เป็นความโชคดีอย่างมหาศาลกับการได้รับการสนับสนุนให้ขับเคลื่อนเครือข่ายเกี่ยวกับเรื่อง “เด็กและเยาวชน” จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) ภายใต้ชื่อโครงการที่ผมเป็นผู้รับผิดชอบหลักคือ “เครือข่ายชุมชนนักปฏิบัติการทางออนไลน์ด้านกระบวนการพัฒนานิสิตนักศึกษาและนักเรียนในGotoknow.org”
หลังจากพยายามเชื่อมโยงพื้นที่การเรียนรู้มาระยะหนึ่ง
จึงถือโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการจากกลุ่มเป้าหมายหลักที่ใกล้ตัวเป็นอันดับแรก อันหมายถึงบุคลากรและนิสิตที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมในถนนแห่ง
“โลกและชีวิต”
ภายใต้แก่นสารของการทำกิจกรรมเพื่อสังคม
หรือเรียนรู้กระบวนการทำกิจกรรมเพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 ณ กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พุ่งประเด็นไปสู่การถอดบทเรียนผ่านผู้นำองค์กรนิสิตในหัวข้อ “กิจกรรมนิสิตกับจิตสำนึกสาธารณะและการทำงานเพื่อชุมชน” ซึ่งตอบโจทย์ปรัชญามหาวิทยาลัย (ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน) รวมถึงอัตลักษณ์ของนิสิต (เป็นผู้ช่วยเหลือสังคมและชุมชน)
ครับ-ผมเลือกเปิดตัวในเวทีนี้ เนื่องเพราะต้องการกระตุ้นให้บุคลากรและนิสิตได้เห็นความสำคัญของการจัดการความรู้ผ่านกระบวนการอันหลากหลาย รวมถึงการกระตุ้นให้บุคลากรและนิสิตเข้ามาศึกษาเรียนรู้ในพื้นที่คุณภาพที่มีชื่อว่า “gotoknow.org” อันเป็นคลังความรู้และมิตรภาพอันไพศาลที่ไม่แยกชั้นวรรณะ
การเปิดเวทีครั้งนี้ ผมไม่ลงมือเอง หากแต่มอบหมายทีมงานให้ทำหน้าที่แทน เป็นการ “สอนงาน สร้างทีม” ในแบบที่ผมถนัด ส่วนทีมงานจะใช้กลวิธีการใดก็ให้อิสระเต็มกำลัง เพื่อให้เขาได้ “คิดและได้ทำในสิ่งที่คิด” เหมือนการฝึกปรือทักษะของการออกแบบการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ไปในตัว
ไม่เพียงแค่นั้นหรอกนะครับ-ผมยังถือโอกาสให้ทีมงาน จัดเก็บข้อมูล สังเคราะห์ประเด็นความคาดหวังเหล่านั้นด้วยตนเอง เรียกได้ว่าผลักขึ้นเวทีหนเดียว มอบภารกิจตั้งแต่ “ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ” อย่างเสร็จสรรพ
มิหนำซ้ำ ยังทิ้งทวนให้จัดกิจกรรมละลายพฤติกรรมแบบง่ายๆ ไม่กระโดดโลดเต้นอะไรมาก เน้นการรู้จักกัน เพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (โสเหล่) โดยย้ำเน้นให้เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ต้องขนวัสดุอุปกรณ์อันอลังการมาให้เปล่าเปลืองงบประมาณ
เป็นที่ทราบกันดีว่า ผมให้ความสำคัญกับกระบวนการถามทักความคาดหวัง (BAR : Before Action Review) เป็นอย่างมาก เพราะเป็นระบบและกลไกกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมการเรียนรู้มี "เป้าหมายในการเรียนรู้ " หรือมีเตือนสติ-มีสมาธิกับการเรียนรู้ร่วมกับคนอื่น ไม่ใช่ลงมือทำสิ่งใดแล้วเลื่อนลอย ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของการเรียนรู้
และนี่คือความคาดหวังที่เหล่าบรรดาผู้นำองค์กรนิสิตได้สะท้อนในวันนั้น
· อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้
· อยากได้ทักษะการกล้าคิด กล้าแสดงออก
· อยากรู้เรื่องจิตอาสาขององค์กรอื่นๆ
· อยากพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม
· อยากเรียนรู้ทักษะความผู้นำ
· อยากสร้างเครือข่ายจิตอาสา ทั้งในมหาวิทยาลัยและภายนอกมหาวิทยาลัย
· อยากได้รับการเรียนรู้ที่เพลิดเพลิน สนุกสนาน ไม่เครียด
· อยากรู้กระบวนการทำงานใหม่ๆ จากเพื่อนต่างองค์กร
ถัดจากนั้นก็ถึงวาระที่ผมต้องออกมาเคลื่อนเอง หากแต่แทนที่จะลั่นระฆังการโสเหล่ในทันที ผมกลับใจเย็นพอที่จะลากกระบวนการของการเตรียมความพร้อมออกไปในอีกสักระยะด้วยการชวนเชิญให้แต่ละคนนิยามความหมายของคำว่า “กิจกรรมนิสิต” ร่วมกัน
ครับ-โดยส่วนตัวผมถือว่าการนิยามความหมายเช่นนี้ จะช่วยให้นิสิตสังเคราะห์ความรู้อันเป็นโลกทัศน์และชีวทัศน์ของตนเองได้เป็นอย่างดี เสมือนการฝึกให้นิสิต ได้สะท้อนแนวคิดอันเป็นมุมมองของตนเองที่มีต่อ “กิจกรรมนิสิต” (กิจกรรมนอกหลักสูตร) หรือกระบวนการเรียนนอกฤดูว่า “พวกเขามองกิจกรรมนิสิตในมิติใด”
กระบวนการเช่นนี้ ผมเปิดกว้างให้นิสิตสะท้อนได้อย่างอิสระ ทั้งวาทกรรมสั้นๆ หรือเขียนบรรยาย หรือแม้แต่วาดเป็นรูปก็ไม่ผิด ซึ่งก็ปรากฏออกมาอย่างไม่ธรรมดา ดังนี้
· กิจกรรม คือ ชีวิต
· กิจกรรม คือ พลังอันยิ่งใหญ่ของการทำงานร่วมกัน
· กิจกรรม คือ การวางแผน
· กิจกรรม คือ การทำประโยชน์เพื่อตนเองและสังคม
· กิจกรรม คือ การเต็มใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
· กิจกรรม คือ การให้และการรับ
· กิจกรรม คือ ประสบการณ์ชีวิต
· กิจกรรม คือ การแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต
· กิจกรรม คือ ความเสียสละ
· กิจกรรม คือ ต้นไม้
· กิจกรรม คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
· กิจกรรม คือ กำไรชีวิตและรสชาติชีวิต
· กิจกรรม คือ แรงงานความรู้
· กิจกรรม คือ หนังสือ
· กิจกรรม คือ เวทีพิสูจน์ความสามัคคี
· กิจกรรม คือ กระบวนการสู่เป้าหมายชีวิตและการงาน
· กิจกรรม คือ แสงเทียนส่องสว่าง
· กิจกรรม คือ เครื่องจักรชีวิต
· กิจกรรม คือ ครู
· กิจกรรม คือ การเรียนรู้คุณค่าชีวิต และการเรียนรู้สังคม
· กิจกรรม คือ สิ่งเหนื่อยกาย และอิ่มเอมใจ
· กิจกรรม คือ นิยายที่ไม่มีวันจบ
· กิจกรรม คือ ความเป็นคน
ครับ- ทันทีที่ผมได้รับถ้อยคำเหล่านั้น ผมไม่รีรอที่จะสะท้อนกลับไปยังนิสิตให้ได้รับฟังร่วมกัน เป็นการสะท้อนดิบๆ แบบไม่จัดหมวดหมู่ประเด็นใดๆ เน้นความสดเป็นที่ตั้ง เพื่อให้เกิดการเชื่อมร้อยไปสู่การแลกเปลี่ยนของนิสิตให้ทันท่วงที
เช่นเดียวกัน สำหรับผมแล้ว เมื่อฟังวาทกรรมการนิยามความหมายของคำว่ากิจกรรม หรือ “เรียนนอกฤดู” เช่นนี้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอมใจไปกับผู้เขาเป็นอย่างมาก -
และถัดจากนั้น ผมก็นำเข้าสู่การปูพรมเรื่อง “ถอดบทเรียน” เล็กๆ น้อยๆ พร้อมๆ กับการนำพาทุกคนเข้าสู่เวทีของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในแบบที่ตนเองถนัด คือ “ง่ายๆ สบายๆ ...เป็นกันเอง...มีอะไรก็เล่าสู่กันฟัง” ซึ่งมีบุคลากรคอยทำหน้าที่เป็น “ผอ” (ผู้อำนวยการกระบวนการเรียนรู้) คอยประคองอยู่ใกล้ๆ ...
ภายหลังกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ยุติลง กระบวนการประเมินผลการเรียนรู้ (AAR : After Action Review) ยังคงถูกนำมาใช้ตามครรลองเหมือนทุกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ผมแถมพ่วงประเด็นการประเมินเข้าไปอีกประเด็น นั่นก็คือ การถามทักถึงสิ่งที่นิสิตได้รับจากการทำกิจกรรมนอกชั้นเรียน (มีความหมายใดในกิจกรรม) ซึ่งกระตุ้นให้นิสิตได้หันกลับไปทบทวนตัวเองอีกรอบว่า ตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมมานั้น ได้เรียนรู้อะไรบ้าง หรือกิจกรรมให้อะไรกับนิสิต บ้าง
ครับ-นี่คือส่วนหนึ่งที่นิสิตสะท้อนกลับมาให้ผมได้ร่วมรับรู้ว่า “กิจกรรมทำให้เขาเปลี่ยนแปลงอย่างไร”...
· กิจกรรม สร้างกระบวนการคิดและการทำงานอย่างมีเหตุผล
· กิจกรรม ทำให้เข้าใจวัฒนธรรมของสังคม
· กิจกรรม เปลี่ยนมุมคิดเชิงสร้างสรรค์ในการเรียนและการใช้ชีวิตให้มีค่ามากขึ้น
· กิจกรรม สร้างทักษะการเรียนรู้ที่หลากหลายให้กับชีวิต
· กิจกรรม ทำให้คิดเป็น พูดเป็น
· กิจกรรม สอนให้รับฟังผู้อื่น อยู่ร่วมกับผู้อื่น
· กิจกรรม สอนให้ตระหนักถึงการทำความดีเพื่อสังคม
· กิจกรรม สอนให้รู้จักการวางแผน
· กิจกรรม สอนให้รู้จักความรับผิดชอบที่มีต่อตนเองและคนรอบข้าง
· กิจกรรม สอนให้เห็นคุณค่าของการแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน
· กิจกรรม ทำให้การใช้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น
· กิจกรรม สอนให้รู้ว่าความหมายของการได้อย่างเสียอย่าง
ครับ-ฟังแล้วก็อดคิดตามไม่ได้ หัวจิตหัวใจของพวกเขาล้วนน่ากราบเป็นที่สุด เพราะพวกเขาไม่เพียงเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเองเท่านั้น หากแต่ระยะทางแห่งการเรียนรู้ทั้งปวง พวกเขายังต้องแบกภาระของสังคมไปพร้อมๆ กัน ถึงแม้จะเป็นเพียงการเรียนรู้ที่จะแบกรับก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันคือความจริง มันคือเรื่องจริงที่รอวันให้พวกเขาได้เติบโตไปสู่สถานะเช่นนั้น –
อ่านแล้วได้ความสุขและกำลังใจในการทำงานต่อไป อยากได้สัญญาหน้าเสาธง ครับ
อยากเอาไปให้ครูดู
เรียนอาจารย์พนัส ด้วยความเคารพ
ขอเรียนถามนิดนะคะ อาจารย์เขียนเรียงความเป็นตอนเรียนอยู่ชั้นไหนคะ?
อัศจรรย์ใจว่า เขียนได้อย่างไร...ทุกถ้อยคำอักษร ไม่มีเฟ้อ ไม่มีเกิน แม้เพียงครึ่งตัว!
หรือ...คงสั่งสมข้ามชาติมากระมังหนอ?
ขอบพระคุณ "ต้นแบบ" ในการเขียน
ที่ถ่ายทอดให้รับซับทราบ แบบเยี่ยมยุทธที่สุดเลยค่ะ สาธุ
อ่านบันทึกเช่นนี้แล้วมีความสุขและความหวังที่ดีๆมากค่ะ..
ใจนำพา ศรัทธานำทาง และท้ายสุดคงเป็น กิจกรรมสร้างคนดีในอนาคต
เยี่ยมยุทธิ์เหมือนเดิมค่ะอาจรย์
เรียนอาจารย์แผ่นดิน จิตอาสา มีคนเคยถามคืออะไ ตอบไม่ได้ จึงเล่านิทานให้ฟัง
(http://www.gotoknow.org/posts/187545?) หมีกับลูกหลุมพีครับ
ความสุข ที่นึกถึงทุกครั้งแล้ว จะคิดกับตนเองว่า.....อยากให้คนอื่นมาสัมผัสบ้าง
ชื่นชมกับกิจกรรมดีๆค่ะ
พลังจิตอาสา พลังคนกิจกรรม สายธารผู้นำกิจกรรมไม่เคยเหือดแห้ง และที่สำคัญมีผู้คอยหนุนเสริมที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังอย่างเช่น พี่พนัส อีกแรงแล้ว เชื่อเสมอว่า สอนงาน สร้างทีม ของพลังนิสิตจิตอาสา ย่อมขับเคลื่อนได้อย่างเยี่ยมยุทรแน่นอนทีเดียวครับ
ได้มีโอกาสพูดคุยกับกลุ่มที่เข้าทำกิจกรรมโดยไม่รู้ตัว...แต่สุดท้ายเขาก็หลงเสน่ห์การทำกิจกรรม...จนทำให้เขาทำงานด้วยใจ....และเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากพี่ ๆ ของเขาจนทุกวันนี้
ดีครับพี่
จิตอาสา มีความหมายใดในกิจกรรม? เป็นคำถามที่แม้จะไม่มีคำตอบใดๆๆ แต่ผู้ถามและผู้ถูกถามกลับรู้สึกว่าได้รับความคิดอะไรมากมายที่เกิดขึ้นในตัวของเขา ความหมายมันผุดขึ้นในใจแต่ละคนอย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะว่า "จิตอาสา มันเป็นปุ๋ยที่เสริมให้ผลผลิตของกิจกรรมงอกเงย งอกงาม ไม่ให้กิจกรรมแห้งเฉาและตายลง"
ขอบคุณที่เปิดโอกาสได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมครั้งนี้
สวัสดีครับ อ.ขจิต ฝอยทอง
สวัสดี ครับ คุณTawandin
ส่วนหนึ่งที่ผมชอบเชียน มันมาจากแรงบันดาลใจความรักครับ ความรักในสมัยแรกหนุ่ม (มัธยม) แต่ไม่ใช่เขียนเรื่องรักแบบหนุ่มสาวหรอกนะครับ หากแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับท้องทุ่ง ความคิดฝันของผมเอง เขียนและอยากให้ใครซักคนได้อ่าน
ซึ่งเขาก็ได้อ่านจริงๆ....
โตมา ก็เขียน เพราะรักอยากที่จะเขียน ชอบอ่านมาก่อน จากนั้นอ่านแล้วค่อยอยากเขียน -- เขียนไปเขียนมา ก็มาเจอโกทูโนนี่แหละครับ ที่ทำให้ค้นพบการเขียนในแบบ "เรื่องเล่าเร้าพลัง" ...
ผมยังต้องพัฒนาอีกเยอะมากครับ..
ยืนยันว่า ยังต้องพัฒนา อีกเยอะมากๆ
ถึงคุณแดนไทย
ใช่ค่ะ ตอนนี้ หลงเสน่ห์การทำกิจกรรม...จนทำให้เราทำงานด้วยใจ....และเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากพี่ ๆ ของเราจนทุกวันนี้ จนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น
ไม่รู้ว่า หลงรักไปตอนไหน แต่ตอนนี้ รักไปหมดหัวใจแล้ว