ฉันเขียนกลอนบทนี้ขึ้น ในวันที่ฝนตก ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุกลางเดือนเมษายน ขณะที่ทอดสายตามองผ่านหน้าต่างหลังบ้านและวางใจไปกับเม็ดฝนที่ร่วงหล่นโปรยปรายลงมา ฉันตระหนักได้ถึงความจริงที่ว่าสายฝนที่ร่วงหล่นอยู่นั้นอาจสามารถช่วยให้ความร้อนในชั้นบรรยากาศลดลงไปได้บ้าง ด้วยการซึมซับเอาไอที่ร้อนระอุจากผืนดินให้ระเหยขึ้นไปในอากาศ หากแต่ว่าความฉ่ำเย็นที่เกิดขึ้นในใจของฉันนั้นมิได้เกิดจากสิ่งนี้เลย แต่เกิดขึ้นมาจากใจที่ปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลงแล้วต่างหาก
นี่หละหรือคือเหตุแห่งความจริงแท้ที่ว่าจักนำพาคนเข้าสู่ความดับเย็นเช่นนิพพาน
นี่หละหรือ คือ ความหมายของวลีที่ว่า...วาง...จึงว่าง
วาง...จึงว่าง
ขอบคุณธรรมะจากธรรมชาติค่ะ
ตัวเล็กจังจึงวางแว่นมอง
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ จะปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะ คนใจดี
ขอบคุณ...โปรยปราย...ที่เย็นฉ่ำไปด้วยรสธรรม..." วาง จึง ว่าง" แม้จะอ่านวันนี้ วันที่พิรุณโปรยปราย..ที่ปักษ์ใต้ซึ่งไฟใ้ต้ร้อนระอุไปทั่ว... ก็ำทำให้ใจร่มเย็น วาง ว่าง ไปได้บ้างค่ะ :-))
ภาวนา ขอให้ "ใต้ร่มเย็น" เสมอ เพื่อเป็นด้ามขวานทองอันสวยงามคู่ไทยค่ะ