ปีใหม่ 2556 เป็นปีใหม่ที่ดี มากๆ ที่ได้ผ่านมาในชีวิต


วันนี้ เป็นวันที่ผ่านปีใหม่มาก็ 7 วันเข้า ไปแล้ว เป็นความตั้งใจที่จะบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไปของฤดูกาลนี้สำหรับตัวผม ตอนนี้ทุกอย่างดีมากๆ  เริ่มจาก อากาศ ช่วงนี้ เย็นสบายดีมากๆ เลยช่างเป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบมาให้กับมนุษย์ได้ถูกที่ ถูกเวลา มีหลายคนถามผมว่าจะพาเด็กไปเที่ยวใหนบ้างสำหรับปีใหม่นี้   ผมยืนยันว่าขอพักผ่อนอยู่ที่บ้านในตัวเมืองนี่แหละ จากประสบการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา ผมเลือกที่จะไปเที่ยวเขาค้อ เพื่อชมบรรยากาศ และหาอาหารอร่อยๆให้ลิ้มลองกัน  แต่สภาพที่ไปก็คือพอเดินทางพ้นจากอำเภอวังทอง  จังหวัดพิษณุโลก ก็พบกับปัญหารถติดอย่างหนัก  บนช่วงเขา  มีอุบัติเหตุ เกิดเยอะมากไฟลุก ล้อหมุนค้วาง คนนอนกระจัดกระจาย  ไม่ใช่บรรยากาศที่น่ารื่นรมณ์ของปีใหม่เลย  กว่าจะหลุดมาได้กินได้เที่ยว แย่มากๆ  ตอนกลับก็เป็นแบบเดิมๆ อีก ดังนั้นไม่ประทับใจเลย  พอปีนี้มีกระแส รถคันแรกอีก   อากาศหนาวเหมาะสมกับการเที่ยวอีก  ผมก็เลยตัดสินใจง่ายขึ้น  ว่าไม่ไปใหนเห็นว่าจะดีกว่า

บรรยากาศของปีใหม่ในเมืองพิษณุโลกนั้น  ดีมากๆ เลยครับ   รถว่างมากๆบนถนนโล่ง ไปใหนมาใหนสะดวก  อากาศก็สบายๆ   ผมกับลูกสาวคนเล็กไปออกกำลังกายที่สนามกีฬากัน อย่างสะดวกสบายเหมือนกับว่าเราเป็นเจ้าของสนามกีฬา เลยทีเดียว เราไปซื้อของกินที่ตลาดริมน้ำน่านซึ่งจัดให้เป็นเทศกาลอาหารสองแควปีใหม่ก็คึกคักมาก ลูกสาวคนเล็กไปถูกใจหน้ากากยอดมนุษย์ ที่มีไฟติดเปิดปิดได้  ราคา 199 บาท  ผมก็ถามเขาว่าอยากได้มั้ย  เขาบอกไม่อยาก  แต่ แววตา   มันฟ้อง  เขาถามเราว่า  มันแพงมั้ย  เราก็บอกว่า  " แพง" เขาบอกว่า เล่นแป็บเดียวก็เบื่อแล้วนะ   ผมก็ไม่ว่าอะไร  จากนั้นเราทั้งสองคนก็จะกลับ  พอเขาเดินมาเจอแม่เขา ก็แสดงอาการฤทธิ์ออกทันทีเลย โยเยมากๆ  พาลสุดๆ   หาเหตุผลไม่ได้เลย ผมก็เดาว่าน่าจะมาจากอยากได้ของบางอย่างแล้วไม่กล้าแสดงออก ผมเลยดุเล็กน้อยแล้วก็กึ่งขอร้องแกมบังคับให้กลับไปซื้อ  หน้ากาก พอตกลง เราก็เดินฝ่าฝูงชนกลับไปใหม่  แต่ไปได้ไม่ไกล เขาคงเบื่อกับระยะทางและผู้คนที่เบียดเสียดยัดเยียด  เขาขอซื้อแซนด์วิช แล้วก็กลับ  ตกลงอะไรเนี่ย จากนั้นอาการของเธอก็กลับเข้าสู่โหมดปกติทันที  จากนั้นอีกสองวันเราไปที่เซ็นทรัล  พบว่าหน้ากากแบบเดียวกันเลย  ราคา 135 บาท  เขาก็เป็นคนมาบอกผมว่าดูสิพ่อ ที่เราเจอในงาน เขาขายแพงมากเลยนะ  ผมก็บอกว่า ใช่แล้ว ดังนั้นทุกอย่างในชีวิตหนูจะต้องรอบครอบและมีสตินะ  แล้วผมก็ถามว่าจะซื้อมั้ยล่ะ ตัดสินใจเลย  เขาบอกว่าไม่แล้วละพ่อ  หนูโตแล้วเล่นก็ไม่คุ้ม

ตอนเช้าวันส่งท้ายปีผมพาลูกสองคนไปเยี่ยมคุณย่าของเขาที่จังหวัดสุโขทัยมีพี่น้องผมมากันเกือบครบอากาศเย็นสบาย ลมพัดเย็นฉ่ำตลอดวันเราได้เล่นกันกับลูกและแม่ของผม ทำอาหาร พี่สาวผมสอนหลานพับปลาตะเพียนใบมะพร้าวตอนเย็นผมพาลูกคนเล็กไปขี่จักรยานเล่นไปตามทางต่างๆ เขาขี่ได้ไม่เก่งเลยล้มไปทั้งหมด 5 ครั้งแต่ไม่เป็นไร ลุกใหม่แล้วพยายามต่อไป สนุกกับอากาศและอาหารอร่อยฝีมือลูกสาวที่น่ารักคนโตของผม ทำไข่เจียวซะเต็มบ้านเลย  ช่วงกลางคืนวันส่งท้ายปีผมได้ไปสวดมนต์ข้ามปีด้วย และก็ได้ผ่านไปอย่างตั้งใจ ชื่นใจกับการตัดสินใจใช้วันหยุดนี้อยู่กับที่ อยู่กับชีวิตที่เบาๆ โล่งๆ  ชีวิตที่เป็นของเรากับลูกๆ  ขอบคุณมากๆ สำหรับปีใหม่ที่แสนสุขปีนี้ครับผม

หมายเลขบันทึก: 515360เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2013 11:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม 2013 09:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอแนะนำให้คุณ"นางมารน้อย"ลองหาโอกาสไปสวดมนต์ข้ามปีดูครับ  ตอนแรก อาจจะคิดว่าเป็นกระแส  แต่ถ้าไปจริงๆ แล้วจะพบว่า มันไม่ใช่กระแส แต่มันเป็นแก่นของชีวิตทีเดียวครับ  ภาพของคืนแห่งความขัดแย้งนั้นคือ  ในผับ  หรือ สถานที่จัดงานนับถอยหลัง  มีแต่ความวุ่นวาย  คนปรนเปรอความสุขให้กันด้วยเหล้า และการไร้สติ   แต่อีกสถานที่หนึ่ง ผู้คนนั่งรวมตัวกันจดจ่ออยู่ที่หนังสือสวดมนต์ตรงหน้าไม่ให้พลาด สติอยู่กับตัวตนของเรา  พอจบบทพระท่านก็แปลให้ฟังถึงสิ่งที่มีในบทสวด ความหมายต่างๆของธรรมะที่กล่าวถึง   ลองนึกย้อนและเปรียบเทียบดูสิครับว่าชีวิตเราถอยห่างจากคำสอนของพระพุทธเจ้ามากน้อยเท่าไร   รักษาจิตให้จดจ่อกับตัวเองและบทสวดได้นานไหม  แล้วอะไรคือความสุขที่เราไขว้คว้าต้องการกันแน่  ( แลกเปลี่ยนเฉยๆนะครับ    มิบังอาจสั่งสอน  แต่เป็นเหตุการณ์ที่ผมได้เจอมากับตัวเองจริงๆก็ เท่านั้น)

ปล. ตั้งใจทำแน่นอนค่ะ สวดมนต์ข้ามปี แต่เป็นปีจีน ได้หรือป่าว ไม่งั๊นก็คงต้องนับวันรออีก 11 เดือน นานค่ะ

ลองดูครับ   ดี  ก็บอกกันน่ะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท