จดหมายถึงครู l ความเหมือนเดิมที่ไม่เหมือนเดิม
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556
กราบสวัสดีค่ะครู
กับอีกวันที่ชีวิตหมุนเวียนเคลื่อนไป หิ้วกระเป๋าเดินทางเข้ากรม ฯ จัดการรับนาย จัดการเอกสาร แล้วก็มุ่งหน้าสู่ สำนักงาน กพ.ไปนครนายก วันนี้หิ้วของกินมาจากกรมการแพทย์แผนไทยกะว่าจะทานเที่ยงค่ะ แต่เอาเข้าจริงๆก็ทานได้นิดหน่อยแล้วก็ฝากเพื่อน
หนูก็ถามตนเองอยู่ หนูมาทำอะไรเนี๊ย ที่มาส่วนหนึ่งเพราะคิดถึงเพื่อน คิดถึงบรรยากาศความอบอุ่นในความสัมพันธ์ แต่พอเจอ ข้างในหนูเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกที่ไม่น่าจะใช่
พอได้เวลาออกเดินทาง ตามความคุ้นชินเพื่อนก็มานั่งรวมกันเตรียมงานเพิ่มเติมตามปกติของศิลปิน
เสียงเพลงที่เพื่อน ๆ ซ้อมเพื่อร้องตอนกลางคืน เสียงหัวเราะ
เป็นความสดใสของใจที่พยายามเยียวยา เติมเต็มกันและกัน ในส่วนที่แต่ละคนรู้สึกได้
เป็นความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ไร้ข้อแม้ใด ๆ ที่แต่ละคนที่อยู่ในวงล้อมหยิบยื่นให้กันและกัน นี่คือสิ่งที่หนูรู้สึกได้
ระหว่างที่ฟังๆไป ใจก็มองไปที่ช่องกีตาร์โปร่งที่มือเพื่อนเคลื่อนไหว เเหล่งกำเนิดการสั่นสะเทือนคือ มือที่สัมผัสเส้นลวด ที่ขดดึง ตึงขยายเสียงด้วยช่องลมที่เปิดอย่างพอเหมาะ หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ ไม่มีสิ่งนี้ ก็ไม่มีเสียงก่อเกิดขึ้น
ณ ขณะที่เขียนก็มีเสียงเตือนตนเองว่า "ชีวิตแบบนี้ใช้ไปก็ไม่พ้นทุกข์"
ทบทวนกับตนเอง ชีวิตแบบนี้หนูก็ใช้มากว่า 30 ปี ยังห่วงหา อาลัย อยู่อีกรึ
กับสิ่งต่าง ๆ
ที่ไม่ได้หยิบมาคิดกับตนเอง ในการเข้าร่วมประชุม ขาดช่วงการไตร่ถามตนเอง ถึงความไม่เหมาะสม
ความอยากยังนำหน้าเจ้าค่ะ เลยยังรู้สึกลำบาก
เข้าร่วมกิจกรรม ยามบ่าย ก็สบาย ๆ แต่เป็นการระวังกับตนเองมากขึ้น เหมือนหนูใช้ชีวิตแบบระวังภัยตลอดเวลาเจ้าค่ะ หนูยอมรับว่า ระวังกับตนเองมากขึ้น เช็คกับตนเองมากขึ้น เจ็บปวดกับสิ่งที่สัมผัสได้ แล้วก็พยายามตั้งสติกับตนเองมากขึ้น
ตอนเย็นจึงเลือกที่จะอยู่ในห้อง
พอครูโทรเข้ามา รู้สึกว่า อุ่นใจ แต่ข้างในหนูก็เป็นลอย ๆ รู้ว่ามีบางอย่างผิด แต่ยังไม่ลงข้างในใจ
พอเพื่อนมาเคาะประตูเรียก สักพักครูเมตตาชี้แล้วก็วางสายไป
หนูเดินอยู่ในห้อง ทบทวนสิ่งที่ครูเตือนในเรื่องของการ อวดอ้าง
ว่าตนเป็นคนรักษาศีล
นี่คือ สติที่ไม่ทันจิตชั่วทำงาน
ความชั่ว ความเคยชินเดิม ๆมันเร็ว ต้องฝึกสติให้หนุน เร่งแก้ไข
หนูเดิน ๆ กับตนเองไปเรื่อย ๆ ส่งข้อความบอกพี่ รูมเมทว่า อยู่ที่ห้องแล้วตามสบาย
พอเพื่อนแวะมา จึงบอกว่า ไปเลยไม่ต้องห่วง
หนูจึงปิดไฟปิดห้องเดินจงกรมกับตนเอง แล้วลงนั่งสมาธิ ทบทวน
เอายังไงดีกับตนเองนะ
หนูรู้ว่า ศีล ยังไม่ได้เข้าไปข้างในใจ หิริโอตัปปะที่แท้ยังไม่ได้เกิด
มีเพียงศีลที่ล้อม ให้ กาย ใจ นี้ปลอดภัย ศีลนั้นรักษา หนู แต่หนูยังไม่ถึงพร้อมของการรักษาศีล
นั่งจนสี่ทุ่มล้มตัวลงแล้วหลับไป ตีสองพี่รูมเมทกลับมาห้อง
หนูทบทวนไม่ลงใจกับตนเอง มารุ่งเช้าเห็นข้อความที่ครูส่งมา ได้ข้อคิดกับตนเองแล้วสมน้ำหน้าว่า
"ที่หนักๆงงๆ เพราะไม่รักษาข้อวัตร"
พอไปทำอะไร ๆ ก็เลยเป๋ ๆ
การมาครั้งนี้ มาที่นี่ ทำให้ได้เรียนรู้ว่า
"เออ กลับไปทำหน้าที่ดีแล้ว ที่นี่ ไม่ต้องมีเราก็ได้เจ้าค่ะ"
มันหอม มันหวาน แต่มันไม่ใช่ทางที่จะก้าวเดินต่อไปสำหรับตนเองเจ้าค่ะ
สาธุเจ้าค่ะ
ไม่มีความเห็น