ยำหัวปลี (ดอกกล้วย)


                                                          ยำหัวปลี (ดอกกล้วย)

                                                   นายอานนท์ ภาคมาลี (หมอแดง)

ยำหัวปลี (ดอกกล้วย) เมนูยำแบบไทยๆอีกเมนูหนึ่งที่ปัจจุบันหารับประทานไม่มากนัก โดยใช้หัวปลี (ดอกกล้วย) นำมาเผาไฟ น้ำยำใส่พริก สำหรับท่านไหนที่ชอบทานหัวปลี (ดอกกล้วย) ไม่ควรพลาดเมนูนี้ครับ ทั้งอร่อยและรสเข้มข้น ไม่แพ้น้ำยำตัวไหนๆเลยครับ สิ่งที่ต้องเตรียม หัวปลี (ดอกกล้วย) กล้วยน้ำว้า 1-2 ดอก เห็ด เห็ดฟาง เห็ดโค่น เห็ดออรินจิ และเห็ดอื่นๆ กะทิกล่อง หรือ หัวกะทิ (ใช้มะพร้าวแก่) ห้ามใช้มะพร้าวไม่แก่ไม่อ่อน (เขาเรียกมะพร้าวทึนทึก หรือเปล่าไม่แน่ใจ) มะขามเปียก พริกขี้หนูแห้ง กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ น้ำปลา ซีอิ้วขาว น้ำตาลปีบ มะนาว น้ำมันพืช ใบตอง

นำเห็ดมาย่างไฟ โดยเสียบไม้ สำหรับท่านที่ไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ นำหัวปลี (ดอกกล้วย) มาเผาไฟ หรือย่าง ให้สุกข้างใน และมีกลิ่นหอม มะขามเปียกแช่น้ำ นำพริกขี้หนูแห้ง กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ เผาไฟ นำมาโขลก หรือตำ ให้เข้ากัน แล้วนำมาผัดน้ำมัน ใส่กะทิ น้ำตาลปีบ ซีอิ้วขาวเล็กน้อย น้ำปลา น้ำมะขามเปียก

นำใบตองมาวางบนเขียง และนำหัวปลี (ดอกกล้วย) ที่เผา ลอกเปลือกแข็งๆออกและหั่นเป็นชิ้น ที่นำใบตองมามาวางเพื่อไม่ให้ หัวปลี (ดอกกล้วย) ติดเขียง นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พร้อมนำเห็ดมาหั่นใส่รวมกัน นำน้ำยำมาลาดและยำ หากไม่เค็มเติมซีอิ้วขาวเล็กน้อยพร้อมน้ำปลา และหากไม่เปรี้ยวบีบมะนาวเพิ่ม

หัวปลี คือส่วนที่เป็นดอกของต้นกล้วย ซึ่งจะเติบโตไปเป็นผลกล้วยต่อไป แต่เราจะนำปลีกล้วยที่ออกผลไปจนสุดเครือแล้ว ชาวสวนจึงจำเป็นจะต้องตัดปลีกล้วยออก เพื่อให้ผลกล้วยที่อยู่ในเครือจะได้เจริญเติบโตเต็มที่ (หากไม่ตัดปลีกล้วยออก ปล่อยให้มันแห้งเหี่ยวคาเครือกล้วย จะทำให้กล้วยเครือนั้นมีผลเล็ก) เราสามารถกินหัวปลี (ดอกกล้วย)ได้ทั้งดิบและสุก เช่น กินกับผัดไท กินกับขนมจีน หรือหัวปลีลวกราดกะทิ กินร่วมกับน้ำบูดู ก็อร่อยไปทุกเมนู (ยังไม่ทันได้ลงมือทำ น้ำลายก็เริ่มทำงานซะแล้ว เพราะเขียนไป จินตนาการไป) ปลีกล้วย (ดอกกล้วย) ที่คนปักษ์ใต้นิยมรับประทาน เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยหิน เพราะรสชาติหวานกรอบ นอกจากนี้ คนโบราณนิยมให้สาวๆ ที่เพิ่งคลอดบุตรใหม่รับประทาน เพราะมีสารอาหารประเภทธาตุเหล็กอยู่มาก ทำให้สาวๆ ที่เพิ่งมีลูกอ่อนมีน้ำนมออกมาเยอะ ๆ ให้ลูกได้ดื่มกิน(บำรุงน้ำนม) แถมยังสามารถรักษาโรคกระเพาะได้ดีเยี่ยมอีกด้วยใบชะพลู ไว้รับประทานเป็นเครื่องเคียง

นำไปรับประทานกับใบชะพลู ซึ่งเป็นพืชผักที่ขึ้นอยู่ทั่วไปบริเวณใต้ต้นไม้อื่น ๆ เช่น ต้นมะม่วง มะนาว เป็นต้นชะพลูเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มีใบคล้ายใบพลูที่กินกับหมาก แต่ใบชะพลูจะมีความอ่อนนิ่มมากกว่า นิยมนำไปกินกับเมี่ยงคำหรือลาบ  คนปักษ์ใต้นิยมนำใบชะพลูมาใส่แกงหรือคั่วต่าง ๆ เช่น ผัดเผ็ดหอยแครง แกงกะทิหอยขม แกงคั่วไก่บ้าน เป็นต้น ใบชะพลูเป็นผักที่มีทั้งคุณค่าทางอาหาร คือ มี เบต้า-แคโรทีน สูงมาก และมีประโยชน์ทางยาอีกด้วย กล่าวคือ เถาและราก ใช้ขับเสมหะ บำรุงธาตุ  และใบทำให้เจริญอาหารและขับเสมหะ

หมายเหตุ

1. เครื่องปรุงทุกอย่าง หากได้ลงมือทำเอง จะทำให้รู้สึกถึงความหอมหวาน มัน เค็ม เปรี้ยว อร่อยสุด ๆ (เพราะเราได้ใส่ ใจ ลงไปในยำหัวปลี (ดอกกล้วย) ด้วยนั่นเอง เช่น ขูดมะพร้าวเอง ตำพริกแกงเอง ยำเอง เป็นต้น

2. หากใครไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ ก็ไม่ต้องใส่ ก็อร่อยไปอีกแบบหนึ่งค่ะ

3. เป็น อาหารเพื่อสุขภาพ อีกรายการอาหารหนึ่ง ที่กำลังหารับประทานยากมากๆ


หมายเลขบันทึก: 534293เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2013 19:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน 2013 19:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)



น่าอร่อยนะจ๊ะ  เครื่องปรุงหาง่าย  ทำก็ง่าย แถมอร่อย มีประโยชน์มากด้วย  ขอบคุณจ้ะ

เคล็ดลับไหมคะ ที่รองใบตองบนเขียงแล้วหั่นปลีที่เผาแล้ว ที่ไม่ให้ติดเขียง หรือยางปลีจะติดแน่น คะ

หัวปลีชอบทั้งยำ ทั้งแกง ค่ะ

ทุกอย่างเผาหอม น่าอร่อยมาก พึ่งทราบว่าใช้ หัวปลีเผาไม่ต้องลวกก็ได้

ดีจังค่ะจะจำวิธีทำไปทำให้แม่ชิมที่บ้านสุพรรณค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

มื้อนี้มี ยำหัวปลี แล้ว ขอเพิ่มอีกเมนูหนึ่งนะคะ คือ

ต้มมะระยัดไส้หมูเด้ง ทานคุ่กัน น่าอร่อยดีค่ะ



พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท