ทุกคนมีสิทธิจะฝัน การฟังเรื่องที่เพื่อนๆฝันสุดแสนจะมีควาุมสุข แต่พอดูตัวเอง ไม่กล้าที่จะฝันอีกต่อไป เพราะหนทางที่จะเดินไปนั้นใกล้จะถึงปากอุโมงค์ มองเห็นแสงสว่างอยู่ลิบลิบ
ระยะในอดีตที่ใกล้ๆ 10กว่าปีนี้ ครูอ้อยฝันไว้หลายเรื่อง แต่ละเรื่องของครูอ้อยพังพินาศไปทุกเรื่อง ครูอ้อยไม่ได้เพ่งโทษตัวเองเลยสักนิด เพราะครูอ้อยเคารพสิทธิของตนเองที่ี0tฝัน ถึงแม้ฝันนั้นจะเดินทางไปไม่ถึงฝั่งฝันก็ตาม
ครูอ้อยวิเคราะห์ตัวเอง ด้วยตัวบ่งชี้ของสังคม ครูอ้อยพบกับความเสียใจ ที่ทำไม่ไ่ด้ตามฝันหรือแผนการที่ได้ตั้งปณิธานไว้
แต่เมื่อครูอ้อยวิเคราะห์ตัวเองด้วยสิ่งที่มีอยู่ บริบทของตัวเอง สังคมของตัวเอง และรอบข้างของตัวเอง พบว่า ครูอ้อยมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาระยะ 10กว่าปี ครูอ้อยเดินทางมาถึงทางสองแพร่งแล้ว ที่จะต้องเลือก ครูอ้อยยืนงงกับการเลือกทางแพร่งที่จะเดินทางต่อไปเป็นเวลานาน
แต่พอมาวันหนึี่่ง ครูอ้อยประสบกับอุบัติเหตุปางตาย คิดว่า ตายไปแล้ว ณ วินาทีนั้น ครูอ้อยก็ตัดสินใจทันทีที่จะเดินทางใดให้ไปถึงปากอุโมงค์ของชีวิตปุถุชน
ไม่กล้าฝัน ไม่กล้าคิดอะไรเกินตัว ทำได้ในสิ่งที่พอทำได้ ตามศักยภาพ ตามเศรษฐกิจของตนเอง
....ความพอดี....พอตัว ..... พอเพียงนะคะ ไม่มาก...ไม่น้อยเกินไปนะคะ ... ทางสายกลางค่ะ .. คุณครูอัอย ...โชคดีแล้วนะคะ พ้นภาวะวิกฤติแล้ว นะคะ
เยี่ยมจริงๆค่ะ
ครูอ้อยเป็นนักสู้ตัวจริง
มีสติไตร่ตรองได้ตลอด
ความฝันเป็นพลังให้แก่ชีวิตจนถึงวันสุดท้ายเลยค่ะ
สวัสดีปีใหม่นะคะพี่อ้อยคงยังไม่สายไปกับการมาทักทายในยามที่มีภาระงานมากมายแต่จะไม่ยอมห่างไกลไปอีกแล้วค่ะ เพราะว่าบันทึกพี่ครูอ้อยนั้นมีความเป็นนักคิดนักเขียนข้อคิดสาระที่มีพลังในการทำงานค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะครูอ้อย
แวะมาเป็นกำลังใจนะคะ
ขอบคุณ Dr. Ple มากๆค่ะ
ขอบคุณ คุณหมอรุ่ง ตันติราพันธ์ มากๆค่ะ คิดถึงมากๆๆค่ะ
ขอบคุณ ดร.โก๊ะ น้องพี่ หยั่งราก ฝากใบ มากๆๆค่ะ
ขอบคุณ น้องรัก krutoom มากๆค่ะ
ขอบคุร คุณย่ามากๆๆ บุษยมาศ
ขอบคุณน้อง kunrapee มากๆค่ะ
ขอบคุณ คุณ อ.นุ มากๆค่ะ