สิ้นกิเลศ เกศแหลม ตาดู หูยาน นั่งนาน ไม่ขานตอบ ยิ้มปลอบประโลมใจ
1.สิ้นกิเลศ
ที่คนเขาไหว้เราเพราะกิเลศเราเบาบาง เคารพเพราะเรามีกิเลศน้อย เราเคารพพ่อแม่เพราะพ่อแม่สวดมนต์ไหว้พระให้เราเห็นพ่อแม่มีกิเลศน้อย พ่อแม่ดำรงในศีล เราเคารพเราไหว้เพราะพ่อแม่มีศีล คนนั้นๆมีศีล
ถ้าไหว้เพราะยศศักดิ์ หรือตำแหน่ง จะไหว้ต่อหน้าแต่จะถูกเรียกว่า ไอ้หรืออี คือไม่น่าเคารพเพราะไม่มีศีล จึงถูกเรียกดังกล่าวแทนสรรพนามนั่นเอง
ให้เราหมั่นสวดมนต์ไหว้พระบ่อยๆ พ่อแม่สวดมนต์ไหว้พระบ่อยๆ สอนเราเราจึงเชื่อ คนมีศีลสอนเราๆจึงเชื่อ การเชื่อคำสอนของบุคคลที่ทรงศีลได้ดีทุกคน ให้เราเชื่อฟังพ่อแม่จะได้ดีทุกคน
การที่พ่อแม่หรือเราเอง ฝากลูกหลานซื้อดอกไม้ ธูปเทียน ก็เพื่อให้ลูกหลานตระหนักในการดำรงศีลของพ่อแม่หรือของเรานั่นเอง เราจึงเคารพในบุคคลนั้น เพราะบุคคลนั้นสวดมนต์รักษาศีล
2.เกศแหลม
หมั่นหาความรู้มากๆ คนเขาจะไหว้ มี 2 แบบ ไหว้วาน และไหว้กราบ
ไหว้วาน เราเก่งเรื่องใดเขาจะมอบหมายให้เราจัดการเรื่องนั้น ให้เราเก่งงานที่เราชอบงานในหน้าที่ จนเป็นที่เลื่องลือ เขาก็ให้เรา เป็นที่ปรึกษาเรื่องนั้นๆ การเป็นครูที่ปรึกษาของเด็ก เป็นพ่อแม่ที่ให้คำปรึกษากับลูกได้ เด็กจะรัก เมื่อรักแล้วก็จะยอมทำตาม ยอมเชื่อเรา เพราะไม่อยากให้คนที่เค้ารักต้องเสียใจ เช่นเด็กโดนเพื่อนแกล้งไม่กล้าฟ้องพ่อแม่ เพราะกลัวดุ แต่จะชอบครูชอบฟ้องครู เพราะฟ้องพ่อแม่เพื่อนไม่ค่อยกลัว แต่ฟ้องครูจะสนิทกับเรามากกว่าจะทำให้อับอายมากกว่า เพราะเรารักครูจึงไม่อยากให้ครูต้องเสียใจเรื่องของเรา มาเสียเวลากับเรื่องของเรา ก็ขูเพื่อนบ้างว่า เรื่องนี้ถึงหูครูอังคณาแน่ เพื่อนรักครูอังคณามาก จึงยอมเรา เพราะไม่อยากให้ครูอังคณาเสียใจอย่างที่บอกน่ะครับ
3.ตาดู
เป็นหัวหน้าดูและคนให้ดี ทำงานดูแลงานในหน้าที่ให้ดี ออกไปดูและความทุกข์สุขชาวบ้านบ้าง ดูทั้งกลางวันและกลางคืน ดูสังเกตุ กิจการงานต่างๆเราให้ละเอียด ไม่ต้องแก้เรื่องบ่อย เช่นงานบัญชีทำผิดไปบรรทัดเดียวแต่กระทบงานในภาพรวมได้ แบบนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด
4.หูญาณ - หูมีวิจารณญาณ
ผู้ใหญ่ระวังถูกเด็กๆเป่าหูให้เชื่อเรื่องนั้นเรื่องนี่ อย่าเอียงหูให้เด็กกระซิบกระซาบ เพราะผู้น้อยนั้น โอกาสที่จะเชื่อเรื่องใดๆกับคนมีศักดิ์ศรีและเชื่อคนมีเงิน มากกว่าเรา ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด ถ้าเราไปเชื่อเราจะถูกหลอกจะแย่ได้ในภายหลัง อย่านินทาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ใครนินทาใครเราต้องออกห่างหลีกเลี่ยง ไม่นินทาเจ้าอาวาส พระ คนนินทาส่วนมากจะปากเบี้ยว ปากบูด อย่าเลี้ยงคนนินทาไว้ในบ้าน ในที่ทำงาน ให้เราสามัคคีกัน รวมหัวรวมแรงกันปัญหาหมด ถ้ายุแยง ตะแคงแหย่กัน ปัญมามี ก็แตกสามัคคี
5.นั่งนาน
ถ้ามีใครเขาวางเราไว้ที่ตำแหน่งไหนก็ถือว่าดีแล้วอย่าไปบ่น ตำแหน่งเค้าคิดและวางให้เราแล้ว
ตื่นเช้าขึ้นมาทำหน้าที่ของเราด้วยความเบิกบานใจ ดูอย่าง นก จะไม่มีการเหงา นกตื่นเช้ามาออกมาโบกปีกโบยบิน ร้องเสียงจิ้กจั้ก
6.ไม่ขานตอบ
ไม่เรียกอย่าขาน ไม่วานอย่าไป ไม่พูดความลับของคนอื่น พูดแล้วเขาไม่ไหว้เรา เขาไม่ชอบเอาเรื่องไม่ดีไปบอกคนอื่นๆ
7.ยิ้มปลอบประโลมใจ
เวลาเราช่วยเหลือใคร ฝากงานให้ใคร แม้ผู้นั้นจะไม่เก่ง เรียนรู้งานช้า แต่ก็ยังดีกว่าเอาคนคดโกง ขี้ขโมย ขี้นินทาเข้ามาในหน่วยงาน ให้ยิ้มสู้และให้โอกาสฝึกเขาให้ความรู้เขา เราจะเป็นคนดี ที่ได้ส่งเสริมและให้โอกาสคน เห็นมามากเมื่อเขากลับตัวได้และเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความรับผิดชอบสูง ก็เป็นกันได้เยอะแยะ
พระราชวิจิตรปฏิภาณ บันทึกการเทศน์จากรายการธรรมรส-ธรรมรัฐ
ออกอากาศเมื่อวันอังคารที่ 10 กรกฎาคม 2555
บันทึกโดยโสตถิทัศน์ เอี่ยมลำเนา
.......................
ติดตามชมรายการ ธรรมรส ธรรมรัฐ
ได้ทุกวันอังคารและวันศุกร์ เวลา 04.05 - 05.00 น.
รายการทีให้แง่คิดทางธรรมเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
....
ไม่มีความเห็น