สวัสดีปีใหม่ 2556 ณ แดนดินถิ่นอิสานเหนือ ตอนที่ 3 : เที่ยวชมเวียงจันทร์เมืองหลวงแห่งลาว


ณ ปี พ.ศ. 2556 ลาว...ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง...แต่เป็นแบบค่อยเป็น-ค่อยไป.... ไม่ได้หวือหวาทุ่มทุนสร้างโครงการอภิมหาโปร์เจค เฉกเช่นหลายๆประเทศที่เติบโตราวกับพืชผักที่เร่งใส่ปุ๋ยสูตรพิเศษ

รถยนต์หลายขนาด  หลากประเภท จอดชิดข้างทางเขตติดต่อข้ามดินแดนไปฝั่งลาวปล่อยกลิ่นควันออกเป็นระยะๆ  ผู้แทนกลุ่มสามสี่คนเดินลงไปเจรจา-ต่อรองกับตัวแทนบริษัทที่มาติดต่อ-ขอให้บริการ  กว่าจะตกลงกันได้ใช้เวลาไปกว่า 20 นาที  ข้อมูลสรุปไม่ชัดเจนเพราะไม่ได้รับการบอกกล่าวอย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว  เนื่องจากการต่อรองพลิกไป-เปลี่ยนมาอยู่หลายครั้ง  รับรู้แต่ว่า  ให้เขาทำใบผ่านแดนและบริการรถรับ-ส่งพร้อมพาไปเที่ยว 4 จุด 


 


งานนี้น้องชายหอบหิ้วลูกชายฝรั่งสัญชาติอิตาเลียน นักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการเอเอฟเอส ไปด้วย  จึงต้องใช้เวลาไปทำ Re-Entry  และกรอกฟอร์มขอวีซ่าเข้าประเทศลาว -รอจ่ายเงินที่ด่านรวมเวลาที่ใช้ไปกว่า 1 ชั่วโมง  แถมมีการเจรจาต่อรองกับบริษัทอีก สอง-สามรอบ  เพราะมีปัญหาเรื่องต้องรอรถที่จะให้บริการนานเกือบสองชั่วโมงเนื่องจากจำนวนรถที่จะให้บริการมีไม่พอ  ตัวแทนบริษัทกล่าวว่า  " หากรีบไปจริง  ยกเลิกทางนี้ไปหารถที่ฝั่งลาวก็ได้ "   ปัทโธ่อุตส่าห์ยอมจ่ายค่าบริการทำใบผ่านแดนให้คนละ สองร้อยกว่าบาท  ทั้งๆที่ถือพาสปอร์ตเตรียมพร้อมอยู่แล้ว   เสียเวลารอคอยไปหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที  แล้วยังต้องเสียเวลาไปเจรจาหารถที่ฝั่งประเทศลาวอีกมันคุ้มไหมเนี่ย  …. ... 

สรุปว่ายอมจ่ายเพิ่มอีก 300 บาท  จึงได้ไปเพราะเปลี่ยนรถเป็นสองคันแทนรถมินิบัส   งานนี้ได้บทเรียนว่า   การติดต่อเรื่องใดๆ ก็ตามควรเขียนข้อตกลงให้เป็นลายลักษณ์อักษร จะดีที่สุด  มิเช่นนั้นอาจมีการพลิกผัน  ไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่คุยกันไว้  



    
  

รถสองคันจอดเทียบท่าฟุตบาธโรงแรม ในเวลาเกือบสามโมงเย็น  สภาพของ โรงแรมเก่าได้ใจจริงๆ  การติดต่อผ่านทางเวปไซต์หากดูจากรูปเพียงอย่างเดียวคงยากจะรู้สภาพที่แท้จริง แต่ร่องรอยของความงดงามก็ยังปรากฏ  ให้เห็น  พอที่จะหักลบกับการไต่บันไดขึ้นไปถึงชั้นที่ 4  และทนรับสภาพกับความเก่าของเครื่องใช้  เถอะน่า...ก็พักแค่ชั่วคืน 


  

                                 การตกแต่งห้องพักของโรงแรม / โต๊ะรับแขกไม้ไผ่ตั้งอยู่ล็อบบี้ของโรงแรม

สถานที่แห่งแรกที่รถพาไปเยือนคือ  ร้านขายเครื่องเงิน  แต่คณะฯปฏิเสธิ์รายการนี้ ทั้งๆที่รถไปจอดเทียบสถานที่แล้ว...ใจนึกไปถึงทัวร์เกาหลีกับทัวร์จีนที่มีการบรรจุรายการรัฐฯขอมาแกมบังคับให้พานักท่องเที่ยวทุกคณะฯ ไปเยี่ยมชมโรงงาน- บริษัทที่ผลิตสินค้า ฯ เพื่อทำการประชาสัมพันธ์และขายสินค้า  การทำเช่นนี้นับว่าไม่เสียปล่าวเพราะสังเกตเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3-4 รายของแต่ละคณะฯ  ต่างอุดหนุนสินค้า- ประคองถุง/กล่องติดมือไปกันรายละ 2-3 ถุง/กล่องก็มี,
  
   

  

                                              พิพิธภัณฑ์หอพระแก้วรูปทรงสง่า / ทางเดินเท้าปูด้วยอิฐมอญ


คณะของตนไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์หอพระแก้วซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมวัตถุโบราณและสิ่งของล้ำค่าของลาวและเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตเมื่ออดีต   ภายในมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐาน  และวัตถุโบราณพอประมาณ  ส่วนภายนอกที่ดูเด่นคือหลังคาทรงสูงและการแกะสลักพระพุทธรูปและบานประตูไม้  สภาพยังดูดีเพียงแต่ไม่มีการฉาบสี-ทาสี จึงมองดูค่อนข้างเก่า

 

  

                                            การแกะสลักประตูไม้   หน้าบัน....ลวดลายอ่อนช้อย - งดงาม 

  

                                      พระพุทธรูปองค์ใหญ่สร้างด้วยโลหะ...  งดงามตามแบบศิลปของลาว 

 

                                หม้อใบยักษใหญ่กว่าตัวผู้เขียน - หินแกะสลักพระพุทธรูปวางให้ชมด้านนอก 

    

                                      พระพุทธรูปประดิษฐานรอบอาคาร - ชุดเครื่องแบบนักเรียนของลาว

พระธาตุหลวง เป็นแหล่งที่สองที่คณะฯ ได้ไปเที่ยวชม  ณ สถานที่นี้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนหัวหน่าวของพระพุทธเจ้า  ฉาบด้วยสีทอง-เหลืองอร่ามดูงดงาม  เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับเวียงจันทร์ได้ไม่น้อยหน้าที่อื่น  ฝูงชนมากราบไหว้สักการะบูชากันมากมายพอสมควร  ถัดไปเป็นวัดที่มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์รูปลักษณ์สง่างามประดิษฐานให้ชม  ขนาดของความใหญ่โตของพระพุทธรูปสีเหลืองอร่าม  มองเห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่ก้าวสู่อาณาบริเวณพระธาตุหลวง  ช่วยดึงดูดสายตาให้นักท่องเที่ยวมาสักการะได้เป็นอย่างดี 
 
 

  

                                               วัดพระธาตุหลวง  -   เศียรพระปูนปั้นประดิษฐานด้านใน 

  

                                            ทัศนียภาพงดงามตา - ปูนปั้นพญานาคแกะเกล็ด-ชัดลึกสวยงาม

    

                  การตกแต่งประตูของวัดที่ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ /  เรือหางยาวลำใหญ่คล้ายพญานาค

    


ประตูไช  เป็นสถานที่สุดท้ายที่ได้แวะชมเมื่อยามแสงอาทิตย์อัสดง ตัดสะท้อนน้ำพุเป็นวงกว้างดูงดงาม  มีการปลูกต้นไม้ตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ  ตั้งม้านั่งให้พักผ่อน-หย่อนใจบนลานกว้าง

   

   

 
                                                     ด้านข้างของประตูชัย  /   ลวดลายการตกแต่งด้านใน  


จุดประสงค์ของการสร้างประตูไชนั้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการปลดปล่อยอิสรภาพจากประเทศอาณานิคมเป็นเวลากว่า 36 ปี  ความสูงใหญ่ของประตูแสดงให้เห็นถึงพลังของความเข้มแข็ง และความแกร่งของจิตใจของชาวลาว ณ ปัจจุบัน 
ข้างๆ ประตูไชเป็นอาคารโอ่อ่าสร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่ดูมีระดับ  คล้ายกับสถานที่ราชการของประเทศไทย  ความมืดเริ่มแผ่คลุมทั่วอาณาบริเวณ  เป็นการเร่งรัดให้คณะฯ เร่งรีบกลับที่พักกันโดยอัตโนมัติ์  เพราะบางคนชอบให้ธรรมชาติเป็นตัวกำหนดกิจธุระตามสัญชาติญาณ  เช่นพอเห็นเข็มนาฬิกาชี้ที่เลข 12  รู้สึกว่าท้องต้องการอาหาร  เมื่อหมดแสงส่องของดวงสุริยัน  ต้องรีบกลับไปพักผ่อน  ฯลฯ


  

                                     น้ำพุวงใหญ่ตั้งกลางลานกว้างหน้าประตูไช /  อาคารรูปทรงสง่างาม 


แสงสียามค่ำคืนในวันสุดท้ายของปีมะโรงงูใหญ่  ณ  เวียงจันทร์  ....เมืองหลวงแห่งลาว  สว่างไสวอยู่แค่ไม่กี่แห่ง  มีการจัดแต่งประดับประดากันเฉพาะโรงแรมใหญ่ๆ    แสงไฟกระพริบพร่างพราว สีสันสวยงามละลานตา  ต่างไปจากโรงแรมเล็กๆ  ที่เป็นเหมือนปกติราวกับไม่ได้ให้ความสำคัญกับเทศกาลปีใหม่  ดังเช่นหลายๆ ประเทศ ที่เฉลิมฉลองกันอย่างใหญ่โต
  

  

            โรงแรมหรู  ตกแต่งประดับไฟละลานตา / ลานน้ำพุใจกลางเมือง...สถานที่จัดกิจกรรม Count Down

ณ ปี พ.ศ. 2556  ลาว...ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง...แต่เป็นแบบค่อยเป็น-ค่อยไป.... ไม่ได้หวือหวาทุ่มทุนสร้างโครงการอภิมหาโปร์เจค เฉกเช่นหลายๆประเทศที่เติบโตราวกับพืชผักที่เร่งใส่ปุ๋ยสูตรพิเศษ   การพัฒนาด้านอาคารสถานที่และเทคโนโลยีจึงไปลิ่วสุดโต่งทิ้งช่วงห่างไปจากการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  .... สังคม ณ กาลปัจจุบันจึงรู้จักแต่ที่จะเสพย์  โดยขาดความตระหนักคิด- วิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ

 

                                                   อาคารสำนักพิมพ์ - ร้านค้าออกแบบตามสมัยนิยม 

คณะฯของผู้เขียนไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน  แหล่งขายของนานาชนิดราคาถูกกว่าเมืองไทยน้อยกว่าเท่าตัว  แต่ราคาอาหารซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญกลับมีราคาสูงกว่าของไทยเป็นเท่าตัว
 

  
  
       เครื่องประดับราคาถูก....วางขายบนแผงข้างทาง / โรตีกรอบแผ่นละ 30 บาท / ข้าวผัดกุ้งจานละ 60 บาท 


ผู้เขียนเดินแยกกลุ่มไปที่ลานประดิษฐานอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงค์ที่บรรจงสร้างอย่างใหญ่โตกว่าตัวจริงราว 2 เท่า  พบเห็นชาวลาวหลายคนซื้อดอกไม้และเทียนเล่มโต เพื่อสักการะแด่องค์เจ้าเหนือหัวของพวกเขา

    

พระจากประเทศกัมพูชา ส่งเสียงทักทายคุยกับ นร.แลกเปลี่ยนเอเอฟเอส / ดอกบัวขายพร้อมเทียน-ธูปกำละ 30 บาท  

เพลิดเพลินกับทัศนียภาพริมฝั่งโขงท่ามกลางสายลมเย็นพัดผ่านอย่างบางเบา  มองเห็นแสงไฟนวลส่องแสงวิบวับ-แวววาว อยู่ปลายสายตาจากฟากฝั่งไทยแผ่นดินเกิดอันอุดมพูนสุขภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพ่อหลวงไทย .. จิตระลึกถึงสถาบันหลักทั้ง 3  อย่างภาคภูมิใจและสุขใจ
 

                                              
 
                                    “ ...  สวัสดีปีใหม่ 2556  งูเล็กอำนวยชัย แห่งปีมะเส็งสุขสันต์ ...  ”  ค่ะ                      

หมายเลขบันทึก: 516277เขียนเมื่อ 14 มกราคม 2013 21:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มกราคม 2013 21:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อิจฉาพี่ไปลาวอีกแล้ว  เอาค่ายที่เขาค้อมาให้ดูบ้างนะครับ

***...  ขอบใจน้อง " น้อง ดร.ขจิต ที่มาเยี่ยมเยียน  จริงๆแล้วประเทศไทยสวยงามกว่าเยอะนะ.... เพิ่งมีโอกาสลงบันทึกค่าย....ช่วงนี้ตระครุบงานไม่ทันจริงๆ   น่าเสียดายที่ " น้อง ดร.ขจิต " ไม่ได้มาร่วมงานด้วย...เกมสนุกมาก -บรรยากาศดีจริงๆ  โอกาสหน้านะ  หุหุหุ   ...***                

                                                                            

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท