เพื่อนของครูอ้อยหลายคน ตลอดทั้งผู้บริหารหลายๆท่านที่เคยรู้เรื่องครอบครัวของครูอ้อย มักจะชื่นชมกันทุกคนว่า สิ่งที่ได้ทำมาในอดีตนั้นกับลูกของเขา และมีมิตรภาพที่ดีกับเพื่อนฝูงของเขา เมื่อเวลาผ่านไป ครูอ้อยพบได้เลยว่า ความเมตตาที่ครูอ้อยเคยยึดมั่นและปฏิบัติตลอดมานั้น ได้กลายเป็นบ่อน้ำทิพย์ที่ครูอ้อยได้ตัก อาบ กินมาจนทุกวันนี้
บ่อทรายที่สามารถดูดซับน้ำได้แบบที่โบราณกล่าวไว้ น้ำซึมบ่อทราย เหมือนกับความดีที่เราทำไปนั้น จะจับต้องได้ยาก แต่ความเป็นจริงแล้ว ความดีหรือน้ำนั้นไม่ได้หายไปไหนเลย มันยังคงอยู่รอเราในยามที่เราต้องการ
การที่ครูอ้อยรับเลี้ยงดูลูกทั้งหมดนี้ เพื่อนๆมักจะมองว่า ครูอ้อยโง่และบ้า อยู่คนเดียวกับลูกสองคนมีความสุขดีอยู่แล้ว ไปแต่งงานกับพ่อเรือพ่วง ยังต้องมาเลี้ยงดูลูกที่ยังเล็ก ดังเช่นเรื่องนี้
น้องนิ กับน้องขวัญ ที่ครูอ้อยหอบหิ้วมาจากโคราช การแต่งงานใหม่นี้ คุณสมนึกก็ถามครูอ้อยว่า จะทำอย่างไรกับลูก ครูอ้อยก็ตอบอย่างเร็วว่า เอาไปด้วยลูกของเรา ก็ต้องหอบหิ้วไปด้วย ความคิดนี้ทำให้ ญาติของเราต่อว่าเราทีี่ไม่เลี้ยงดูลูกตัวเอง เราคิดว่า ลูกอยู่กับคุณยายคุณตาที่ไม่มีหลานอีกเลย ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว เป็นทางที่เราเลือกที่ดีสี่สุด เพราะลูกเราเป็นผู้หญิง ญาติทางพ่อของเขาก็ไม่ยินยอมให้ลูกไปอยู่กับเราด้วย ซึ่งเรื่องนี้ลูกก็ไม่เข้าใจเรา กล่าวหาว่าแม่ทอดทิ้งลูก เราก็ได้แต่บอกลูกว่า สิ่งที่แม่ทำดี กุศลทั้งหลาย แม่ขอยกให้ลูกทั้งหมดทั้งสิ้น
ปัจจบันนี้ ลูกนิเรียนจบ ไปทำงานที่นครศรีธรรมราช ขึ้นรถไฟมาหาแม่อ้อยทันทีที่รู้ว่า ครูอ้อยประสบอุบัติเหตุ น้องขวัญมาเฝ้าตลอดเวลา โดยที่ทางญาติของครูอ้อยเอง มาดูในวันที่ผ่าตัด และวันรุ่งขึ้นที่พาคุณตาคุณยายมา จากนั่นก็ไมเคยมาอีกเลย แม้แต่โทรศัพท์มา
ครูอ้อย มาประสบอุบัติเหตุ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม มีแต่ลูกนิ น้องขวัญ และญาติทางฝ่ายคุณสมนึก เข้าช่วยเหลือตั้งแต่วันแรก จนมาทุกวันนี้ เปรียบเสมือน บ่อน้ำทิพย์แห่งความเมตตาที่ครูอ้อยได้ตัก ดื่มกินอย่างชื่นใจ
ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์น้องชาย ชยพร แอคะรัจน์
ได้ข้อคิด...น้ำซึมบ่อทราย ความดีไม่มีวันหายไปไหนนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ ทพญ.ธิรัมภา ที่เป็นกำลังใจ
ขอบคุณมากที่เป็นกำลังใจค่ะ Sila Phu-Chaya
ขอบคุณมากค่ะ น้องโอ๋ โอ๋-อโณ
ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์น้องชาย ธวัชชัย
ขอบคุณ พี่ใหญ่ นาง นงนาท สนธิสุวรรณ มากๆค่ะ