ผมคิดว่าการเรียนรู้ในชีวิตของผม ได้จากห้องประชุมไม่น้อยกว่า ๒๐% ของการเรียนรู้ทั้งหมด เพราะในช่วงกว่า ๓๐ ปีที่ผ่านมา ชีวิตของผม ใช้ในการประชุมมากจริงๆ และบางการประชุมก็ทำให้ผมเรียนรู้จากคนอายุชั้นลูก หรือเด็กกว่าลูก แต่วันนี้จะเล่าเรื่องการเรียนรู้จากห้องประชุมที่มีประธานเป็นนักการเมือง
นักการเมืองมีหลายแบบ ตั้งแต่นักการเมืองที่สุภาพและฟัง-เรียนรู้-จด จากการประชุมมากอย่างท่านนายกชวน หลีกภัย แต่นักการเมืองคนที่จะกล่าวถึง (โดยไม่ระบุชื่อ) นี้มีลักษณะตรงกันข้าม เป็นนักเลง ต้องการแสดงความเด็ดขาด แสดงอำนาจ ต้องการแสดงผลงานที่เป็นรูปธรรมต่อ "นาย" เหนืออีกทีหนึ่ง และลึกๆ มีคนบอกผมว่า "ชั่ว"
วิธีการดำเนินการประชุมของเขาจะเป็น "การเมือง" เต็มตัว คืออิงผู้มีบารมี จะคอยย้ำว่าตนเห็นด้วยและทำตามหลัก ๕ ข้อ ที่ท่านอาจารย์ - - - ให้ไว้ คล้ายว่าหลักการที่ถูกจะอิงอยู่กับบุคคล ไม่ใช่ตัวหลักการโดยตรง
เรื่องราวในที่ประชุมดีๆ โดยเฉพาะบอร์ดของหน่วยงานวิชาการ เรื่องราวจะซับซ้อนมาก นักการเมืองแบบนี้เขาฟังและเข้าใจความซับซ้อนหลายชั้นได้เฉพาะเรื่องเชิงอำนาจ ความซับซ้อนเชิงวิชาการเป็นสิ่งที่สมองเขาไม่คุ้นและไม่รับ (เดาว่าโดยไม่จงใจ)
ดังนั้นหากกรรมการเสนอความเห็นเชิงนามธรรม เขาจะรับยาก หรือเข้าใจไม่ได้
ผมได้เรียนรู้จากกกรรมการรุ่นน้อง ที่มียุทธศาสตร์ในการนำเสนอเรื่องเชิงนามธรรมให้เป็นรูปธรรม โดยยกตัวอย่างในต่างประเทศ ยกตัวอย่างผลการวิจัย (เล่าแบบทำให้ง่าย) ที่มีตัวเลข ได้-เสีย ชัดเจน ประธานที่เป็นนักการเมืองก็เข้าใจได้ทันที และเปลี่ยนเสียงทันทีด้วยความชำนาญ พอมีกรรมการอีกคนหนึ่งเสนอตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมตอกย้ำหลักฐาน ประธานก็สรุปได้ ผมบอกตัวเองว่าผมไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นในระดับที่เป็นรูปธรรมอย่างนั้น ผมจึงไม่สามารถเสนอความเห็นต่อประธานที่มีลักษณะแบบนี้ได้เลย ยกเว้นเรื่องที่ผมทำอยู่ หรือมีความรู้ระดับข้อมูลตัวเลข จึงจะเสนอต่อที่ประชุมที่มีประธานแบบนี้ได้
วิจารณ์ พานิช
๒๓ สค. ๔๙
ไม่มีความเห็น