เดินทางอย่างหลง


เดินทางอย่างหลง


     ผมแม้ว่าจะยังไม่ถึงวัย "หลงลืม"  แต่ก็เลยวัยที่จะ "หลงรัก"

อะไรง่ายๆ และก็ได้ "หลงกล" ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านจนจบ

     หลังจากที่ตัวหนังสือทั้งหมดได้ "เข้าตา"มันก็ได้ "เข้าใจ"

จนเกิดความ "ประทับใจ" ทำให้ผมเกิดความ "หลงชอบ"เป็น

หนังสือในความทรงจำของผมอีกเล่มหนึ่ง


     หนังสือเล่มนี้เป็นการเดินทางของคนสี่คน ที่ไม่ใช่เพื่อนสนิท

ไม่ใช่คนที่รู้จักกันอย่างดีมาก่อน  แต่ทั้งสี่คนมีแนวคิดที่ตรงกัน

ว่า "ชีวิตคือการเดินทาง การเดินทางก็คือชีวิต"  ดังนั้นทั้งสี่คน

จึงตกลงที่จะเดินทางด้วยกันอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน

     ในเมื่อ "ใจง่าย"แล้ว ที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องยาก


     การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไปประเทศจีน โดยที่ขาไป

เดินทางโดยรถยนต์  ต้องเดินทางผ่านประเทศลาว,ประเทศจีน

และประเทศเวียดนาม หลังจากนั้นก็เดินทางกลับประเทศไทยด้วย

เครื่องบิน

     เหตุที่พวกเขาเดินทางไปด้วยรถยนต์ ก็เป็นด้วยความเชื่อ

ของพวกเขา ที่เชื่อว่า... 

     "สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางก็สร้างความประทับใจได้

ไม่แพ้จุดหมายปลายทางของการเดินทาง"  

การเดินทางโดยรถยนต์น่าจะทำให้พวกเขาเห็นอะไรได้

มากกว่าขึ้นเครื่องบิน

     ระหว่างการเดินทางมีปัญหาอุปสรรคมากมายโดยเฉพาะ

เรื่องภาษาเพราะประชาชนส่วนใหญ่ใช้ภาษาของตนเอง ไม่

ใช้ภาษาอังกฤษ  แต่พวกเขาก็พบว่าเมื่อพยายามก็หาช่อง

ทางการสื่อสารเข้าใจกันจนได้

     แต่สงสัยว่า  คนชาติเดียวกันพูดภาษาเดียวกัน  ทำไม

เราถึงยังไม่เข้าใจกัน ทำไมยังทะเลาะกัน หรือเพราะเราฟัง

กันไม่เข้าใจ หรือแย่ไปกว่านั้นเราได้ยิน แต่ไม่ได้ฟัง

     คำพูดถึงได้แค่เดินทาง "เข้าหู" แต่หาทาง "เข้าใจ" 

ไม่เจอ


     พวกเขาได้เดินทางไปเมืองต่างๆของจีนที่ได้มีการอนุรักษ์

ไว้ ปรากฎว่ามีนักท่องเที่่่ยวมาชมความเก่า ความที่เป็น

ธรรมชาติ เป็นจำนวนมากที่สำคัญต้องเสียเงินจำนวนมาก

แต่คนก็ยังอยากเข้าไปชม

     ดูเหมือนว่า ยิ่งธรรมชาติ ยิ่งแพง ทั้งๆที่ธรรมชาติเป็น

ของฟรี แต่นับวันเรายิ่งต้องจ่ายมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อซื้อมันกลับ

มา  

     ขณะที่โลกพัฒนากว่าเก่ามากไม่รู้กี่เท่า ว่าแต่ความสุข

ของเรามันเพิ่มขึ้นตามหรือเปล่า  หรือสิ่งที่ต้องใช้เพื่อประกอบ

ขึ้นเป็นความสุขต่างหากที่เพิ่มมากขึ้น


     ตลอดระยะเวลาเดินทางสิบห้าวัน พวกเขาได้เรียนรู้

อะไรมากมาย เรียนรู้จากการเดินทางที่พวกเขาเชื่อว่า

การเดินทางคือชีวิต ชีวิตก็คือการเดินทาง

    สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่พวกเขาพบจากการเดินทางก็คือว่า...

ถึงแม้ทางที่เพื่อนร่วมเดินทางของเราเลือกจะไม่ดีอย่างที่

ใจเราคิดหรือขรุขระไปสักหน่อย  แต่อย่างน้อยเราก็ยังมี

"เพื่อนดีๆร่วมทาง"

     สิ่งที่ดีและดังไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะกับเรา

และในขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรลืมว่า "ทางที่ดี" มันควร

มีไว้สำหรับเดินไปกับเพื่อนร่วมทางที่ดี  ถ้าต้องเดินบน

"ทางที่ดี" เพียงลำพังมันจะมีประโยชน์อะไร


      เช่นเดียวกับผมถ้าอ่านหนังสือดีๆสักเล่มหนึ่ง  แล้ว

ไม่ได้นำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร


      การเดินทางของพวกเขาหลงทางอยู่หลายครั้ง แต่

คงเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้กำหนดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ถูก

ที่สุด ดังนั้นจึงไม่เกิดสิ่งที่ผิดมหันต์  

     เมื่อไม่ได้ขีดอะไรลงในแผนที่ ก็ไม่มีคำว่าหลง  

หรือถ้ามีขีดอะไรลงไปบ้างพวกเขาก็ใช้ดินสอ

และพร้อมที่จะลบเมื่อพบทางเดินใหม่

     การเดินทางออกนอกเส้นทางใช่ว่าจะมีแต่เรื่องสวย

งาม  แต่ถึงกระนั้นในยามยากนั่นแหละที่แง้มด้านงาม

ซึ่งยามธรรมดายากที่จะมองเห็น  เมื่อผ่านยามยาก

ลำบากด้วยกันก็จะทำให้เราแยกจากกันยากขึ้น

     เพราะขึ้นชื่อว่าเพื่อนยาก  คงไม่เกิดท่ามกลางยาม

ง่าย


     ในช่วงท้ายๆของหนังสือ พวกเขาบอกว่า...

สิ่งต่างๆในโลกนี้ รวมทั้งร่างกายและใจของคนเรา

ด้วยเป็นของที่ยืมมาจากธรรมชาติ  สักวันก็ต้องมอบ

คืนกลับไปให้ธรรมชาติ  

     พวกเขาไม่ยอมปล่อยให้เวลาที่พวกเขายืมธรรมชาติ

มาให้เสียไปเปล่าๆ

     ผมและท่านผู้อ่านก็คงเช่นเดียวกัน ที่ไม่อยากให้

เสียเวลาไปเปล่าๆ

 

     ว่าแต่ว่า... ผมขอยืมนานๆหน่อยนะครับ

คำสำคัญ (Tags): #หลง#เดินทาง
หมายเลขบันทึก: 517723เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2013 21:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มกราคม 2013 21:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

..... สรุปได้ว่า ..... เลือกทางที่ดีดี และได้เพื่อนร่วมทางที่ดี .... น่าจะ "ถึงเป้าหมายปลายทางที่ดี" นะคะ

ขอบคุณบทความดีดีนี้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท