หากอยากรู้ว่า ตัวเองมีอีคิวสูงหรือต่ำ สามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้จากเครื่องบ่งชี้ ๔ ประการ ได้แก่
๑. พฤติกรรม
๒. บุคลิกภาพ
๓. สุขภาพ
๔. วิถีการดำเนินชีวิต
ในบันทึกนี้เราจะพูดถึงเครื่องบ่งชี้ที่ ๒ คือ บุคลิกภาพ
๒) วัดความฉลาดทางอารมณ์ด้วย "บุคลิกภาพ"
ในด้านบุคลิกภาพ บุคคลผู้มี อีคิวสูง ย่อมมี ความอ่อนน้อมถ่อมตน
เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี
ผู้ที่มีลักษณะเช่นนี้ จะทำให้ได้รับข้อมูลความรู้มาก
ซึ่งสามารถนำไปปรับประยุกต์เพื่อแก้ปัญหาชีวิตต่าง ๆ ได้ง่าย
ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่มีจิตใจคับแคบ ไม่เชื่อไม่ฟัง ไม่สนใจ ใครพูดอะไร ไม่เชื่อ ไม่รับฟัง
นั่นแสดงถึงการเป็นคนมี อีคิวต่ำ ทำให้มีความรู้น้อยและไม่หลากหลาย เหมือนกบในกะลา
จึงแ้ก้ปัญหาชีวิตได้ยาก
ลักษณะอีกประการหนึ่งของผู้ที่มี อีคิวสูง ก็คือ การมีใจเอื้ออาทร เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
มีบุคลิกภาพที่สงบเย็น เปี่ยมไปด้วยเมตตา ไม่ว่าใครจะด่าจะว่าอย่างไรก็ยังทำใจสงบเย็นได้
ผู้ที่มีลักษณะเช่นนี้ย่อมมีแต่คนรักใคร่เอ็นดู ใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้
เมตตา คือ ความรักความปรารถนาที่จะให้คนอื่นได้รับประโยชน์และมีความสุข
แต่ถ้ารักเขาแล้วเขาไม่เป็นไรตามที่ใจต้องการแล้วเกิดโทสะอย่างนี้ไม่เรียกว่า เมตตา
แต่เป็นรักแบบที่มีตัณหาสนับสนุน รักแบบมีเมตตาต้องรักอย่างพ่อแม่รักลูก
ลูกจะดีจะชั่วอย่างไรพ่อแม่ก็ยังรักอยู่
ซึ่งการมีเมตตาคือ สิ่งที่บ่งชี้ถึงความเป็นผู้มี อีคิวสูง ได้อย่างหนึ่ง
ลองถามตัวเองว่า เราเป็นคนร้อนหรือคนเย็น ถ้ามีอารมณ์ร้อน แสดงว่า ยังมี อีคิวต่ำ
ถ้าร้อนน้อยหน่อยอีคิวก็สูงขึ้นหน่อย และถ้าไม่ร้อนเลย ก็แสดงว่า อีคิวสูงมาก
ความอดทน ก็เป็นเครื่องบ่งบอกอีคิวได้เช่นกัน
คนที่ขี้เกียจ ไม่อดทน ทำอะไรเหนื่อยยากหน่อยก็บ่น
ไปไหนมาไหนไกลหน่อยก็บ่น แสดงให้เห็นถึงการมี อีคิวต่ำ
แต่ถ้าขยันและอดทน ไม่พูด ไม่บ่นตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปเรื่อย ๆ จนสำเร็จลุล่วง
นี่แสดงให้เห็นถึงการมี อีคิวสูง
อีคิวจึงเป็นเครื่องสนับสนุนให้บุคคลประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้เป็นอย่างดี
เพราะทำให้เป็นคนที่มีความอดทนต่องานหนัก มีความรับผิดชอบ
ทำอะไรได้อย่างต่อเนื่่องจริงจังจนสำเร็จโดยไม่ท้อแท้ ท้อถอย โอดครวญ
หรือดีหาแต่ข้อแม้ให้ัตัวเองจนเสียการเสียงาน
ในเรื่องของ "บุคลิกภาพ" ที่เป็นมาตรวัดอีคิวนั้นเป็นเรื่องที่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน
โดยยังไม่ต้องไปดูคนอื่น เพราะบุคคลใดที่อ่านตัวเองออกตัวเองได้อย่างถ่องแท้แจ่มแล้วเท่านั้น
จึงจะสามารถมองคนอื่นออกโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
แต่ตราบใดที่ยังมองตัวเองไม่ออกตัวเองไม่ได้ อย่าเพิ่งไปดูคนอื่้น
เพราะจะพลอยไปตัดสินคนอื่นอย่างผิด ๆ ไปด้วย
(โปรดติดตามต่อไป)
...............................................................................................................................................................
บุคลิกภาพ เป็นมาตรวัดหนึ่งของความฉลาดทางอารมณ์
ที่เราพึงพิจารณากลับมายังตนเอง
ความฉลาดทางอารมณ์นี้ ผมพบเจอเสมอ
เมื่อได้มอบหมายงานยาก ๆ ให้กับนักศึกษาทำ
และจะพบคำพร่ำบ่นก่อนทำเสมอ
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
และเด็กในปัจจุับันเป็นกันมากขึ้นเื่รื่อย ๆ
หากคุณเป็นพ่อแม่ ... ลองคิดถึงเรื่องนี้ให้ดี
หากคุณคิดถึงตัวเองในเรื่องนี้
ควรปรับปรุงไหมครับ ;)...
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
..................................................................................................................................................................
ขอบคุณหนังสือธรรมะดี ๆ
สนอง วรอุไร. ธรรมะสู่อิสรภาพ. กรุงเทพฯ : อมรินทร์ธรรมะ, ๒๕๕๖.
ไม่มีความเห็น