ดีท็อกซ์ร่างกาย ล้างพิษสมอง ชำระขยะใจ


            เริ่มต้นปีใหม่ครานี้ หากใครตั้งใจอยาก "ปรับเปลี่ยน" ตัวเองเสียใหม่ ทั้งร่างกาย จิตใจ และการเงิน ลองอ่านบทสัมภาษณ์ต่อไปนี้ดู หากชอบก็ลองนำไปทำตามดู ไม่เสียหลาย เป็นการดีท็อกซ์ร่างกายให้สุขภาพดี ล้างพิษสมองจากความคิดแย่ๆ และชำระจิตใจจากอารมณ์ขุ่นเมา ถ้าทำได้ ได้กับตัวเอง เพราะความสุขเป็นเรื่องที่หาซื้อไม่ได้ ถ้าอยากได้ก็ต้องลงมือทำเอง!!

           ′สุขภาพฟิตเปรี๊ยะ′  

         "ร่าง กาย" นะ ไม่ใช่ "เครื่องจักร" ซึ่งเครื่องจักรเวลาเสีย ซ่อมแป๊บเดียวก็กลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ร่างกาย บางครั้งเสียแล้วเสียเลย ซ่อมไม่ได้!!

         นพ.สุวินัย บุศราคัมวงศ์ แพทย์อายุรกรรมสมอง โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทย บอกว่า ที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพสักเท่าไหร่ มีคนป่วยมากขึ้น และโรคที่เป็นส่วนใหญ่เป็นโรคที่ป้องกันได้ 

        "คนมักคิดว่า ไม่สบายรักษาด้วยการกินยาง่ายกว่า ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ไม่ถูกต้อง"
ดังนั้น การป้องกัน "ดีกว่า" การรักษาแน่นอน!

         "หัวใจ สำคัญของสุขภาพที่ดี ต้องทำสม่ำเสมอ ทำให้เป็นนิสัย ถึงจะเห็นผล" นพ.สุวินัยกำชับ ก่อนแจกแจงวิธีการดูแลสุขภาพด้วยอาหารการกินที่ง่ายนิดเดียว

          เริ่ม จาก "อาหาร" รับประทานให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด มันจัด แนะนำให้รับประทาน "ปลา" ให้มากขึ้น โดยเฉพาะปลาทะเล เพราะมีสารโอเมก้า 3 ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง เลือดไหลเวียนดี ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งหมั่นรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วย "ไฟเบอร์ กากใยต่างๆ" โดยมีในผักผลไม้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดการเกิดมะเร็งลำไส้  รับ ประทาน "เต้าหู้" โดยเฉพาะสตรี ซึ่งเต้าหู้มีสารคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง โดยเฉพาะหญิงสูงอายุ จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ระบบไหลเวียนดี ช่วยให้เซลล์แข็งแรง ผิวพรรณดี  สำคัญที่สุด เน้นดื่มน้ำให้เยอะขึ้น อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพราะน้ำช่วยล้างสิ่งสกปรกสารพิษต่างๆ ออกไปจากร่างกาย และเป็นตัวช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานดีขึ้น

ดูแลเรื่องอาหารแล้ว "ออกกำลังกาย" ก็ขาดไม่ได้

           นพ.สุวินัยแนะนำว่า ถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรง ต้องออกกำลังกายโดยเน้นให้สม่ำเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง

         "ปัจจุบัน มีโรคหลายโรค ถ้าไม่ตรวจ ไม่รู้ว่าเป็น เพราะไม่มีอาการ การตรวจสุขภาพประจำปี ปีละครั้งเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่มีพ่อแม่เป็นโรคเรื้อรัง เพราะสามารถสืบทอดทางกรรมพันธุ์ได้ เช่น เบาหวาน ความดัน หรือคนที่สูบบุหรี่ กินเหล้า เป็นประจำก็ควรมาตรวจไว้ ปัจจุบันโลกวิ่งไปด้วยความเร็วสูง ถ้าเราจะวิ่งตามให้ทันต้องกลับมาดูแลตัวเอง ซึ่งวิธีที่แนะนำมาเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และไม่ต้องลงทุนอะไรเลย"

            ทิ้งขยะจิตใจ ชีวิตเปลี่ยน

         จิตใจที่ไม่เบิกบาน หงุดหงิด โกรธ เกลียด เศร้า เบื่อ เหงา ซึม นอยด์ แซด ทุกข์ และอีกสารพัดจะ "รมณ์บ่จอย" ซึ่งอารมณ์ลบๆ แบบนี้ รู้ไหมว่าเป็น "ขยะ" ที่ไม่เป็นผลดีกับชีวิตเลย (ขอบอก)

          "สิริลักษณ์ ตันศิริ" นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ โค้ชพัฒนาศักยภาพและความสำเร็จ เจ้าของหนังสือขายดี "เมื่อยักษ์ตื่น" และ "เร่งสปีดความสำเร็จ" ผู้ที่พูดสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนเปลี่ยนชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นมาแล้ว มากมาย เริ่มต้นด้วยการบอกว่า คนในสังคมเก็บขยะไว้ในใจเยอะมาก (ลากเสียงยาว) 

           "ขยะในใจคือ อารมณ์ลบๆ ทั้งหลาย ถ้าเรามีแต่อารมณ์ลบๆ ตลอดเวลา ใครทำอะไรให้ผิดหวัง ไม่ได้ดั่งใจ ก็เอามาเสียใจ เบื่อ เซ็ง หรือคิดว่า ฉันไม่เก่ง ฉันล้มเหลว ยิ่งเก็บอารมณ์แบบนี้มาไว้ในใจเรื่อยๆ มันก็ยิ่งตอกย้ำสิ่งไม่ดีกับตัวเอง เศร้าบ่อย ผิดหวังบ่อย สุดท้ายก็หมดพลังชีวิต" 

         "คนที่ชีวิตไม่มีความสุข อะไรที่คิดแล้วทำให้ใจขุ่นมัว นั่นแปลว่า กำลังวางความคิดไม่ถูกต้อง" 
ซึ่ง คนส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่อย่าง "เบื่อๆ" ไปวันๆ ไม่สุขแต่ก็ไม่ทุกข์ อยู่ไปวันๆ ซึ่งแบบนี้ใช่ว่าจะดี เพราะเป็นการมีชีวิตอยู่อย่างเรื่อยเปื่อย ไม่มีแรงบันดาลใจ ไม่เบิกบานใจ ทำงานก็ทำงานไปงั้นๆ พอตกเย็นก็กลับบ้านดูทีวีนอน ชีวิตมีอยู่แค่นี้   เมื่อเป็นเช่นนี้ โค้ชจึงอยากขอร้องว่า "เปลี่ยนจากเบื่อให้เป็นบุญ" จะดีกว่าไหม? 
           "ด้วย วิธีแสนง่าย ไม่ว่าจะทำอะไรให้ใส่ความรัก ความเอาใจใส่ลงไป เช่น ที่ผ่านมา อาจจะทำงานเหมือนหุ่นยนต์ ทำแบบเบื่อๆ ลองเปลี่ยนเบื่อให้เป็นบุญ มองให้เห็นคุณค่าในงาน ทุกครั้งที่ทำงานให้ใส่ใจ ใส่ความรักลงไปในงานทุกวัน" 

     

          สุดท้าย เคล็ดลับความสุขที่หลายคนรู้ แต่ไม่ค่อยเห็นคุณค่า นั่นคือ "คิดบวก พูดบวก ทำบวก ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น"    

         "ต่อ ตนเอง คิดบวก คือ คิดว่าเราเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่หลงตัวเอง เป็นการคิดที่การเชียร์ให้พลังตัวเอง, พูดบวก คือ พูดแต่สิ่งที่ดี ฉันมีพลัง ฉันเชื่อมั่น ฉันทำได้ ฉันเป็นคน       โชคดี, ทำบวก คือ ฝึกตัวเองให้ยิ้มแย้มแจ่มใส และกระตือรือร้นเสมอ" 



           "ส่วนต่อคนอื่น คิดบวก พูดบวก คือ การมองแต่ละคนในแง่ดี ชื่นชมในสิ่งดีๆ อย่าไปมองสิ่งที่ไม่ดี พูดชมเชยและพูดขอบคุณเยอะๆ ซึ่งเป็นคำพูดที่ทรงพลังสุดสุด" 

          "ลองดูในแต่ละวัน ชื่มชมแฟนที่ดูแลเรา ขอบคุณแม่ที่ทำอาหารให้เราทุกวัน ขอบคุณเจ้านายที่สอนงานเรา แล้วดูว่าจะได้ความรักจากคนรอบข้างขนาดไหน เขาจะรัก จะรู้สึกดีกับเรา แต่การชื่นชมก็ต้องออกมาจากใจด้วย คอยดูเถอะ สิ่งดีๆ จะหลั่งไหลเข้ามา"

          "และทำบวกต่อผู้อื่น คือ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อกัน ช่วยเหลือผู้อื่นและเป็นผู้ให้ เรายอมเหนื่อยกายเพิ่มนิดเดียว แต่สิ่งที่ได้กลับมามหาศาลมากๆ เวลาช่วยไม่ต้องหวังผล สิ่งดีๆ จะกลับมาเอง จะเร็วจะช้าก็แล้วแต่ ไม่ต้องนั่งคอย" 

"ทั้งหมดนี้คือหลักการที่ทรงพลังมหาศาล" 

            "ซึ่ง คนแทบทั้งนั้น อยากมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม คิดแบบเดิม พูดแบบเดิม ทำแบบเดิม แล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร เคล็ดลับความสุขง่ายๆ เพียงมองสิ่งต่างๆ ในแง่ดี บวกไว้ ชื่นชมสิ่งที่มี ขอบคุณสิ่งที่ได้รับมา ลดความคาดหวังให้น้อย ปล่อยวางให้เร็ว ไม่ยึดติด ไม่หมายมั่นกับสิ่งต่างๆ สร้างประโยชน์ สร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น เท่านี้ ทำได้ ก็ยิ้มเยอะ!!!"  

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

                        

                                                      อาหารเพื่อสุขภาพจากเขาค้อทะเลภู

                         

                                                                 น่ารักๆ จากภูทับเบิก 

                         

                                                              หวานๆ อบอุ่นๆ จากเขาใหญ่



                        

                                                        "ข้าวลืมผัว"  อร่อยมากจนสามีถูกลืม

หมายเลขบันทึก: 517598เขียนเมื่อ 27 มกราคม 2013 17:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มกราคม 2013 17:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

น่าสนใจมากค่ะ..ขยะจิคใจที่ต้องหมั่นชำระทุกขณะ..ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณนะคะคุณพี่ที่่แวะมาเยี่ยม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท