HAI ดอก SHA (ให้ดอกชา) บาน


" พูดด้วยความจริง พูดสิ่งที่เป็นประโยชน์ พูดด้วยเมตตา แสดงวาจานิ่มนวล"

          

      2-4 พค. 56 พวกเราได้เข้าร่วมประชุมและร่วมในการแบ่งปัน  ภายใต้การทำงาน สรพ (HAI) ตามแบบเดิมการเรียนรู้ครั้งนี้ยังคงเป็นรูปแบบ Plearn (Learn +Play) ภายใต้การหลายหลายของสิ่งที่เราเรียกว่าความเป็นองค์กรนั้น เรื่องราวการทำงานการแบ่งปันการพบปะ มิตรภาพใหม่สามารถเก็บเกี่ยวได้จากการทำงานและการเดินทางช่วงนี้  ผมขอเล่าเรื่องราวที่บอกว่าการเรียนรู้ 


แสนจะ Plearn  ในวันที่ 2 และวันที่ 4

     ในกิจกรรมที่แสนเพลินอย่างหนึ่งที่อาจบอกว่าไม่มีใครปฏิเสธได้นั่นก็คือ การเที่ยว และในช่วงเพลินในวันแรกและวันที่สาม ต่างเต็มไปด้วยโปรแกรมการออกแบบที่น่าสนใจมากมาย บางครั้งมานั่งคิดแบบโดเรม่อนเจ้าปัญหาถ้าไม่มาเราคงไม่รู้เลย  ว่ามีที่สวยๆแบบนี้ด้วย เนื่องจากไปมาหลายที่ผมจะเล่าเพียง 3 ที่ เพราะมันทำให้ผมสนใจและยิ่งอ่านประวัติแต่ละที่ที่เขาบรรยายแล้ว ยิ่งทำให้ผมตั้งคำถามใหม่ "คิดได้ไง"  ตรงคำว่าคิดได้ไงนี่แหละครับชวนมาคิดนะครับ 


ที่แรก พิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติ พัทยา ที่นี่เวลาเข้าไปต้องบอกว่าเราหลุดเข้าไปในอีก 1 ดินแดน คือดินแดนภาพสามมิติทุกอย่างล้วนถ่ายภาพออกมาราวกับว่ามันมีชีวิตภาพศิลปะแต่ละอย่างช่างเป็นการเอาศิลปะมาเป็นสินค้าขายได้ ขายอย่างไรครับ คือการที่เราสามารถถ่ายรูปกับมันได้ อย่างมีความสุขครับ ผมลองมาอ่านประวัติผมทึ่งครับ แนวคิดของที่นี่เป็นของคนเกาหลี ที่พยายามเสนอสิ่งแปลกใหม่ออกมา เอาผับหรือบาร์ที่เป็นเจ้าของเดิมมาปรับเป็นที่ภาพวาด 3 สามมิติพร้อมทั้งสร้างรายได้มหาศาลเชียวครับหากคิดไม่ออกลองนึกวัดร่องขุ่นครับ เป็นการใช้สัมผัสและการเก็บรูปนี่คือสินค้าของ Art in Paradise ครับ 


ที่สองไร่องุ่นซิลเวอร์เลค หากทุกท่านรู้จักคุณสุพรรณษา  เนื่องภิรมย์ อดีตดาราของเราที่อยู่อย่างยาวนานเป็นผู้ก่อกำหนดไร่องุ่นนี้ครับ และไร่นี้ทั้งหมดกว้างใหญ่เหลือเกิน 300 กว่าไร่ แต่เรามาหน้าร้อนองุ่นออกน้อย พันธุ์ที่เราได้ดูมากๆคือพันธุ์ที่เราเรียกว่าพันธุ์ดูใบ (เน้นการดูใบองุ่น) แต่ทางไร่เองก็ยังมีส่วนต่างๆที่จัดไว้อย่างเป็นระบบ มีตอนหนึ่งที่เด็กอ้วนอย่างหยุดคิดได้อีกก็คือ "แนวคิดการทำไร่นี้มาจากอเมริกาที่แกไปดูมาและมองว่าที่นั่นบรรยากาศและความแห้งแล้งก็เยอทำไมเราเองจะทำไม่ได้"  จากวันนั้นเองก็เกิดรูปแบบสวนและการจัดบรรยากาศที่เราเรียกว่าเน้นการขายบรรยากาศ และมีที่พัก พร้อมทั้งในไร่เองก็ประสานให้ชาวบ้านปลูกและเอาผลิตภัณฑ์มาขายด้วย  จุดนี้เองที่ผมชอบและนั่งคิดเห็นการทำงาน...และการวางแผนการตลาดที่ยอดเยี่ยมมาก ..... ไม่เชื่อต้องลองไปนะครับ


ที่สาม ไร่สุภัทราแลนด์ เป็นไร่ผลไม้ที่มีการสาธิตการปลูกการผลิตตลอดฤดูกาลจะบอกท่านว่าฤดูนี้เองทางสวนผลไม้กำลังใกล้สุกมากๆครับ หากท่านไปในช่วงสิ้นเดือน พค. 56 ท่านจะพบผลไม้หลายอย่างเท่าที่ผมดูเจอเยอะมากทั้งเงาะ ทุเรียน มังคุด สละ องุ่น แม้กระทั่งการปลูกผักไร้ดิน และการเลี้ยงผึ้งที่นี่มีการออกแบบไว้อย่างรบวงจรครับ..จุดขายที่นี่เน้นขายความหลากหลายของผลไม้ พร้อมทั้งการที่เราได้ชิมผลไม้จุดแรกของการพักเป็นจุดชิมผลไม้ และต่อไปเป็นจุดที่เราไปชิมสลัดผัก พร้อมทั้งส้มตำจากไร่ครับ เวลาท่านเดินทางไปท่านจะไม่เหนื่อยครับ  เนื่องมาจากว่าที่นี่จะพาท่านนั่งรถรางวิ่งไปรอบๆไร่...แต่ถามว่าการทำแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร หลายท่านเรียกว่าการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ก็น่าจะใช่ครับ ขายความเป็นวิถีชีวิต และสร้างแบรนด์ของมันได้ แต่มากกว่านั้น...มีพนักงานตะโกนบอกว่าพี่ Check in ที่นี่ได้นะครับ หรือ ถ่ายรูปแลลงที่ Instagram ได้นะครับ "โอ้นี่การตลาดผ่าน social networks" ผมแอบคิดเบาๆ ซึ่งใช่เลย การจัดการการวางรูปแบบอย่างเป็นระบบ และจุดสุดท้ายก่อนกลับท่านลงจากรถจะมีร้านขายผลไม้และผักอยู่ที่นั่นท่านสามารถซื้อติดมือกลับบ้านได้ครับ....


ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง....ในที่นี้มี Idol 


     หัวข้อเรื่องนี้ฟังแล้ว...เอะมันคืออะไร  ผมจะบอกว่าหัวข้อนี้คือกระบวนการ ที่เราเรียกว่าผู้ก่อตั้ง สรพ.(สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล องค์การมหาชน) ได้มาเล่าเรื่องราวที่ก่อตั้งล้มลุกคลุกคลานแสนยากลำบางมาขนาดไหน ก่อนเข้ากระบวนการ วันนี้ทั้งวันคนที่ดำเนินกระบวนการที่ทำเอาผมตะลึงในความสามารถและการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อการแลกเปลี่ยนตลอดเวลาทั้งวัน และเอาเรื่องต่างๆมาเล่าให้เราฟังคือ ศ.นพ.ประสิทธิ์  วัฒนาภา คณะกรรมการ สรพ. หรืออีกตำแหน่งอาจารย์ดำรงตำแหน่ง รองคณบดีแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และในมหิดลอาจารย์ยังเป็นรองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและการพัฒนาคุณภาพ   วันนี้อาจารย์มาเป็นวิทยากรอาจารย์บอกว่าวันนี้จะมาทำสิ่งที่เรียกว่า Core value ค่านิยมองค์กรหรือวัฒนธรรมองค์กร ทุกคนต้องช่วยผมด้วยนะ แต่จากนั้น Session ที่สำคัญการสืบค้นหารากเหง้าที่ไปที่มาเพื่อรู้ว่า สรพ.ปัจจุบันคืออะไร และมีกระบวนการอย่างไร....เรื่องนี้ถูกบรรยายผ่าน 2 ท่าน เนื่องจาก ผอ. หมออนุวรรธ ได้รับรางวัลศิษย์เก่ารามาดีเด่น ผู้แทนที่บอกเล่าเรื่องราวและแรงบันดาลใจจึงเป็น แม่ต้อย และแม่อี๊ดหรืออาจารย์ผ่องพรรณที่บอกเล่าเรื่องราวกว่าจะมาเป็น สรพ.

แม่ต้อยเล่าให้ฟังว่า : กว่าจะเป็น สรพ. นั้นล้มลุกมาหลายรอบ แต่ทุกคนที่ยังอยู่บนฐานเดียวคือเรื่อง "ความเชื่อมั่นความมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำนั้นว่าดี แม้จะไม่ได้เงินมีเงินจ้าง แม้ลาออกจากราชการมาทำหน้าที่นี้" ก่อนหน้านั้นไม่ได้ใช้ชื่อว่า สรพ. (สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลองค์การมหาชน) แต่เป็น พรพ.สถาบันพัฒนาและรองคุณภาพสถานพยาบาล และ พรพ. นั้นยังเป็นองค์กรลูกหนึ่งที่ทำหน้าที่ในการดูแล ของ สวรส. ช่วงนั้นงบประมาณในการบริหารจัดการเองไม่ได้มากมายขนาดนี้ เราต้องประสานของแหล่งทุน ประสานให้เกิดการอบรมพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาล หากใครจำได้ แรกนั้นเราเรียกว่าเจ้าหน้าที่ยุคตึกเก่าและเปลี่ยนผ่านมายุคเจ้าหน้าที่ (สำนักงานเป็นตู้คอนเทนเนอร์)และเชื่อมมาสมัยยุคนี้คือ ยุคตึกสุขภาพแห่งชาติ ความมุ่งมั่นของแม่ต้อยเมื่อมีการชวนแม่ต้อยมาทำ พรพ. ณ ช่วงนั้นแม่ต้อบคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบตกลงมาร่วมกัน มีหลายคนถามแม่ต้อยว่ามา พรพ.จะรอดไหม และทำอย่างไร ....คำตอบเหล่านั้นต้องบอกว่าวันนี้แม่ต้อยคือคำตอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น 


แม่อี๊ด ย้อนวันเคาะประตูขอประเมิน : แม่อี๊ดนั้นเป็นนักเรียนพยาบาล Degree เมืองนอกแต่เลือกกลับมาพัฒนาบ้านเรา ให้สามารถอยู่ได้ ช่วงนั้นแม่อี๊ดบอกว่าใช้ภาษาไทยเองก็ลำบาก และแม่อี๊ดได้แปลเรื่องคู่มือระบบการประเมินสถานพยาบาลจากเมืองนอกหลายเล่ม เพื่อการพัฒนาระบบ เมื่อก่อนเองจะไปประเมินใครไม่ได้ง่ายแบบนี้แม่อี๊ดบอกว่าต้องขอเข้าไประเมิน จากการทำงานดังกล่าวเราเข้าไปดูไปช่วยและทำงานร่วมกัน จนปัจจุบันเราพัฒนาและเกิดความเป็นเครือข่ายการทำงาน พร้อมทั้งการประสานให้เกิดความร่วมมืออย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ นี่คือดอกผล แม่อี๊ดบอกว่าวันนั้น จากการที่ไปบรรยายที่ขอนแก่น อาจารย์อนุวรรธได้มาชวนมาทำงานร่วมกันด้วยความคิดกรอบ HA ดังกล่าว แม่อี๊ดก็ตอบตกลงทันที เพราะแม่อี๊ดมีความเชื่อในการทำงานนี้และคุณค่าที่มันจะเกิดขึ้น 

     จากเรื่องราวดังกล่าวอาจารย์ประสิทธิ์ชวนเรากลับไปหารากเหง้าและชวนกลับไปหาที่มาที่ไปของ สรพ. อยากเป็นระบบ เพื่อเข้าสู่กระบวนการที่เราต้องสร้างเรื่องรวาค่านิยมหรือวัฒนธรรมองค์กรร่วมกันต้องรู้ที่ไปที่มาการก่อตั้งและรากเหง้า..


 ค่านิยม : คนนิยม 

      อาจารย์ได้อธิบายให้เราฟังถึงความสำคัญค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรมีความสำคัญอย่างไร  จากการอธิบายดังกล่าวผมนิ่งและคิดตามเยอะมากเพราะหลายอย่างผมคิดว่ามีความสำคัญเอามากๆ ผมรีบหยิบมือถือมาเขียนบันทึกและแชร์ผ่าน facebook ทันทีเนื่องมาจากความรู้ความดีความงามนั่นเหมาะแก่การเผยแพร่ พร้อมทั้งกรณีศึกษาต่างๆที่อาจารย์หยิบมา โดยผมจะเอาไว้ช่วงท้าย หรือตอนต่อไป แต่ที่แม่นหมายก็คือ ค่านิยามองค์กร : คนในองค์กรต้องนิยม ต้องสร้างโดยกระบวนการใดๆก็ตามแต่ ทั้งการสร้างรูปแบบการสื่อสาร กิจกรรม หรือรูปแบบการประสานกับผู้บริหารให้เกิดแนวทางพร้อมทั้งรูปแบบในการทำงานอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งรูปแบบการทำงานอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นค่านิยมองค์กรต้องทำและซึมเข้าไปในเนื้อเดียวของการทำงานของเรา ตบท้ายด้วยประโยคนี้ "โลกนี้เปลี่ยนไปไม่ใช้ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นโลกที่ ปลาเร็วกินปลาช้า" ดังนั้นการสื่อสารการสร้างความเข้าใจให้เห็นคุณค่าร่วมกันอย่างรวดเร็วนั้นมีส่วนในการดำเนินการและความสำเร็จจากการทำงานอย่างยิ่ง อาทิ Kodak ครองความเป็นกล้องฟิลม์อย่างต่อเนื่อง ต่อมาช่วงหนึ่ง NASA ขึ้นไปดวงจันทร์และส่งภาพลงมา kodak ผลิตกล้อง Digital รุ่นแรกของโลกขึ้นมารุ่น DC40  แต่นั่นต่อมาอีก 9 เดือน บริษัทอื่นๆก็สามารถผลิตได้ และปัจจุบันได้หมดความนิยมและล้มลงไปในที่สุด เพราะ Kodak คิดว่าทำดีสุดเร็วสุดแล้ว ต่อมาไม่ทันและเกิดการล่มไป 


     และกิจกรรมช่วงบ่ายอาจารย์ให้เราแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่ม เพื่อให้ดูว่า อะไรที่เป็น Do ที่นำไปสู่เป้าหมาย ที่ไม่ใช่เป็น Don"t แล้วให้พวกเราจัดกลุ่มคำดังกล่าวออกมาว่าอะไรที่เราจัดกลุ่มพฤติกรรมหรืออุปนิสัยรวมๆออกมาได้เพื่อให้เกิดกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ บางกลุ่มแตกออกมามากมายจัดเป็นรูปหัวใจ บางกลุ่มคิดออกมามากมายติดเป็นกลุ่มๆ บางกลุ่มออกมากมายติดออกมาเป็นรูปแบบกระจัดกระจาย แต่ทั้งหมดแต่ละกลุ่มต้องรวมออกมาเอง  จากการรวมนั้นยกตัวอย่างกลุ่มผม Do ที่จำเป็นต้องทำ มากถึง 150 แผ่น ทั้งรักองค์กร ตรงเวลา อื่นๆ พอเรานำมาจัดแล้วกลายเป็น 11 กลุ่มพฤติกรรม  เอาหลักเช่น การทำงานเป็นทีม การเปิดใจ การเรียนรู้ และประเด็นต่างๆอีกมากมาย... โดยอาจารย์สรุปให้เราบอกว่า ผมจะนำไปจัดการและนำเสนอค่านิยมวัฒนธรมองค์กรให้วันรุ่งขึ้นผมเอง ทึ่งในกระบวนการเหล่านี้ เพราะอาจารย์บอกว่านี่คือ ค่านิยมองค์กรที่ทุกคนเป็นคนคิดและเป็นสิ่งที่ถูกต้องบางองค์กรเป็นองค์กรใหญ่มากกระบวนการเหล่านี้จะยาก ต้องใช้กระบวนการจากบนลงล่างซึ่งหมายถึงต้องเร่งการสื่อสารสูงมาก  จากการพัฒนาค่านิยมองค์กร 3 ขั้นในวันนี้อาจได้ที่ขั้นที่ 1 จาก 3 ขั้น  ขั้นที่ 1 การร่วมคิดค่านิยมเข้าใจรับรู้  ส่วนขั้นที่ 2 การรับรองโดยบอร์ดและการสื่อสารค่านิยมนั้นต้องมีการดำเนินการต่อไป  และนำมาสู่ขั้นสุดท้ายกลุ่มคนส่วนใหญ่ยอมรับค่านิยมรับรู้จนเป็นหนึ่งสามารถในในการนำทีม เกิดความรู้สึกรักและเกิดบุคคลต้นแบบ หรือ Hero บอกเล่าได้เป็นต้น 


จับเข่าคุย HAI เกิดพลัง...


     จากการประมวลทั้งหมดที่อาจารย์ได้ประมวลมา พร้อมทั้งการที่อาจารย์ได้ถ่ายทอดนั้น อาจารย์ประมวลจากใบความเห็นแต่ละกลุ่มจำนวน 780 แผ่น และนำมา Key เพื่อจัดลำดับกาความสำคัญใหญ่ๆ ผมเองจำได้บางอันเท่านั้น..คือ มี 8 วัฒนธรรมหลัก 36 องค์ประกอบ/พฤติกรรมที่พึงประสงค์ อาจารย์ได้สรุปไว้หลักๆคือ 

  1. Team work 
  2. Leadership 
  3. Responsibility 
  4. Discipline integrity
  5. Self development
  6. Altruism
  7. Respect 
  8. Profesionalism
     โดยทั้งหมดต้องนำมาสู่วัฒนธรรมองค์กรและเกิดความยั่งยืนในกระบวนการทำงาน นำมาสู่ 8 วัฒนธรรมหลัก โดยการการปลูกฝังนั้นอาจารย์บอกว่าว่าควรทำ (เหมือนที่ G2K ทำครับ) ผมนึกเองเอง  มีอยู่ 3 ขั้นตอนหรือหลักการใหญ่ๆ  คือ 

  1. ผ่าน Story telling เพื่อสื่อสารสร้างความเข้าใจกับทีมแลการพัฒนาระบบ และนำมาสู่กระบวนการทำงานเป็นทีม 
  2. ผ่าน Experience sharing ผ่านประสบการณ์และท้ายสุดจะเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาต่างๆ 
  3. กระบวนการสร้าง Role modeling เพื่อเป็นแบบอย่างตัวอย่างให้ทุกคนเรียนรู้ ความเข้าใจเอาแบบอย่าง และกระบวนการที่ต้องสร้าง Change agent เพื่อนำมาสู่กระบวนการกลุ่มหรือปลูกฝังต่อไป อาจผ่านรูปแบบ COP ในการเรียนรู้องค์กร จนเกิดวัฒนธรรมร่วม
     จากขั้นตอนทั้งหมดต้องมีการติดตามผลเป็นระยะในรูปแบบการสังเกตการเปลี่ยนแปลงและเกิดกระบวนการที่เห็นในเชิงรูปธรรมในรูปแบบการทำงานเขิงผลลัพท์การทำงานให้เกิดการประสบความสำเร็จสูงสุดครับ  และท้ายสุดอาจารย์ได้พูดประโยคหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก "ในการสร้างความสัมพันธ์ทีมและ สรพ.ที่เน้นกระบวนการ Customer focus" ในการดำเนินงานอาจารย์บอกว่า 

 " พูดด้วยความจริง พูดสิ่งที่เป็นประโยชน์ พูดด้วยเมตตา แสดงวาจานิ่มนวล"


     ท้ายสุดจบบันทึกฉบับนี้ ผมขอบคุณทุกคนในการแลกเปลี่ยน ผมขอบคุณอาจารย์ประสิทธิ์ แม้ต้อย แม่อี๊ด และพี่พอลล่า และเพื่อร่วมเดินทางทุกคน ....ผมขอจบภาพนี้ VDO เดียวกับอาจารย์เสนอ แต่ตอบว่าทำไมห่านจึงบินเป็นตัววี เพราะว่าตัวแรกจะบินและต้านลมให้ตัวอื่นบินง่ายขึ้นและร้องตลอดเวลา แสดงว่าฉันยังไหว หากตัวไหนเหนื่อยอีกตัวจะเบียดขึ้น และสลับกันไปอย่างนี้ และตัวไหนบินไม่ไหวอีก 2 ตัวจะเข้าขนาบข้างประคอง และไม่ไหวจริงๆ มันจะลงมาจนเพื่อนมันสิ้นใจและบินเข้าไปร่วมฝูงใหม่ .......นี่คือการทำงานเป็นทีมมีระบบ และจนเป็นนิสัยผมว่าห่านตัวนี้มีวัฒนธรรมและความเชื่อมเดียวกันครับ...






หมายเลขบันทึก: 534939เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2013 22:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม 2013 22:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

HAI กันเพลิน เลินพลางเล่น เห็นผลงาน สมองเปิดรับบริการ งานคุณภาพทำเพลินๆ

เป็นบันทึกที่ละเอียดและลึกซึ้งนะคะ ทั้งยังเต็มไปด้วยแง่คิด และแสดงถึงแรงบันดาลใจของผู้เขียน

สวัสดีค่ะน้องลูกหมูเต้นระบำ

  • อ่านเพลินไปเลย เล่าเรื่องได้เห็นภาพประกอบเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ เก่งมากค่ะ
  • ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังนะคะ ตอนนี้หลายๆที่ต้น SHA กำลังเบ่งบานค่ะ ขอบคุณแม่ต้อยและทีมงานจากสรพ.แทนทุกท่านด้วยนะคะ

  พี่วอญ่า ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยมชมในการทำบันทึก พี่วอญ่าเองเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนี้ตรงกับพี่พี่พอลล่าครับ


  พี่ไอดินกลิ่นหญ้าครับขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับพี่ ...


  ขอบคุณมากครับพี่มนัสดา ที่เข้ามาเยี่ยมชมและให้กำลังใจ แม่ต้อยเองก็แข็งแรงและเป็นพลังเด็กๆอยู่ครับ ในกระบวนการพัฒนาดำเนินการ ตอนนี้พี่เบ็ด พี่รัต พี่พอลล่ากำลังขับเคลื่อน การปลูกต้น SHA แล้วนำมาชงใน CUP กับพวกเราครับ




็็็HAI กำลังใจคนทำงานทุก ๆ คนจ้ะ

  ขอบคุณมากครับพี่มะเดื่อที่ร่วมเข้ามาแบ่งปันในการทำงานร่วมกันครับ... และขอบคุณสำหรับกำลังใจ

ต้น SHA ออกดอกแล้ว และจะเบ่งบานต่อไป เอาใจช่วยค่ะ

    พี่กอหญ้าขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับที่มาร่วมกันปลูก SHA


ดีใจที่เข้ามาอ่าน 'ถูกเวลา' พอดี ดีมากๆ ขอบคุณค่ะ

   ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมครับพี่..

ตามรอยความสุขมาเรื่อย ๆ ค่ะ บันทึกความสุขจากการอ่าน การชม และการมีส่วนร่วม การทำงานมีมากมายนะคะ ประทับใจทุกเรื่องเลยค่ะ ขออนุญาตเลือกเฉพาะเรื่องที่สอดคล้องกับ Happy Ba, Happy 8 มากที่สุดนะคะ เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นบันทึกไหน เลือกมาให้ขนาดนี้ก็คงชอบทุกเรื่องจริงไหมคะ 

ครับพี่ศิลา รักพี่เสียดายน้องจริงๆ เลือกได้เลยครับผม  ขอบคุณมากๆนะครับพี่ศิลา มีความสุขในวันหยุดยาวและการแบ่งปันบุญนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท