พงศ์พัศ...กลไกรัฐตำรวจที่แบเบอร์


พลตำรวจเอก พงศ์พัศ ฯ แบเบอร์ไปแล้ว

วันนี้รัฐตำรวจไทยเรา มีการแบเบอร์ไปหลายราย กระทั่งบอกว่า ตำแหน่งนี้พี่ให้มา (ทั้งที่พี่เป็นนักโทษหนีคดีที่ตำรวจมีหน้าที่จับเอาตัวมาลงโทษด้วยซ้ำ) 

วันนี้ รองผบ.ตร. (พล.ต.อ. พงศ์พัศ) ก็จะเป็นผู้สมัครเป็นผู้ว่ากทม.อีกแล้ว

แสดงว่าแบเบอร์เลยว่าข้าฯเป็นตำรวจในสังกัดพรรคเพื่อไทย 

อ้าว...แล้วตำรวจไม่ต้องวางตัวเป็นกลางหรอกหรือ เพราะเป็นกลไปของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายอย่างเสมอภาค ...นี่มันแสดงว่าอะไร คดีความต่างๆ ที่ผ่านมา ที่ฝ่ายตรงข้ามเพื่อไทยเป็นจำเลย มิต้องโละเป็นโมฆะหมดหรือ

หวังว่าท่านคงชนะเลือกตั้งสมใจนะ แต่ถ้าแพ้เลือกตั้ง ท่านจะไปยืนอยู่ไหน กลับไปเป็นตำรวจ กอกระดุมอุ้มเพื่อไทยต่อไปอย่างนั้นหรือ ก็แบเบอร์ขนาดนี้แล้ว

...คนถางทาง

หมายเลขบันทึก: 515476เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2013 09:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม 2013 09:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ฝั่งสึฟ้าก็มีข้าราชการ "แบเบอร์" กันไม่น้อยนะครับ แสดงตัวชัดเจนว่าสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เต็มที่ครับ ทั้งข้าราชการผู้น้อยและผู้ใหญ่ ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นวัฒธรรมการเมืองของข้าราชการประจำของไทยโดยปกติแล้วครับ 

ผมว่าบางทีเราควรกลับมายกย่องบุคคลที่แสดงตัวเต็มที่ว่าสนับสนุนฝ่ายใดดีกว่าไหมครับ ผมมองว่าข้าราชการที่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแบบลับๆ นี่กลับสร้างความวุ่นวายสับสนแก่การบริหารจัดการภาครัฐมากกว่าครับ

 I think public servants (including police, defence personnel, medical providers and teachers and so on) must be on the people side. Political appointment (elected) must also acts in the interests of the people -- whatever their political views are.

Political views should and must be confined to the philosophy and the methods in arriving at solutions that solve people's problems. People delegate their power to politicians to solve problems for them. Use of the people in any other ways is "corruption of power and trust".

๕๕ มองต่างมุมได้ดี  โดยหลักการผมก็เห็นด้วยนะ พวกขรก. กระทรวงต่างๆ ที่ไม่มีผลโดยตรงก็ไม่เท่าไร เช่น พวกที่ดิน สรรพากร   แต่ตำรวจเนี่ยมันมีผลรุนแรงโดยตรง น่าหวาดเสียวในความเิปิดเผยของเขา  มองอีกมุน  เขาอาจมองว่า กรูไม่แคร์ความรู้สึกของมรึง มีะไรมะ  (เหมือนดังที่ีรองนายกฯประกาศกลางสภาว่า เป็นขี้ข้าใครบางคน) 

 

"Of the People, By the People, For the People"

Oop! That's Lincoln's, and not for Thailand. ;-)

Don't we have a "caste" system deeply ingrained (inherited from Hindi culture) in Thailand. When people are not seen as fellow people but things to exploit?

How long would Thailand remain in the "dark" if people cannot become fellow people whatever family they are born to?

Tut tut... that bit about "not for Thailand". Aspiration must be set for people to strive to. 

ท่าน sr คนไทยมีชนชั้นแน่นอนครับ แต่ประมาณ  5% ของฮินดูเห็นจะได้  โดยเฉพาะชนชั้นของเราเปลี่ยนได้ เช่น คนจนยากไร้ มาบวชเป็นพระ พระมหากษัติรย์ยังต้องกราบ แต่ของฮินดูเป็น untouchable ตลอดชีพ 

ในเรื่องชนชั้นผมชอบอาหารชนชั้นมากที่สุด... คืออาหารที่พ่อแก่แม่เฒ่า เอาข้าวอาหาร ใส่ชั้นไปวัด  แล้วเวลาจะทานอาหารเขาก็เอาชั้นมาชนกันเป็นแถว  มีอาหารหลายรสชาด ผมชอบอาหารชนชั้น

แหมท่านวอญ่าเล่นมุกซะลึก  หวังว่าคงจะชอบอาหารจานเดียวด้วยนะ  (มีแต่จานไม่มีช้อนซ่อมให้)   หรือ อาหารตามสั่ง   (สั่งตั้งนานไม่มาซักที เลยต้องไปตามสั่งอีกหลายรอบ) 

ขอเม้นท์แถมว่า  พรรคเพื่อไทยเองก็หน่อมแน้มมาก ที่เอาตำรวจมาทำแบบนี้  เรียกว่าไม่แคร์ความรู้สึกประชาชนเลยว่า เป็นพรรคที่ชี้นำตำรวจได้  เหตุผลเพียงแค่นี้ถ้าเป็นในประเทศที่ปชช.เขามีความละเอียดลึก (sophisticated) ก็เท่ากับว่าแพ้เลือกตั้งแต่ต้นแล้ว 

ข้าราชการจำนวนมากที่สามารถเปลี่ยนสีได้(เหมือนตัวอะไรที่ชอบสีตามสภาพแวดล้อม)

แบบนี้ไงครับที่ทำให้ นักการเมืองได้ใจ...

เพราะไม่เป็นสีขาวที่เป็นกลาง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท