รูปแบบการเรียนการสอนที่เปลี่ยนไปกับ....บทบาทของครู
ด้วยทุกวันนี้การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เป็นการเรียนการสอนที่ให้ความสำคัญกับผู้เรียนมากขึ้น
สนับสนุนให้ผู้เรียนทุกคนได้พัฒนาตามศักยภาพและความสนใจของตนเอง
โดยคำนึงถึงพื้นฐานความแตกต่างของผู้เรียน ผู้เรียนจะได้ค้นพบและแก้ปัญหาด้วยตนเอง
มีอิสระในการเรียนมากขึ้น ได้เรียนรู้จากหลายๆ สถานการณ์ ทั้งในและนอกห้องเรียน
และที่สำคัญ ได้เรียนในสิ่งที่ "เขา" อยากเรียนรู้ อยากได้ อยากเป็น
โดยเรียนรู้จากประสบการณ์จริงด้วย "สมองและสองมือ" ในลักษณะของการบูรณาการ
การให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ใกล้ตัวกับชีวิตประจำวัน
ย่อมทำให้ผู้เรียนมีความสุขและนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้กับชีวิตประจำวัน ได้
ไม่ใช่เรียนด้วยวิธีการท่อง จด หรือจำ ผู้เรียนสามารถท่องจำได้ แต่คิดเอง ทำเอง
แก้ปัญหาเองไม่ได้ เพราะมีความรู้ในวงจำกัดกับสิ่งที่ครูบอกหรือเรียกว่าสอนเท่านั้น
สิ่งเหล่านี้คือภาพสะท้อนให้เห็นถึงการศึกษาในอดีตที่ส่งผลให้ประชากรของ
ประเทศมีความรู้แค่ในตำราไม่สามารถที่จะคิดเอง ทำเอง และตัดสินใจแก้ปัญหาเองได้
เพราะไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ แต่จะเก่งในทางลอกเลียนแบบ จากหลักการและแนวคิดดังกล่าว
จึงได้เกิดมีแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่คาดว่าน่าจะเอื้อ
ประโยชน์ให้เกิดกับผู้เรียนสูงสุด นั่นคือ
"การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Child
Center) ขึ้น เพื่อเป็นการตอบสนองแนวคิดดังกล่าว โดยมีครู -
นักเรียนเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนร่วมกัน โดยอาศัยสื่อ วัสดุ อุปกรณ์
และเครื่องมือการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น
หลักสูตรที่ปรับเปลี่ยนโดยเน้นหลักสูตรท่องถิ่น สื่อการเรียนการสอน ตัวครู
ตัวผู้เรียน รวมไปถึงเทคนิควิธีการในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ
ที่มีความเหมาะสมกับเนื้อหาวิชา และสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป
เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน และเพื่อการเรียนรู้ที่แท้จริงของผู้เรียน
ให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ครูจึงพิจารณาทบทวนและปรับเปลี่ยนบทบาทในการจัดการศึกษาโดยเฉพาะห้องเรียน
และอุปกรณ์เสริมต่างๆ
1. จัดสภาพการณ์หรือสภาพแวดล้อมทางการเรียนการสอน ด้วยการใช้สื่อหรือเครื่องมือเพื่อเสริมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งนี้ ก็เพื่ออำนวยความสะดวกทางการศึกษาโดยเฉพาะห้องเรียนและอุปกรณ์
2. วางแผนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสำหรับผู้เรียนแต่ละคน โดยเน้นที่ความสนใจอยากรู้ อยากเรียนของผู้เรียน และควรคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นสำคัญ
3. พัฒนาตนเอง (Self Development) เพื่อให้มีวิสัยทัศน์ (Vision) ทางการศึกษาที่กว้างไกล ไม่ว่าจะเป็นด้วยการอ่านเพื่อการศึกษา เข้ารับการประชุมอบรมสัมมนา หรือพูดคุยสนทนา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อร่วมงาน แล้วนำมาปรับประยุกต์ใช้ในการทำกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีบทบาทต่อการเรียน การสอนยุคใหม่ เช่น Computer ทั้งที่เป็น Hardware และ Software, CD-ROM, การเรียนการสอนทางไกล (Telecommunication), สถานการณ์จำลอง (Simulation), การสาธิตและการทดลอง (Demonstration and Laboratory) และอื่นๆ
4. การเปลี่ยนจากผู้สอนมาเป็นผู้จัดประสบการณ์ในการเรียนรู้ โดยการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักการเรียนรู้วิธีที่จะเรียน (Learn How To Learn) โดยเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความอยากเรียนรู้ เป็นผู้ชี้แนะแหล่งข้อมูล และประสานแหล่งวิทยาการในการเรียนรู้ (Learning Resources) และเป็นผู้คอยให้คำปรึกษาเมื่อผู้เรียนพบกับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขเองได้ ในเวลาและโอกาสที่เหมาะสม
5. ให้ผู้เรียนมีอิสระในการเรียนรู้ ทั้งด้านความคิด จิตใจ การแสดงออกในกรอบของความถูกต้อง และให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม รู้จักการเก็บรวบรวมข้อมูล สำรวจ สัมภาษณ์ และนำเสนอด้วยการรายงานอภิปราย อีกทั้งการฝึกปฏิบัติจริงด้วยตนเอง โดยคำนึงถึงเนื้อหาสาระและจุดประสงค์การเรียนรู้เป็นเกณฑ์ นอกจากนั้นควรส่งเสริมกระบวนการคิด กระบวนการแก้ไขปัญหา และกระบวนการแสวงหาความรู้ให้กับผู้เรียนในรูปแบบต่างๆ
6. ใช้วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลาย ไม่ ยึดติดอยู่กับวิธีใดวิธีหนึ่ง เพราะไม่มีวิธีสอนวิธีเดียววิธีใดที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นควรพิจารณารูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะกับเรื่องราว เนื้อหาสาระการเรียนรู้ และสถานการณ์ที่เหมาะสม
7. เป็นผู้ประเมิน (Evaluator)โดยครูและผู้เรียนเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างกฎเกณฑ์การประเมิน ในรูปแบบต่างๆ ร่วมกัน ทั้งนี้ก็เพื่อความก้าวหน้าของผู้เรียน (Formation Evaluation) และให้ผู้เรียนได้ทราบผลการเรียนรู้ตนเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
หาก บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในทุกๆ ฝ่าย โดยเฉพาะตัวครูผู้สอนเอง จะได้มีการทบทวนบทบาทของตนในอดีตและนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ทันยุค ทันสมัยกับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก เชื่อได้ว่าผู้เรียนหรือ "ผลผลิตทางการศึกษา" ที่เกิดขึ้นย่อมจะเป็น "ทรัพยากรมนุษย์" ที่สมบูรณ์แบบตามความคาดหวังของสังคมได้อย่างแน่นอน
ที่มาข้อมูล : สุทธิพร คล้ายเมืองปัก กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ,วารสารวิชาการ ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 กุมภาพันธ์ 2543
ไม่มีความเห็น