จะรัก "การอ่าน " ได้อย่างไร ? ในเมื่อ....


 ส่งเสริมให้ ประชาชน โดยเฉพาะ เยาวชน รักการอ่าน เป็น วาระแห่งชาติ

 ครับ ดีแน่ ดียอดเยี่ยม ดีเป็นเลิศ  ตามมาตรฐานของ ผู้ทรงอำนาจ และ ผู้ มีหน้าที่รับสนองนโยบาย

แต่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย จะรักการอ่านได้อย่างไร ? ในเมื่อ .......

       ๑) สมาชิกรัฐสภา ร้อยละ ๗๐  ขาด (ขี้เกียจใช้ ? )สมรรถนะการสื่อความด้วยคำพูด จนต้องนำภาพ ไดอะแกรม ภาพวาด

          ไปแสดงในที่ประชุม ไห้รกสายตา และ ขัดกับข้อห้าม ข้อบังคับ การประชุมของสภา ที่ท่านผู้ทรงเกียรติเขียนและรับรองเอง

        ๒)นักวิชาการ  ผู้รู้หนังสือ ร้อยละ ๙๕ พอใจจะดู และรับแจก power points sheets. มากกว่าที่จะอ่านจาก เอกสารพิมพ์

         ( เวลาไปสัมนา หรือ ประชุม )

        ๓)หนังสือเล่มที่ พิมพ์ จำหน่าย  ( และมีสาระพอจะเสียเวลาอ่านได้ ) ราคาเท่ากับเงินค่าอาหารกลางวันของนักเรียนยากจน

    ๔ วัน เป็นอย่างน้อย

         ๔) ร้านขายหนังสือ ประเภทที่ว่าข้างต้น นั้นมีไม่เกิน ๑๐๐ ร้านทั้ง กทม. ซึ่งกระจุกตัวอยู่ตาม "ห้าง " ใหญ่ๆที่นายป๊ืด หรือหนู แป๋ว

    จะมีโอกาสขอตังค์แม่ ( โดยไม่ถูกตบ ) ไปเที่ยวสักปีละ ครั้ง ๒ ครั้ง

         ๕) กว่าร้อยละ ๘๐ของหนังสือบริจาค " เพื่อน้อง " คือขยะของคนชั้นกลางที่ล้นที่เก็บในบ้านของพวกเขาแล้ว

         ๖) หนังสือที่พอจะอ่านประเทืองปัญญา ได้บ้าง กว่าร้อยละ ๓๐ พิมพ์ตัวจ๋ิว แถมลดความเข้มของหมึกพิมพ์ไปอย่างน้อย

   ร้อยละ ๔๐. หนูๆน้องๆผู้รักการอ่าน ต้องใส่แว่นสายตา ภายใน ๖ เดือน แน่ๆ

         ๗) มีอะไรเป็นรางวัลจูงใจ ให้ หนูๆน้องๆผู้หลงรักการอ่านตามเสียงเพรียก ของรัฐบาล ครู  ผู้ปกครอง จนเสียเกรด โอ-เน็ท

    ของแกไปหลายจุด ได้รู้สึกว่าการรักการอ่านของแกมีคุณค่าต่อการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของแกบ้าง

           ๘) หนังสือแมกกาซีน NEWSWEEK. ประกาศเลิกพิมพ์ เมื่อ ๑ ม.ค. ๒๕๕๖ นี้เอง หลังจากพิมพ์ต่อเนื่องมา ๗๙ ปี

     เขาแถลงว่า ผู้อ่าน ปัจจุบัน และอนาคต พอใจจะอ่าน on line และ/หรือ e- booksมากกว่า

                                     ฯ ลฯ

           ความรักการอ่านเกิดขึ้นได้ เมื่อ หนูๆน้องๆ พี่ๆ ถูกฝึกให้อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่อ่านแบบเอาความ และวิเคราะห์สาระ

           สังคมไทยทุกวันนี้ มีสื่อสิ่งพิมพ์ ล้นประชากร เพียงครูอาจารย์ บุคคลต้นแบบ คลายความยึดติดกับ "การอ่านหนังสือเล่ม "

         ส่งเสริมการอ่าน " สิ่งพิมพ์แผ่น "  ซึ่งมีอยู่เกลื่อนกล่น และส่วนมากแจกฟรี ผมใช้รถไฟฟ้า BTS  บ่อยครั้ง สังเกตเห็นว่า

         หนูๆน้องๆนักเรียนเมินหนังสือรายวันแจกฟรี ตามสถานี แน่นอน นสพ. รายวันฉะบับนั้น เขาทำเพื่อหาค่าโฆษณา แต่ผมอ่านแล้ว

         เห็นว่า ถ้าคุณครูๆๆ มีจินตนาการพอสมควร  ก็สามารถจะกำหนดบางหน้า ของทุกวัน เป็น หัวข้อการอ่าน  หรือ บางหัวข้อบางวัน

         ที่ท้าทายการวิเคราะห์ ของนักเรียน ให้เป็น งานมอบหมายได้. หน้าโฆษณาของหนังสือพิมพ์หัวสี มีเรื่องราวดีๆท้าทายการอ่าน

         เชิงวิเคราะห์. และ เกือบทุกฉะบับ มีสาระคดี การอาชีพการดำรงชีวิตในสังคมใหม่  มากเกินพอ

             ผมว่า ท่านๆที่มีอำนาจ หรือ หน้าที่ส่งเสริมการอ่านของชาติ  น่าจะ " อ่าน " ความคิด จิตสำนึก และ ความมุ่งมั่นของท่านๆๆ

         ให้กระจ่างชัด เสียก่อนจะดีไหมครับ ? ท่านๆๆ ขายฝันทั้งกลางวันกลางคืนจนคนไทยไม่ได้หลับสนิทมาหลายสิบปีแล้ว

           น้อยๆลงหน่อยได้ไหมครับ



  


หมายเลขบันทึก: 517411เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2013 08:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม 2013 08:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

.... " รักการอ่าน "  ต้อง ..... มีความคิด ...มีจิตสำนึก และ มีความมุ่งมั่น .... ทั้งผู้อ่าน - พ่อแม่ --- คุณครู ..... ช่วยกัน นะคะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท