ชื่อผลงาน การพัฒนาครูเกี่ยวกับการประเมินตามสภาพจริง สำหรับครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25
โดยใช้ชุดฝึกอบรมครู
ผู้ศึกษา นายภาณุพงศ์ แสงดี
ปีที่พิมพ์ มิถุนายน 2555
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องการพัฒนาครูเกี่ยวกับการประเมินตามสภาพจริง สำหรับครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 โดยใช้ชุดฝึกอบรมครู มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ความเข้าใจของครู ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเรื่องการประเมินตามสภาพจริง ศึกษาความสามารถของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการนำความรู้เรื่องการประเมินตามสภาพจริงไปใช้พัฒนาผู้เรียนในชั้นเรียน ศึกษาความคิดเห็นของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรม ที่มีต่อความเหมาะสมของกระบวนการฝึกอบรม ศึกษาความคิดเห็นของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อการประเมินตามสภาพจริง ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการประเมินตามสภาพจริง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 จำนวน 33 คน ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 33 คนและนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ใน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่มีครูกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 180 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย เครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมในการพัฒนาครู คือชุดฝึกอบรมครูเกี่ยวกับการประเมินตามสภาพจริง สำหรับครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ขั้นตอนการดำเนินการพัฒนาใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ(Action Research) เป็นกระบวนการประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ การวางแผน (Planning) การปฏิบัติการ (Action) การสังเกตการณ์ (Observation) และขั้นสะท้อนผล(Reflection) และการวิจัยครั้งนี้ดำเนินการกับกลุ่มตัวอย่างตลอดปีการศึกษา 2554 การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้เครื่องมือและวิธีการที่หลากหลายในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจของครูเกี่ยวกับการประเมินสภาพจริง แบบประเมินความสามารถของครูเกี่ยวกับการประเมินตามสภาพจริง แบบสอบถามความคิดเห็นของครูที่มีต่อกระบวนการฝึกอบรมการประเมินตามสภาพจริง แบบสอบถามความคิดเห็นของครูต่อการประเมินตามสภาพจริงและแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ของครูเกี่ยวกับการประเมินตามสภาพจริง การรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพโดยสรุปประเด็นจากแบบสัมภาษณ์ นำเสนอผลงานและ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างการประชุมสัมมนาและใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ข้อมูลเชิงปริมาณวิเคราะห์โดยใช้คอมพิวเตอร์เพื่อหาค่าสถิติพื้นฐาน ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) ค่าร้อยละและข้อมูลเชิงคุณภาพ วิเคราะห์โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ความรู้ความเข้าใจของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมเรื่องการประเมินตามสภาพจริง โดยภาพรวมพบว่า ครูมีคะแนนรวมทดสอบหลังการอบรม 1015 คะแนน เฉลี่ยเท่ากับ 25.37 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 84.58 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.01 แตกต่างและสูงขึ้นมากกว่าคะแนนก่อนการอบรม มีคะแนนพัฒนาการรวม 604 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 50.33
2. ผลการประเมินความสามารถของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการนำความรู้เรื่องการประเมินตามสภาพจริงไปใช้พัฒนาผู้เรียนในชั้นเรียน
2.1 จากคะแนนการปฏิบัติโดยภาพรวมพบว่า ผลการประเมินครูด้านการปฏิบัติงานการประเมินตามสภาพจริงในชั้นเรียนครูมีการปฏิบัติอยู่ในระดับคุณภาพระดับดี ทุกรายการ
2.2 ข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้จากการวิเคราะห์เนื้อหาจากบันทึกประจำวัน บันทึกสะท้อนตนเองและบันทึกหลังการสอน พร้อมผลจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา และนักเรียนเพื่อประเมินครูด้านการปฏิบัติงานการประเมินตามสภาพจริงในชั้นเรียน สรุปได้ดังนี้
2.2.1 วิเคราะห์ความสามารถของครูในการนำเครื่องมือประเมินผลไปใช้ในชั้นเรียนจากข้อความในบันทึกประจำวัน บันทึกสะท้อนตนเองและบันทึกหลังการสอน สรุปได้ว่า
1) ความรู้ที่ครูได้รับจากวิทยากรและจากผู้วิจัย ครอบคลุมเนื้อหาที่ปรากฏในชุดฝึกอบรม
2) การนำไปใช้ในชั้นเรียน สรุปได้ว่าครูทุกคนคาดหวังว่าจะสามารถนำไปใช้ในชั้นเรียนได้และบางคนจะนำไปบูรณาการกับสาขาวิชาอื่น ๆ
3) ความมั่นใจ สรุปได้ว่าครูทุกคนมั่นใจว่าจะนำความรู้เรื่องการประเมินที่ได้รับไปใช้ได้จริง แต่ครูร้อยละ 50 มีความเห็นว่าอาจจะไม่ดีเท่าที่ควรหรือไม่สามารถดำเนินงานได้ครบทุกขั้นตอน
4) ความสนใจ สรุปได้ว่าครูร้อยละ 80 สนใจการบรรยาย เรื่องการประเมินผลการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยวิทยากร เพราะเห็นตัวอย่างในการประเมินชัดเจนและให้ความสนใจในเรื่องการวิเคราะห์สิ่งที่ต้องประเมินจากมาตรฐานการเรียนรู้และการสร้างเกณฑ์ การประเมินผล
5) ความรู้สึกของการทำงานเป็นทีม สรุปได้ว่ารู้สึกดี สนุก ไม่เครียด ได้แลกเปลี่ยนความรู้มีหลากหลายทางความคิดช่วยให้ได้ข้อยุติที่ดี เพื่อให้ข้อคิด เกิดความมั่นใจเพราะเพื่อนให้ความร่วมมือในกิจกรรมดี รู้สึกสบายใจมากขึ้นว่าเพื่อนผู้ร่วมกลุ่ม พบปัญหาในการประเมินลักษณะใกล้เคียงกัน
6) ปัญหาและอุปสรรคที่พบ สรุปได้ว่าครูรู้สึกว่าตนเองขาดทักษะการสอนวิทยาศาสตร์ เพราะไม่ได้จบสาขาวิทยาศาสตร์ เวลาไม่พอเพราะครูมีงานสอนมาก นักเรียนมีจำนวนมาก การสร้างเกณฑ์การประเมินต้องใช้เวลานาน กลัวว่าทฤษฏีที่ได้รับเมื่อนำไปใช้แล้ว จะได้ผลไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
7) ครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีข้อเสนอแนะว่า บรรยากาศการฝึกอบรมอบอุ่น เป็นกันเองทั้งผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้ให้การฝึกอบรม ควรมีตัวอย่างการประเมินผลตามสภาพจริงหลายๆตัวอย่าง ควรมีการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ทุกเรื่องรวมไว้เป็นเล่มเพื่อใช้ประโยชน์แก่ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ ควรสร้างเครื่องมือประเมินที่ได้มาตรฐานให้ครูนำไปใช้ ครูทุกคนในโรงเรียนควรมีโอกาสเข้ารับการฝึกอบรมแบบนี้ วิทยากรและเพื่อนวิทยากรให้ความรู้ได้ชัดเจนดี ควรมีการติดตามผลการฝึกอบรมเพื่อกระตุ้นให้ครูนำไปใช้ ควรมีการฝึกอบรมเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ และให้มีการจัดฝึกอบรมการทำเครื่องมือประเมินอย่างชัดเจน
8) จากการวิเคราะห์บันทึกประจำวันที่ผู้วิจัยไม่ได้กำหนดกรอบการบันทึกพบว่าครูส่วนใหญ่จะบันทึกเกี่ยวกับบรรยากาศการเรียนการสอนในชั้นเรียนและปัญหาที่พบ เช่นด้านผู้เรียน โดยครูใช้การสังเกตพฤติกรรม พบว่า นักเรียนให้ความสนใจร่วมกิจกรรมการทดลอง (แสง น้ำ ฟ้า ดวงดาวและสารเคมี) นักเรียนช่างสังเกต และร่วมกิจกรรมกลุ่มมากขึ้น นักเรียนยังขาดทักษะพื้นฐาน ต้องปรับปรุงแผนการสอน นักเรียนร่วมอภิปรายน้อย เพราะสนใจการทดลองมากกว่า นักเรียนบางกลุ่มสรุปผลไม่ได้ ครูเสนอแนะว่า ควรมีการให้นักเรียนทดลองและสรุปผลทีละคน นักเรียนยังออกแบบการทดลองไม่ได้ ผลงานนักเรียนยังไม่ดีเท่าที่ควร ปัญหาเรื่องเวลา เช่น การประเมินผลไม่ครอบคลุมทุกเรื่องเพราะเวลาจำกัดและไม่มีเวลาเตรียมการสอน
9) บันทึกสะท้อนตนเอง จากการวิเคราะห์สรุปได้ว่าภาระงานประเมิน ครูร้อยละ 70 เห็นว่าควรนำมาใช้อีก ร้อยละ 30 เห็นว่าต้องนำมาใช้และครูทุกคนเห็นว่าการประเมินด้วยภาระงานมีข้อดีมากกว่าข้อจำกัด เช่น ช่วยให้การวัดผลประเมินผลชัดเจนขึ้นนักเรียนมีส่วนร่วมสามารถวัดความคิดขั้นสูงของผู้เรียนได้ เป็นปัญหาที่เลียนแบบธรรมชาติ ครูได้พบข้อบกพร่องเพื่อพัฒนาผู้เรียน ข้อจำกัดที่พบอยู่บ้างคือมีความยุ่งยากในการสร้างเกณฑ์การประเมิน นักเรียนที่อ่านและเขียนไม่คล่องจะเบื่อไม่เหมาะกับนักเรียนที่ไม่เอาใจใส่ในการเรียน
10) บันทึกหลังการสอน จากการวิเคราะห์บันทึกหลังการสอนโดยครอบคลุม 3 ประเด็นหลัก คือ ผลการจัดการเรียนรู้ ปัญหา/อุปสรรคและข้อเสนอแนะพร้อมแนวทางแก้ไข สรุปได้ว่าครูมีการวัดและประเมินผลผู้เรียนทั้งก่อนสอน ระหว่างสอนและหลังสอน ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายตามแผนการประเมินที่ระบุไว้ โดยเฉพาะภาระงาน นอกจากนั้นมีการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างใกล้ชิดทุกระยะ
2.2.2 ผลการสัมมนาและจัดนิทรรศการ สรุปได้ว่า ครูสามารถนำเครื่องมือประเมินผลไปใช้ในชั้นเรียนได้ตามแผนการประเมินที่วางไว้ โดยกลุ่มครูในแต่ละศูนย์เครือข่ายร่วมกันประเมินว่าสามารถดำเนินงานตามแผนได้ประมาณร้อยละ 80 ทั้งนี้ในส่วนที่ไม่สามารถดำเนินงานตามแผนได้นั้น เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ทั้งที่ตัวครู เครื่องมือประเมิน และตัวนักเรียน เช่น ครูขาดความรู้ ความเข้าใจเรื่องที่จะประเมิน ครูสอนหลายวิชา เกณฑ์ประเมินยุ่งยากซับซ้อน ครูและนักเรียนยังไม่คุ้นเคยในการใช้เครื่องมือประเมิน ต้องใช้เวลามากในการสร้างเกณฑ์การประเมิน มีกิจกรรมโรงเรียนมาก ประเมินได้ไม่ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ผู้เรียนขาดความรับผิดชอบในการประเมินความพร้อมของผู้เรียน นักเรียนบางคนไม่กล้าแสดงออก และเมื่อตรวจแผนการจัดการเรียนรู้และภาระงานประเมินของครู พบว่า การประเมินผลของครูมีการประเมินตามสภาพจริงครบถ้วนตามภาระงานที่ตั้งไว้
3. ผลการประเมินความคิดเห็นของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อความเหมาะสมของกระบวนการฝึกอบรมมีค่าเท่ากับ 4.71 มีความเหมาะสมของกระบวนการฝึกอบรมอยู่ในระดับมากที่สุด
4. ผลการประเมินความคิดเห็นของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อการประเมิน ตามสภาพจริงมีระดับความคิดเห็นหรือความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ทุกประเด็น
5. ผลการประเมินความคิดเห็นของนักเรียนต่อการประเมินตามสภาพจริงโดยภาพรวมมีค่าเท่ากับ 3.67 มีความคิดเห็นหรือความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
ไม่มีความเห็น