รักและห่วงใย มากไปก็ทุกข์


ในสัปดาห์ ที่ผ่านมาต้องเฝ้าพ่อที่ป่วย นอนโรงพยาบาล  12 วันแล้วยังไม่ได้ออก  จากโรค นิ่วในท่อน้ำดี  และเกิดการอักเสบจนติดเชื้อในกระแสเลือด  ต้องให้ยาฆ่าเชื้อยาวทีเดียว  จากการที่เราป่วยอยู่เดิมคือมีโรคประจำตัวแล้วนั้นก็เลยมองเวลาของการเจ็บไข้ได้ป่วยมันเป็นเรื่องธรรมดามากไป หรือเปล่าก็ไม่รู้  เพราะพี่น้องคนอื่นเขาดู เป็นเดือดเป็นร้อนมากกับการป่วยของพ่อในครั้งนี้  ถามทุกวัน ว่า  เป็นอย่างไร  ยังไงต่อ  ไปโรงพยาบาลจังหวัด มั๊ย หรือจะเอกชนดี  เราก็บอกไปว่าใจเย็นๆ รักษาอาการติดเชื้อก่อน เรื่องนิ่วค่อยว่ากัน ก็มีคำถามอีกว่า แล้ว เมื่อไหร่  ข้าพเจ้าบอกรอให้ยาครบ เพาะเชื้อในกระแสเลือดไม่ขึ้นก็ถูกพี่ๆ ต่อว่า นานหลายวันไปว่าไม่ใส่ใจ อ้าวเป็นงั้นไปซะ 

  การรักษาโรคบางอย่างนี่ มันก็ต้องรอเวลา ดูระยะ ของโรค ว่า ตอนนี้อยู่ขั้นไหน ต่อไปต้องทำอะไร ทำให้ข้าพเจ้าคิดได้ว่า  ความใจร้อนของคนเรานี่มันทำให้ธุรกิจสถานพยาบาล เอกชนมันเจริญรุ่งเรืองทุกวันนี้นี่เอง  จะว่าใจร้อนไม่ได้ซิ  ต้อง บอกว่าความไม่รู้  ความรัก ความห่วงใจของคน นี่แหล่ะที่เป็นตัวขับเคลื่อน

  อย่างอาการของพ่อนี่  อยู่ๆ  ปวดท้อง ฉับพลัน  จุกแน่น อาเจียนตลอด  ไข้สูง  ตัวตาเหลือง  เล็กน้อย  หมอ ตรวจ U/S พบตับโต  เล็กน้อย  พบนิ่ว ไม่ชัดมาก  จึงส่งไป x-ray คอมพิวเตอร์  พบว่ามีนิ่วก้อนใหญ่ นี่อุดขวางท่อดีไว้  หมอที่รักษานี่ก็แสนดี โทร.สอบถามแพทย์ เฉพาะทางที่ รพ. จังหวัดว่า ให้เอาไง  เพราะคนไข้มีไข้ร่วมด้วย ยังไม่ทราบสาเหตุ  ก็ได้รับแผนการรักษามาให้รักษาอาการติดเชื้อให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยส่งไปจัดการนิ่ว  ก็ OK เป็นไปตามนั้น  ใน 2 วันแรกนี่  อยู่ในช่วงการส่งเลือดเพื่อดูการติดเชื้อในกระแสเลือด  คนไข้ดูจะยังไม่ดีขึ้นมาก  แต่สัญญาณชีพปกติ ยกเว้นไข้ที่สูงมาก  39-40 ‘C จึงทำให้พี่น้องคนอื่นไม่สบายใจทั้งที่ ข้าพเจ้าอธิบายแล้ว  จึงถูกต่อว่า จากพี่น้องต่างๆ นาๆ ว่า  ใจเย็น ตึ๊บ  ข้าพเจ้าล่ะ งง  แหม! ก็มีการติดเชื้อในร่างกายมันก็ต้องไข้  จะให้ปุ๊บปั๊บแบบดีดนิ้วหาย  อ๊ะอย่างนี้คงต้องใช้ไสยศาสตร์ รักษาแทนล่ะมั๊ง 

  พี่น้องกดดันจะให้ไป รพ. เอกชน  ข้าพเจ้าบอกฝันไปเถอะ  โรคแค่นี้  รพ.ชุมชนนี่แหล่ะ ซำบายสุด  จะไปให้ลำบากหมดเงินทำไม ไปเยี่ยมก็ยาก  งง  อ่ะ  ข้าพเจ้าดูแผนการรักษาของแพทย์ตลอด  รวมทั้งเข้า conference case พ่อตลอด  รู้การดำเนิน ของโรค  รู้แต่อธิบายญาติไม่เข้าใจ ชักเริ่มโมโห  จะใจร้อนกันถึงไหน (ว่ะ)  ชักเริ่มสงสัยขึ้นมาในบัดดลว่า อะไร กันที่ทำให้ญาติเราใจร้อนนัก  ทั้งที อาการของพ่อก็ดีขึ้นตามลำดับ  ตอนนี้ไข้เริ่มลงแล้ว  เหลือเพียง อาการจุกแน่นเล็กน้อย  แต่ก็ยังถูกเร่งเร้าจากญาติว่าเอาเข้า จังหวัดเหอะ  ข้าพเจ้าจึงมานั่งวิเคราะห์ ความรักความห่วงใยของพี่น้อง สรุปได้ดังนี้ 

1.  ความรักความห่วงใจที่มีต่อกันมาก  เป็น ห่วงยึดติดใจว่า  พ่อฉันต้องไม่ป่วยไม่เจ็บไม่ตาย  ซึ่งทำให้คนเราเกิดทุกข์

2.  ความกลัว  กลัวว่า  พ่อจะเจ็บป่วยนาน ตนเองจะมาดูแลไม่ได้เพราะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ  ทำงานต่างจังหวัด  ลูกต้องเข้าโรงเรียน  และอีกหลายภารกิจ  หากพ่อไม่หายสักที ก็คง ไม่สบายใจที่จะทำงาน

3.  ความสำนึก ในหน้าที่ของลูก กลัวว่า พี่น้องจะว่า ว่า พ่อป่วยก็ไม่มาดูแล  กลัวคนอื่นจะมองว่า อกตัญญู

อะไรที่มากเกินไปนั้น  มันมักทำให้เราทุกข์เสมอ  รักมาก  กลัวมาก  สำนึกดีมาก  ก็เป็นทุกข์  ซึ่งแท้จริงแล้ว ชีวิตเราดำเนินไปตามไตรลักษณ์  อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่อง ธรรมชาติ เป็นไม่พอถึงที่ตายมันไม่ตายกันง่ายๆ หรอก  คนป่วยคือพ่อยังนอน ยิ้มร่าอยู่เลย  คนไม่ป่วยน่ะอาการ ท่าจะหนักกว่า (ใจป่วย ) งานนี้พี่ๆ  ก็เลยถูกน้องเทศนาธรรม ไป  หลายบท  ดำเนินชีวิต ให้แต่พอดี แล้ว จะไม่ต้องทุกข์มากกับสิ่งที่เจอ  ตอนนี้อาการพ่อดีเป็นปกติแล้ว เหลือให้ยาต่อ อีก 3 วัน  ก็น่าจะกลับบ้านได้  ของบางอย่างก็ควรใจเย็นรอบ้าง  บางอย่างควรใจร้อน กลับพากันใจเย็นตึ๊บ เช่น การปล่อยเวลาให้หมดไปโดยไม่มีความหมายหรือคุณค่าในชีวิตเลย ( คิดต่อเองว่าหมายถึงอะไร )

ชลัญธร 


หมายเลขบันทึก: 518895เขียนเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2013 04:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2013 04:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ไม่ทำตามหน้าที่ แต่ทำตามด้วยหัวใจของความเป็นลูก ;)...

ขอให้กำลังใจครับ ;)...

ความทุกข์มาได้ง่ายเหลือเกินนิ

ไม่ค่อยจะไปเสียด้วย


ทำมาก พูดน้อย

ทุกข์บ้าง สุขบ้าง

ขอเป็นกำลังใจคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท