การเข้าเมืองในประเทศไทยที่เป็นปัญหาและ เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องการค้ามนุษย์แบ่ง ออกเป็น 2 รูปแบบคือ การเข้ามาในลักษณะของการอพยพและการเข้ามาในลักษณะของผู้ลี้ภัย
การเข้ามาในลักษณะของการอพยพ เข้ามาด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย คือ กัมพูชา ลาว พม่า นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆอีก และบางส่วนเป็นชนกลุ่มน้อย
การเข้ามาในลักษณะของผู้ลี้ภัย คือ การเข้ามาเพราะหนีภัยความตายอันเนื่องมาจาก การกดขี่ด้วยเหตุทาง เชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ ความเห็นทางการเมือง และสงคราม ผู้ลี้ภัยที่ส่วนใหญ่เข้ามาในประเทศไทยจะเป็นชาวพม่า ชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า และ ชาวโรฮิงยาจัดอยู่ในกลุ่มนี้
นอกจากนี้ยังมีการเข้ามาในอีกรูปแบบหนึ่งคือ การเข้ามาของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ เราจำเป็นต้องแบ่งการเข้าเมืองเป็นสามรูปแบบข้างต้น เนื่องจากการเข้าเมืองมาในสามรูปแบบข้างต้นจะได้รับการปฏิบัติที่ต่างกันกล่าวคือ
หากเข้ามาโดยการอพยพ หรือการลี้ภัยเข้ามา กฎหมายที่นำมาพิจารณาการเข้าเมืองคือ พระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ผลของการเข้าเมืองมาคือ ต้องถูกส่งกลับประเทศต้นทาง
การเข้ามาในลักษณะของการลี้ภัยไทยยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองผู้ลี้ภัยแต่ก็ได้ปฏิบัติตามหลักสากลคือ ไม่ส่งตัวพวกเขากลับประเทศต้นทางหากการส่งเขากลับไปจะเป็นอันตรายต่อชีวิต ให้ที่พักพิง สิ่งที่สามารถทำได้อีกประการการหนึ่งคือการส่งไปประเทศที่สาม
การเข้าเมืองมาในรูปแบบของการตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ กฎหมายที่นำมาพิจารณา คือ พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ กรณีนี้ไม่นำ พระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาใช้ จึงไม่มีความผิดในฐานหลบหนีเข้าเมือง เหยื่อจะถูกปฏิบัติเสมือนผู้เสียหาย ได้รับการดูแลเรื่องความปลอดภัย ที่อยู่อาศัย และมีสิทธิในการทำงาน เมื่อต้องส่งเหยื่อกลับ ต้องประสานงานกันระหว่างประเทศ ต้องมีกระบวนการเกี่ยวกับความปลอดภัย ให้เหยื่อกลับไปในที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย
ข้อเสนอในการจัดการกับปัญหาที่เกิดจากการย้ายถิ่นฐาน
- จะเห็นว่าการเข้าเมืองมาในลักษณะที่ต่างกันจะผลที่ แตกต่างกัน จึงต้องมี
กระบวนการคัดแยกผู้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ออกมา โดยมีการเสนอให้ NGO มีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลว่าเป็นเหยื่อ หรือ เป็นผู้ค้าเอง
- กรณีบุคคลที่ลับลอบเข้ามาไม่มีสวัสดิการใดๆเลย มีเพียงการรอส่งกลับ เช่นชาวโรฮิงยาไม่สามารถส่งพวกเขากลับไปได้ เนื่องการส่งกลับอาจเป็นอันตรายต่อเขา ประเทศไทยจึงต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างมีมนุษยธรรม
- เสนอให้หลายประเทศร่วมกันตั้งกองทุนทำค่าย เพื่อเป็นที่พักอาศัยสำหรับผู้ลี้ภัยเพื่อรอการส่งไปประเทศที่สาม เนื่องจากหากประเทศไทยแบกรับประเทศเดียวก็จะเป็นภาระแก่ประเทศไทยมากจนเกินไป
โดยการร่วมมือกันในลักษณะข้อตกลง จะเกิดผลดีคือ จะเกิดการคุ้มครอง สวัสดิภาพของผู้หลบหนีเข้าเมือง
- กรณีสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เมื่อคนในค่ายพักพิงมีปัญหาเกี่ยวกับกฎหมาย จัดให้มีนักกฎหมายแจ้งให้เขารู้ถึงสิทธิ และให้ความเป็นธรรมแก่เขา แต่กรณีนี้มีข้อจำกัดในเรื่องภาษา แม้ NGO จะเข้ามาช่วยแต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนบุคลากร จึงเสนอให้รัฐบาลไทยเข้าไปช่วย
- ประเทศไทยควรจะมีการวางแผนยุทธศาสตร์ เพื่อมารองรับการถูกบังคับย้ายถิ่นฐาน
- ประเทศไทยต้องออกกฎหมายภายในเพื่อรองรับ ข้อ 16 ปฏิญญาอาเซียน เรื่องสิทธิในการลี้ภัย
ขอบคุณมากครับ สำหรับสรุปประเด็นเพื่อสร้างการเรียนรู้ แต่บางประเด็นขอถามเล็กน้อยเพื่อเป็นความรู้ผมเองเพิ่มเติมครับ