ทูตสันถวไมตรีของชีวิต...ยิ้ม


ทุกครั้งที่ยิ้ม ให้คิดเสมอว่า เรากำลังสร้างสันติสุขให้โลกใบนี้

 พูดถึงของวิเศษที่มนุษย์ได้รับติดตัวมาทุกคน เพื่อให้ไว้ใช้ในการสร้างสันติสุข  คือสุขตั้งแต่ผู้ใช้และผู้ได้รับคุณวิเศษของสิ่งนี้เลยทีเดียว ผู้เขียนกำลังพูดถึงรอยยิ้มของเราๆท่านๆค่ะ

ถามว่าเวลาเรามีโอกาสยืนอยู่หน้ากระจก จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เมื่อเห็นหน้าตนเองในกระจกไม่ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เพียงไม่กี่วินาที เราจะส่งรอยยิ้มออกไปทันที ยิ้มให้กับตนเอง ยิ้มเพื่อให้คนในกระจกนั้น ดูสดชื่นแจ่มใส ไม่บูดบึ้ง หน้าหงิกงอ ที่เห็นแล้วยังกลัวตัวเองและทนดูไม่ได้


   รอยยิ้มมีอานุภาพ เมื่อคลี่ยิ้มออกไป ดวงตาจะสุกสกาว ส่งประกายใจดี ระยิบระยับ น่ามอง คลื่นแห่งความชื่นเย็นกระจายสู่ผู้รับรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว บางครั้งหนึ่งรอยยิ้ม มีค่ามากกว่าหลายร้อยคำพูด ยิ้มสร้างความอบอุ่น เป็นกำลังใจ และส่งกระแสความกล้าหาญให้แก่กันและกันได้

 เขาว่ากันว่า คนที่สิ้นใจแล้วใบหน้ามองดูอิ่มเอิบไปด้วยรอยยิ้ม นั่นแสดงว่า มีสุคติเป็นที่ไป ยอมรับกับเส้นทางที่สว่างไสว ที่คงทำให้รู้สึกปลอดภัยในการเดินทางไกลลำพังในคราวนี้ ดังนั้นจึงส่งสัญญาณด้วยรอยยิ้ม ให้คนอยู่เบื้องหลังได้รับรู้

 ยิ้มเป็นทูตสันถวไมตรี เชื่อมสัมพันธไมตรีระดับใจต่อใจ มีความหมายเหนือคำบรรยาย

ยิ้มทำให้ใจของคนอ่อนโยนนุ่มนวล เปลี่ยนอารมณ์ให้ร้ายกลายเป็นดี ช่วยระงับยับยั้ง ไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงไป

แต่เราก็มักจะลืมยิ้มกันไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด จนที่สุดก็กลายเป็นคนเฉยชา ยิ้มยาก พาลคิดไปว่าคนที่หัวเราะยิ้มบ่อยๆ กลายเป็นคนรักสนุก ไม่จริงจัง ทำเป็นเล่นไปได้ ที่จริง ณ ที่แห่งใดหากขาดรอยยิ้ม บรรยากาศน่าจะอึดอัด คับข้องและน่าเบื่อเป็นที่สุด

 อีกประการหนึ่ง ขอให้รู้ไว้ว่าคนเราแค่ทำหน้าเฉยๆไม่ยิ้มนั้น ก็ดูน่ากลัวอยู่แล้ว ไม่เชื่อลองมองหน้าตัวเองในกระจกเวลาไม่ยิ้มดูซิ 

 ขอให้ เป็นคนยิ้มง่ายๆกับตัวเราเอง ยิ้มกับฝ่ามือที่คอยหยิบฉวยสิ่งของที่เป็นประโยชน์ให้กับเรา ยิ้มให้กับลมหายใจที่ยังเข้าออกเพื่อต่อชีวิตให้เรา อย่างไม่รู้สึกเหนื่อยล้า ยิ้มให้กับเท้า ที่ยังพาเราเดินไปเดินมา โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือใดๆ ยิ้มให้กับเส้นผมที่อ่อนสลวย ช่วยประกอบใบหน้าให้ดูอ่อนละมัย น่ามอง



 เราอาจพัฒนาพลังยิ้มของเราไปที่รถคันหน้า ที่ขับแบบทองไม่รู้ร้อน อาจทำให้การเดินทางของเราที่เร่งรีบ พลอยช้าไปด้วย เป็นยิ้มแบบให้อภัย  ยิ้มให้กับแสงแดดที่แผดจ้าจนแสบผิว ยิ้มให้กับสายฝนที่เปียกปอนเสื้อผ้าของเรา

หรือบางคนอาจกำลังยิ้มให้กับบทความที่กำลังอ่านอยู่ตรงหน้าขณะนี้ โดยไม่รู้จักเจ้าของ

  เถอะน่า วันหนึ่งยิ้มของเราจะไปถึงขั้นยิ้มให้กับคนที่เป็นศัตรูเราได้ วันที่ยิ้มเชื่อมจิตเราจนอ่อนโยนแล้วเมื่อไหร่ เราจะทำได้

 แค่ยิ้มก็ทำให้พลังในจักรวาลเปลี่ยนไป จากเร่าร้อนสู่สงบเย็น หลั่งไหลเข้าสูใจคนยิ้ม ธรรมชาติดูแลเราเสมอ เมื่อใดที่เราสามารถเชื่อมพลังที่เป็นกระแสเดียวกับเขาได้


  เป็นกำลังใจให้สร้างรอยยิ้มที่สวยที่สุดให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองนะคะ ไม่ต้องไปยั้ง ไม่ต้องอาย เพราะทุกครั้งที่ยิ้ม ให้คิดเสมอว่า เรากำลังสร้างสันติสุขให้โลกใบนี้

หมายเลขบันทึก: 516645เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2013 23:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม 2013 23:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ยิ้มเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งด้วยนะคะ ;))))

ยิ้มได้เมื่อภัยมา..นิ้มทุกเวลาพาสุขใจนะคะ..ขอบคุณค่ะ..

ที่นี่ยิ้มทีไร  ได้เงินใช้ทุกทีค่ะ

อ่านไป...ยิ้มไป...อย่างมีความสุขมากครับ

สวัสดีค่ะคุณปริม

 จริงด้วยค่ะเพราะเมื่อเธอยิ้มมาฉันคงอดที่จะยิ้มไปไม่ได้

โรคติดต่อชนิดนี้ไม่ต้องควบคุมนะคะ

สวัสดีค่ะคุณพี่นางนงนาท

  โอ้..วิเศษเลยค่ะถ้าเราสามารถยิ้มได้เมื่อภัยมา

การยิ้มสร้างบรรยากาศให้โลกสดใสอีกครั้งนะคะ

สวัสดีค่ะคุณครูอ้อย

  แหมอย่างนี้ดีมากเลย

ถ้าอยู่ใกล้กันจะยิ้มให้ทั้งวัน

เงินทองจะได้ไหลมาเทมา

ขอใหสุขภาพดีพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจนะคะ

สวัสดีค่ะคุณทิมดาบ

 พี่เชื่อว่าน้องทิมดาบต้องเ็นคนยิ้มง่ายใจดีแน่นอน

ชาวบ้านจึงรักและเอ็นดู

ทำงานให้สนุกกับช่วงชีวิตที่ดีของเรานะคะ

ต้องขอขอบพระคุณเจ้าของดอกไม้ทุกท่านนะคะ

ขอส่งยิ้มจากใจจริงถึงทุกท่าน

ขอให้สดชื่นแจ่มใสตลอดไปด้วยนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท