแล้ว เราควรให้กำลังมากๆ ฝากแนะนำบอกต่อด้วยนะคะ
ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
สวัสดีค่ะ
แวะมาเรียนรู้ค่ะ
เป็นบันทึกที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ นี้นะคะ^^
ขอบคุณบันทึกเพื่อสุขภาพค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ดา
จะบอกต่อพี่สาว ย้ำเตือนเพราะเขาเป็นโรคไตอยู่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
สวัสดีค่ะพี่ดา
ขอบคุณสำหรับบันทึกเรื่องนี้ค่ะ โดยส่วนตัวไม่ทานเค็มอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าคุณพ่อเสียชีวิตด้วยอาการไตวาย ทำให้มีตัวอย่าง
ขอบคุณที่ช่วยกันเผยแพร่ค่ะ