ประเทศไทยจะรักษาความเป็นหนึ่งในเรื่องคุณภาพข้าว ปริมาณการส่งออก และต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ได้ต่อไปหรือไม่ในยุคAEC
ประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศคู่แข่งในการส่งออกข้าว
และยังคงต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่งในอาเซี่ยนด้วยกันเช่นเวียดนาม
กัมพูชา และในอนาคตอาจจะเป็นเมียนม่าร์ ซึ่งมีต้นทุนในการผลิตข้าวต่ำกว่าประเทศไทย
ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของการส่งออกข้าวในอาเซี่ยนปรับลดลงก็เป็นได้
ในด้านการผลิตข้าวสิ่งสำคัญชาวนาต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพของข้าวและการลดต้นทุนการผลิตข้าวต่อไร่ให้ต่ำลง
แต่ในทางปฏิบัติก็คงไม่ง่ายเช่นกันที่จะรณรงค์ให้ชาวนาได้คำนึงถึงคุณภาพของผลผลิตข้าวที่ผลิตได้
ต้องมีคุณภาพดี ไม่มีเมล็ดวัชพืชปนหรือที่เรียกกันว่าสิ่งเจือปนนั่นเองครับ
ขณะเดียวกันการที่จะพยายามรณรงค์ให้ชาวนา
ได้ให้ความสำคัญกับการที่จะลดต้นต้นทุนการผลิตข้าวต่อไร่ให้ต่ำลง ก็ไม่ง่ายเช่นกัน
แต่ก็มีเกษตรกรชาวนาส่วนหนึ่งที่ได้รับการพัฒนามาจากการเรียนรู้ร่วมกันแบบกลุ่ม
หากจะพูดง่ายๆก็คือการรวมกลุ่มเพื่อการเรียนรู้ด้านการผลิตข้าว
ซึ่งกระจายอยู่ในชุมชนต่างๆในเขตจังหวัดกำแพงเพชรก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยที่ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและกำจัดเมล็ดข้าววัชพืชอย่างต่อเนื่อง
แปลงข้าวที่เกิดปัญหาข้าววัชพืชเกิดขึ้น
จากการที่ผู้เขียนได้ลงไปสัมผัสเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในบางฤดูการก็พบปัญหาแปลงพันธุ์ข้าวและแปลงปลูกข้าวเพื่อการจำหน่ายที่เกษตรกรได้ปลูกข้าวไปแล้วเกิดข้าววัชพืช
กำลังแพร่ระบาด ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับการผลิตข้าวในบางพื้นที่เขตจังหวัดกำแพงเพชรมีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
หากไม่เร่งรัดแก้ไขในฤดูการทำนาต่อๆไปอาจจะเกิดปัญหาที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นในการทำนาครั้งต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
ข้าววัชพืชที่พบเกษตรกรหรือชาวนาทั่วไปมักจะเรียกกันจนติดปากว่า
ข้าวดีดข้าวเด้ง ซึ่งเป็นข้าววัชพืชที่มีลักษณะร่วงง่ายและร่วงเร็ว
เมล็ดข้าวเปลือกส่วนใหญ่จะมีหางสั้นหรือไม่มีหาง ข้าวเปลือกส่วนใหญ่มีสีเหลืองฟาง
สีของเยื่อหุ้มเมล็ดมีทั้งแดงและขาว
สาเหตุของการแพร่ระบาดของข้าววัชพืช
ส่วนใหญ่เมล็ดของข้าววัชพืชจะปะปนไปกับเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยเฉพาะเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่ได้มาตรฐาน
และบางรายทำนาอย่างต่อเนื่องขาดความเอาใจใส่พิถีพิถันทำให้เกิดการสะสมของข้าววัชพืชอยู่ในแปลงนาในปริมาณที่มากขึ้นจนยากต่อการกำจัด
อีกประการหนึ่งเมล็ดข้าววัชพืชมักจะติดไปกับอุปกรณ์ในการทำนา
โดยเฉพาะรถเกี่ยวนวดข้าว เมล็ดข้าวที่ตกอยู่ตามซอกภายในรถเกี่ยวนวดข้าวที่ไม่ได้ทำความสะอาดก่อน
หากใช้รถเกี่ยวนวดข้าวเข้าไปทำงานในแปลงนาที่มีการระบาดของข้าววัชพืช
ก็มีโอกาสที่เมล็ดข้าววัชพืชติดมาด้วย และร่วงหล่นในแปลงนาได้เช่นกัน
การไถเตรียมดินในแปลงนาของเกษตรกร
ณ.ปัจจุบันยังต้องให้ความสำคัญในการที่จะต้องเร่งรณรงค์ให้กษตรกรชาวนาได้ให้ความสำคัญในการป้องกันกำจัดข้าววัชพืชอย่างจริงจัง
ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาในการผลิตข้าวขึ้นได้ในอนาคต
สำหรับวิธีการที่พบในทางปฏิบัติที่เกษตรกรชาวนาสามารถลดปัญหาข้าววัชพืชลงได้เช่น
การเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่บริสุทธิ์ปราศจากการปะปนของเมล็ดข้าววัชพืช
และอีกวิธีหนึ่งก็คือ การกำจัดข้าววัชพืชที่สะสมอยู่ในดินโดยการเตรียมดินไถพรวน
หรือคราดทำเทือก ควรเว้นระยะเวลา ๑- ๓ สัปดาห์
เพื่อให้เมล็ดข้าววัชพืชที่ยังเหลืออยู่ในดิน(แปลงนา)ได้มีโอกาสงอกขึ้นมาแล้วก็ทำการไถกลบทำลาย
โดยในช่วงเวลานั้นต้องจัดการให้แปลงนามีความชื้น แต่ไม่มีน้ำขัง
ซึ่งเหมาะต่อการงอกของข้าววัชพืช สำหรับการเว้นช่วงให้ข้าววัชพืชงอกหลังเก็บเกี่ยว
๑ สัปดาห์ ไถทิ้ง ๑ ครั้ง แล้วเว้นช่วงอีก ๓ สัปดาห์ ล่อให้งอกอีกครั้ง แล้วไถกลบ
จะสามารถลดความหนาแน่นของข้าววัชพืชจาก ๓o% เหลือเพียง ๑-๒ % เท่านั้น
พบปะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับเกษตรกรในแปลงนา
สำหรับข้อแนะนำในการที่ทีมงานได้ไปพบปะเกษตรกร
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการลงไปปฏิบัติงานกับปราชญ์ชาวบ้านสาขาทำนาที่กระจายอยู่ในชุมชนต่างๆ
เกษตรกรชาวนาโดยทั่วไปควรจะทำการถอนข้าววัชพืชที่ขึ้นมาในแปลงนาในระยะที่เหมาะสม
คือระยะที่ออกดอกซึ่งทำให้เราสามรถแยกความแตกต่างระหว่างต้นข้าววัชพืชกับต้นข้าวที่ปลูกได้อย่างชัดเจน
ก่อนที่เมล็ดข้าววัชพืชจะร่วงหล่นในแปลงนา
และไม่ควรจะตัดเฉพาะรวงเพราะว่าจะทำให้ต้นข้าววัชพืชแตกหน่อใหม่ขึ้นมาได้อีกครั้ง
การทำนาโยน ผลผลิตข้าวในแปลงที่ไม่มีข้าววัชพืช
นอกจากนี้ในทางปฏิบัติจะเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือเกษตรกรชาวนา
ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวจากการปลูกแบบหว่านน้ำตม มาเป็นการปักดำด้วยมือ
ปักดำด้วยเครื่องจักร
และวิธีการปลูกข้าวแบบโยนต้นกล้าที่เรียกว่าวิธีการทำนาแบบนาโยน นั่นเองครับ
หลังจากปลูกข้าวแล้วเกษตรกรก็ควรจะปล่อยน้ำขังในแปลงนาทันทีแต่ก็ต้องรักษาระดับน้ำลึกประมาณ๕-๑o เซนติเมตร
จะเป็นการป้องกันการงอกของข้าววัชพืชได้ วิธีการปักดำนี้
ปัจจุบันค่อนข้างจะเป็นการนิยมปลูกข้าวของเกษตรกรในเขตจังหวัดกำแพงเพชรที่จะกำลังขยายในวงกว้างมากขึ้นแล้ว
อย่างน้อยๆสิ่งที่เราอยากจะเห็นก็คือความเป็นไปได้ของการผลิตข้าวคุณภาพที่เริ่มต้นจากต้นน้ำ
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตข้าวของเกษตรกร แต่ก็ยังเป็นคำถามอยู่เช่นกันว่าประเทศไทยจะรักษาความเป็นหนึ่งในเรื่องคุณภาพข้าว
ปริมาณการส่งออก และต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ได้ต่อไปหรือไม่ในยุคAEC นั่นเองครับ
เขียวมรกต
๗ ม.ค. ๕๖