ตอนเด็ก ๆ ทุกครั้งที่มีคนถามว่า "โตขึ้นอยากเป็นอะไร" จะตอบทันทีว่า " อยากเป็นครูคะ"
แม่ชอบเล่าให้ฟังว่า "ตอนช่วงประถม วันหยุดจะบังคับน้องๆทั้งสามคนมานั่งเป็นนักเรียนแล้วตัวเองจะเป็นครูที่หอบหนังสือกองโตพร้อมไม้เรียวมาเคาะกระดาน (พ่อเอาไม้อัดมาทาสีทำกระดานติดไว้ข้างฝาบ้านให้ด้วยคะ). แถมส่งเสียงดังดุด้วย ส่วนน้องๆจะรีบมาเล่นด้วยและรีบให้เป็นเวลาพักเพราะจะไปวิ่งเล่นตามประสา " ...ใช้ความเป็นพี่บังคับน้องมา ~__~
แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเป็นครู น่าจะมาจากตอนเด็ก ๆ ที่โชคดีมีคุณครู(หลายคน)เอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา มีปัญหาเมื่อไรมาช่วยแก้ไขทุกครั้งทุกเรื่อง พอเข้าเรียนอุดมศึกษาก็ยังโชคดีที่มีอาจารย์รุ่นใหม่ไฟแรงเป็นกันเองให้คำแนะนำตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาสมัครเรียน แนะนำให้เลือกสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร พอสอบได้ เรื่มวิตกจริต "อ้าว แม่ให้มาเรียน วิทยาลัยครู(ชื่อเดิม) แล้วมาสอบได้สาขาไม่ใช่ครูอีก". ¥__¥.
พอเรียนไปได้สามปี..มีประกาศรับสมัครทุนครุทายาทอุดมศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นสาขาขาดแคลน เนื่องจากสมัยนั้นคนที่จบสายวิทย์ฯ จะทำงานในภาคอุตสาหกรรมหมด เลยต้องการส่งเสริมให้มารับราชการ ไปสมัครพร้อมเพื่อนในห้อง 7 คน จากทั้งหมด 25 คนผ่านการสอบข้อเขียน สัมภาษณ์ มาจนได้ทุน. "สรุปว่าได้เป็นครูแล้วคะที่สำคัญไม่ใช่ครูเด็กประถมที่ตั้งใจมาเรียนแต่เป็นครูสอนในวิทยาลัยครูคะ ...."
เรียนจบ รอเรียกมาบรรจุ. เพื่อนได้เกรดเฉลี่ยมากกว่่าเลือกวิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ เหลือ วิทยาลัยครูยะลาให้ตามล่าหาความฝัน..
...ก่อนจะเข้าเรื่อง..ขอขอบพระคุณบิดามารดา คุณครู (โรงเรียนโชติรวี นครสวรรค์ / โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม / อาจารย์วิทยาลัยครูพิบูลสงคราม พิษณุโลก) ทุกๆท่านที่อบรมสั่งสอนให้มีวันนี้ ขอบพระคุณคะ..
ขออนุญาตแบ่งปันทักษะของครู ในรูปแบบของตัวเอง.
1.นักวางแผน -- เป็นทักษะแรกที่จำเป็นมากๆๆ เพราะต้องวางแผนหัวเรื่องหรือประเด็นสำคัญให้ผู้เรียน วางกลยุทธ์ที่ต้องการให้ผู้เรียนใช้ในการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ วิธีการประเมินผล รวมทั้งต้องวางแผนสำรองเผื่อฉุกเฉินด้วย บางครั้งตั้งใจจะให้เรียนเรื่องนี้ มีเหตุอื่นเกิดขึ้นฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้แผนสำรองด่วน หรืออาจใช้เหตุการณ์นั้นเป็นบทเรียนพิเศษที่ช่วยกันวางแผนเรียนร่วมกัน
2. นักพูด --- พูดๆๆๆๆๆ แนะนำอธิบายในสิ่งต่างๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องส่วนตัว ข่าวเหตุการณ์บ้านเมือง (รวมทั้งมารยาทด้วย) การพูดจะเน้นพูดเพื่อให้ผู้เรียนได้คิด และค้นพบแนวทางในการจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง เพราะตัวเองเข้าใจปัญหาของตนเองอย่างลึกซึ้งมากที่สุด ดังนั้นการตัดสินใจใดๆก็ตามต้องพิจารณาไตร่ตรองเองอย่างรอบคอบในเวลานั้นๆ อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ให้ตัดสินใจเอง มีหลายครั้งที่พูดแนะนำไปตั้งนานแล้วไม่เป็นไปตามที่คาดหมายก็ต้องใช้ตัวอย่างมาเล่าเพื่อให้คิดทบทวนใหม่อีกครั้ง
3.ที่ปรึกษา -- หลังจากวางแผนให้เรียน พูดชี้แนะอธิบาย นำเข้าสู่บทเรียนและวิธีการเรียนแล้ว หากผู้เรียนมีปัญหาก็ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา หากเป็นเรื่องเรียนไม่ค่อยหนักใจเท่ากับปัญหาส่วนตัวที่คาดไม่ถึง บ่อยครั้งที่ต้องใช้กรณีศึกษาหลายเรื่องมาเป็นตัวอย่างพร้อมกับการให้คำปรึกษาแบบอ้อม ๆ เพราะพูดตรงเกินไม่ได้ จะเข้าข่ายผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ @__@
4. นักอ่าน -- ข้อนี้ก็ต้องอยู่ในสายเลือด เพราะขาดการอ่านปุ๊บ หยุดการเรียนรู้ทันที ที่สำคัญกลัวจะตามผู้เรียนสมัยใหม่ไม่ทัน กลัวไม่ทันสมัยหรือใช้เครือข่ายใหม่ ๆ ไม่ทันผู้เรียนก็แย่สิคะ
5. ผู้ติดตาม -- ติดตามผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ไม่ใช่การสอบอย่างเดียวนะคะ ต้องติดตามพัฒนาการของผู้เรียนว่า มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นหรือไม่อาจจะใช้กลยุทธ์ต่างๆที่เหมาะสมกับผู้เรียน บางคนชอบทำรายงานตั้งใจมาก บางคนชอบพูดไม่ชอบเขียน หรือชอบใช้เครือข่ายก็จัดไปให้เหมาะสม
.....ทักษะทั้งหมดนี้ ทำแล้วรู้สึกดีมีความสุขคะ...........
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ^__^
@@@@@@@@@@
บันทึกเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2556 เวลา 20.15 น.
ชอบคุณครูที่เป็นที่ปรึกษา ช่วยเหลือนักเรียนตลอดครับ
ขอบคุณ ทุกกำลังใจมากๆนะคะ
..อาจารย์ขจิตคะ.. บางเรื่อง(ส่วนตัว)ให้คำปรึกษาไม่ค่อยถูกเหมือนกันคะ ที่สำคัญหาคำพูดเพื่ออธิบายให้เข้าใจยากมากๆ อิอิ..~_~
ได้ใจครับ...ง่ายๆ แต่ในทุกประเด็นสำคัญและทรงพลังมาก
ผมชอบเรื่องการติดตามมาก ทั้งในมิติของการเรียนและการใช้ชีวิต