เรื่องนโยบายการจำนำข้าวนี้มันมีอะไรลึกลับซับซ้อนที่ผมได้พยายามแกะไว้ตั้งแต่การจำนำหนแรก (เมื่ห้าปีก่อน) มันเป็นเรื่องน่ากลัวมากผมจะเอามาเล่าใหม่ เนื้อความเดิมๆทุกประการ
ประเด็นที่น่าคิดคือ ในเมื่อข้าวราคาสูงลิ่วปานนี้ ใครซื้อมาตุนไว้ก็ขาดทุนแน่นอน แล้วถามว่าทำไมบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ที่ตั้งใหม่ จึงกล้ามาประมูลซื้อข้าวราคาแพงทั้งหมด ด้วยเงินเป็นแสนล้าน ไม่กลัวเจ๊งหรือไร แล้วใครกันหนอกล้าปล่อยเงินกู้มหาศาลให้บริษัทนี้เอามาใช้ซื้อข้าว ช่างไม่กลัวหนี้สูญเลยหนอ
คำตอบมันแสนง่ายครับว่า บ.นี้เป็นบ. นอมินีแน่นอน (สส. ฝ่ายค้านบางท่านเพิ่งเอามาแฉในสภา ส่วนผมแฉไว้แต่ห้าปีก่อนแล้ว) แล้วมันจะมีการสมยอมกันเพื่อทำการขาดทุนให้เป็นกำไร ในรูปแบบต่างๆ ...ก็เงินภาษีเราทั้งนั้น (เช่น มาตรการลดหย่อนค่าภาษีอากร มาตรการช่วยเหลือ รวมทั้งงุบเงินงบประมาณกันแบบลับๆ ฯลฯ)
คราวนี้ผมจะมากระตุกให้คิดกันให้ดีว่า เงินเป็นแสนๆล้าน ที่ว่าเอาไปประชานิยมเรื่องจำนำข้าวนั้น จริงๆ แล้วมันมากกว่านี้ สมมติว่าใช้เงินไปสองแสนล้าน (ค่าส่วนต่าง 7 พันบาท เป็นจำนวน 30 ล้านตันโดยเฉลี่ย)
ดังนั้นบริษัทประมูลข้าวไป เอาไปขายทำกำไร 10% ก็ต้องมีเงิน (จากภาษีเรา) มาช่วยอีก สองหมื่นล้าน (ไม่งั้นจะเอากำไรมาจากไหนเพราะราคาข้าวในตลาดโลกมันต่ำ)
ค่าบริหารจัดการ ค่าหัวคิว ค่าโกงเบี้ยไบ้รายทางอีก ห้าหมื่นล้าน
รวมทั้งหมดที่ต้องใช้เงินเพิ่มจากรายได้ที่ขายข้าวคือ 2+0.2+.5= 2.7 แสนล้าน
ซ้ำร้ายกว่านั้น นโยบายจำนำข้าวแบบนี้จะทำให้พวกโรงสีทยอยกันเจ๊ง แล้วขายโรงสีทิ้งในราคาถูก (ขณะนี้ก็ทยอยเจ๊งมากแล้ว) กำไรสองหมื่นล้านที่เขาได้ ก็อาจจะเอามาช้อนซื้อโรงสีในราคาถูกๆ จนเขากุมโรงสีได้หมดทั้งประเทศในสองสามปี
จากนั้นเชื่อขนมกินได้เลยว่าเขาจะปรับกลยุทธ์ว่า ไม่ไหวแล้ว ต้องปล่อยให้ราคาข้าวเป็นไปตามกลไกตลาด
จะไปไหวอะไรล่ะครับ ควักกระเป๋าห้าแสนล้านทุกปี สามปีก็เดี้ยงแล้ว ช้างตายทั้งตัวใบบัวปิด มันก็ต้องโผล่ให้เห็นสักวันแหละ ไม่ว่าคนในชาติจะโง่เง่าเต่าตุ่นอย่างไรก็ตาม
แต่อนิจจา กลไกตลาดตอนนั้นอาจเป็นกลไกที่เขาคุมไว้หมดแล้ว (จากการซื้อโรงสีไว้ทั่วประเทศ) ดังนั้นเขาจะกดราคาข้าวให้ต่ำอย่างไรก็ได้ เพื่อที่จะได้ขายทำกำไรในตลาดโลกและประเทศ
คราวนี้ก็ถึงคิวชาวนาไทยที่จะเจ๊งเป็นรายต่อมา เพราะทำนาเหนื่อยยากอย่างไรก็ขาดทุด ก็ขายนาทิ้ง แล้วเขาก็จะไปช้อนซื้อนาราคาถูกมาทั้งประเทศอีก โดยเอาเจ้าของนานั่นแหละมาเป็นทาสทำนาให้ในพื้นที่ดินที่เคยเป็นของตนเอง
ประเทศนี้ก็เป็นของเขาหมดตั้งแต่หัวจรดหาง ไม่ว่าหางแดงหรือหางเหลืองก็ตามที
โรงสีเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และยังเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่ต้องธำรงไว้เพื่อความมั่นคงทางอาหารของคนทั้งประเทศ แต่คนไทยไม่ค่อยให้ความสนใจกับโรงสีเท่าไร ปล่อยไปตามยถากรรม ถ้าสนใจก็มักจะสนใจแต่ว่า โรงสีโกงชาวนา (เป็นผู้ร้ายตลอดกาล) ทั้งที่โรงสีนี่แหละ ที่ช่วยสร้างชาติไทยเรามาได้จนถึงวันนี้ (ส่งข้าวออกสร้างรายได้ให้ประเทศไง แล้วเอาไปส่งพวก ดร. ไปเรียนนอกกันเป็นแถว เพื่อให้มาช่วยด่าโรงสี)
ขอเตือนอีกว่า ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกสามปี โรงสีจะทยอยเจ๊งอย่างน่าใจหาย เพราะสู้ระบบจำนำข้าวไม่ไหวชาวนาจะเป็นรายต่อไป
แล้วประเทศไทยจะเหลือหรือ
...คนถางทาง (๑๐ มค. ๕๕)
เราต้องทำยังไงคะนี่ น่ากลัวจริงๆ
ทำใจ+ทำตาปริบๆครับ+รอพระสยามเทวาธิราชท่านช่วย
ฮือ...ฮือ...อาจารย์พูดจริงใช่ไหมคะนี่