บทเรียนจากแม่


แม่จะมีนิทานที่เล่าบ่อยๆ อีกหลายเรื่อง ทุกเรื่องแม่จะสอดแทรกคติชีวิต การช่วยเหลือพึ่งพา คุณธรรม และเน้นให้พี่น้องต้องรักกัน ช่วยเหลือกัน เป็นพี่ต้องดูแลน้อง ต้องยอมเสียสละให้น้อง เพราะน้องอ่อนแอกว่า ใครที่แข็งแรงต้องช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่า สังคมจึงจะอยู่เย็นเป็นสุข

ก่อนจะเขียนเรื่องนี้ผมได้พยายามเรียบเรียงว่าสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากแม่มีอะไรบ้าง
ที่น่าจะแตกต่างจากพ่ออย่างแน่นอนเพราะลักษณะของสิ่งที่แม่ให้กับครอบครัว
และฝังในความทรงจำของทุกคนนั้น จะเป็นกิจกรรมที่ทำค่อนข้างลงรายละเอียด ลึกซึ้งในกิจกรรมที่ทำ
ที่มีความยาก ทั้งในขั้นตอนการดำเนินงาน การสอนลูก และการประคับประคองให้ทุกอย่างลงตัวอย่างดีที่สุด
เรียบร้อยและนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้

สิ่งเหล่านี้
เป็นความละเอียดอ่อนที่อยู่ในขั้นตอน การปฏิบัติของครอบครัว ที่ตัวผมเอง ยังใช้หลักคิดแบบผู้ชาย
คิดหยาบๆ แบบเน้นดูเฉพาะโครงสร้างและผลงานที่เกิดขึ้นภายนอก จึงยากที่จะสามารถถอดความคิดของแม่
นำมาบรรยายให้เป็นอุทาหรณ์ของการสอนลูกๆ และการดูแลครอบครัว ที่จะเป็นเชิงจิตวิทยาแบบลีกซึ้งในครัวเรือน
ที่ส่วนใหญ่จะเป็นขั้นตอนการรับภารกิจมาจากพ่อ เพื่อทำให้งานที่ทุกคนเข้าใจกัน และดำเนินงานต่างๆ
ได้เป็นไปตามแผน อย่างเรียบร้อย และแนบเนียนที่สุด

 

ตัวอย่างง่ายๆ
ที่ผมสืบมาได้ ก็คือความละเอียดอ่อนของความคิดของแม่ผมที่เลือกคู่ครองอย่างพ่อผมอย่างระมัดระวัง
พิจารณาความเห็นของผู้ใหญ่ ประวัติที่ผ่านมา นิสัยใจคอ และชาติตระกูล
มากกว่าที่จะดูเผินๆ แค่ทรัพย์สิน และรูปร่างหน้าตาอย่างที่คนทั่วไปเขานิยมทำกัน

 

เพราะโดยชาติตระกูลนั้น
พ่อผมเป็นหลานของ “ขุน” 
ที่มีชื่อเสียงในย่านนั้น ทั้งสองสายใหญ่ ครอบคลุมบารมีหลายตำบล เพราะ
ปู่และย่าของผมเป็นลูกของนายอากรระดับ “ขุน”

 

กล่าวคือ ย่าของผม
(ย่าพลอย) เป็นลูกสาวของขุนอินทร์ และ และปู่ผม (ปู่แดง)เป็นลูกชายของขุนสวัสดิ์
ที่สนิทสนมกัน เพราะเดินทางไปส่งส่วยที่กรุงเทพฯด้วยกันเป็นประจำทุกปี
จึงผูกเกลอกัน และจัดพิธีให้ลูกสาวและลูกชายมาแต่งงานกัน

 

แม้พ่อผมจะไม่มีทรัพย์สินติดตัวก็ด้วยความผิดพลาดทาง
“เทคนิค” ไปบวชในระหว่างที่เขาแบ่งสมบัติกันเท่านั้น

 

ดังนั้นโดยสายเลือด
และความสามารถก็มิได้ต่ำต้อยอะไร 
ที่แสดงว่าแม่ของผมที่ตัดสินใจเลือกพ่อผมเป็นคู่ครองนั้น
ก็น่าจะเป็นคนที่พิจารณาอะไรลึกซึ้งกว่าที่ทุกคนคิด
แม้จะมีเสียงต้านจากเพื่อนๆร่วมรุ่น ทั้งด้านรูปร่าง
และทรัพย์สมบัติติดตัวมาในการแต่งงาน แม่ของผมก็ไม่ใส่ใจเป็นประเด็น
และพ่อผมก็ไม่ทำให้แม่ต้องผิดหวังหรืออับอายใคร ที่พิสูจน์ได้ในความขยันขันแข็ง
ทำมาหากิน จน “สมเทียบ” (เท่าเทียม) กับเพื่อนบ้าน ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี
และมาพิสูจน์การตัดสินใจที่ถูกต้องในรุ่นลูก
ที่ทุกคนได้ช่วยกันสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

 

ในส่วนตัวและส่วนครอบครัวของแม่
แม่จะสอนการช่วยเหลือพึ่งพากันทั้งในระดับชุมชน และ สังคม
แม่จะสอนให้ลูกดูแลบ้านเรือนให้สะอาดเรียบร้อย การเก็บของเป็นระบบ หาง่าย เป็นที่เป็นทาง

ที่ผมประทับใจและถือเป็นหลักการดำรงชีวิตคู่เลยก็คือ
พ่อและแม่จะไม่เคยทะเลาะกัน หรือแม้แต่เถียงกันให้ลูกเห็นแม้แต่ครั้งเดียว
ดังนั้นในกลุ่มพี่น้องผมก็จะถือสิ่งนี้เป็นระบบปกติในครอบครัว

 

เวลาพูดกับใครจะมีแต่ยกย่องพ่อผมตลอด
ไม่มีข้อขัดแย้ง ที่ผมเชื่อว่าพ่อแม่คงจะมีการวางแผนร่วมกัน มีการเลี้ยงลูก
แบบเข้าใจและการให้อภัยเมื่อลูกทำอะไรผิดพลาด
ไม่ซ้ำเติม และมักจะคิดวางแผนชีวิตให้ลูก ในลักษณะเตรียมเผื่อไว้ให้เลือก
มากกว่าที่จะบังคับเลือกอย่างที่บางครอบครัวทำ
ที่เป็นลักษณะเดียวกันกับที่พ่อเตรียมแผนไว้ให้ลูกทุกคน
แต่การเลือกนั้นอยู่ที่ลูกตัดสินใจเอง

 

การสอนลูกที่ดีที่สุดตามแบบของแม่ก็คือการเล่านิทานนำทาง
ให้เกิดความประทับใจและปรับทัศนคติในการดำรงชีวิตที่ดี ที่ผมประทับใจมากก็คือ
แม่ผมไม่เคยเข้าโรงเรียน จึงอ่านหนังสือไม่ออก
แต่มีความสามารถในการเล่านิทานสารพัดเรื่องเป็นเลิศ
ที่คิดว่าน่าจะมีระบบความจำเป็นระบบภาพเคลื่อนไหว
และไม่ใช่จะเป็นระบบตัวหนังสือแน่นอน

 

ระบบความจำที่เป็นภาพที่เป็นภาพนี้
ทำให้การเล่านิทานของแม่มีรสชาติ และมีรายละเอียดของกาเล่าที่ไม่ซ้ำกัน
ทั้งๆที่เป็นนิทานเรื่องเดิม

แม่จะใช้เวลาหลังทานข้าวและอาบน้ำเตรียมเข้านอน
ที่ส่วนใหญ่จะมานั่งและนอนเล่นกันที่นอกชาน ที่เห็นดาว เห็นเดือนชัดเจน
แม่จะสอนให้ดูดาวต่างๆทุกวัน ทำให้ผมมีความรู้เรื่องกลุ่มดาวทุกกลุ่ม
พอดูดาวเสร็จแม่ก็จะเริ่มเล่านิทานทุกวัน
ที่บางทีก็เป็นนิทานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มดาว เช่น ดาวลูกไก่ ดาวจระเข้ ดาวเต่า
ดาวไถ และนิทานเรื่อง กระต่ายบนดวงจันทร์ ที่ผมก็ไม่เคยถามว่าแม่จำมาจากไหน
หรือแม่สร้างขึ้นมาเอง

 

นอกจากที่เกี่ยวกับดาวแล้ว
แม่จะมีนิทานที่เล่าบ่อยๆ อีกหลายเรื่อง เช่น เจ็ดทะนนท์ นางสิบสองหรือพระรถเมรี
มโนราห์กับพระสุทน จันทโครพ และอีกหลายๆเรื่องที่ผมก็ลืมๆไปว่าเรื่องอะไรบ้าง
ทุกเรื่องแม่จะสอดแทรกคติชีวิต การช่วยเหลือพึ่งพา คุณธรรม
และเน้นให้พี่น้องต้องรักกัน ช่วยเหลือกัน เป็นพี่ต้องดูแลน้อง
ต้องยอมเสียสละให้น้อง เพราะน้องอ่อนแอกว่า
ใครที่แข็งแรงต้องช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่า สังคมจึงจะอยู่เย็นเป็นสุข

 

การเล่านิทานของแม่บางทีก็จบ
บางทีผมก็หลับก่อน
ผมจำได้ว่าหลังจากฟังแม่เล่านิทานแล้วผมก็มาตื่นตอนเช้าอยู่บนที่นอนทุกทีนึกไม่ออกเลยว่าเคยเดินมาที่นอนเอง
นี่คือความอบอุ่นที่ผมได้รับจากแม่ มาตลอดเวลาที่อยู่กับแม่

 

สำหรับการสอนในเชิงวิธีการนั้น
แม่จะไม่ค่อยพูดมาก แต่จะใช้วิธีการสอนจากการทำให้ดู ไม่ว่าจะเป็น การเก็บรักษาดูแลทรัพย์สินการหาอาหารเลี้ยงครอบครัว การเตรียมอาหาร และการเตรียมเสบียง

 

แม่จะมีเวลาไม่มากที่จะทำทุกเรื่อง
ดังนั้นแม่จะบอกว่า ใครอยากกินอะไรก็ไปหามา แม่จะทำให้กิน
ที่พวกเราทุกคนก็เข้าใจและช่วยกันหา ช่วงไปเลี้ยงวัวควาย หรือไปธุระ
พวกเราก็จะช่วยกันหาอาหารกลับบ้านมีอยู่ช่วงหนึ่งผมรู้สึกอยากทานมันสำปะหลังเชื่อม
พอดีครูก็สอนวิธีปลูกมันสำปะหลัง ผมก็ปลูกใช้เวลาเกือบ 6 เดือน
ก็ได้หัวมันถือกลับบ้านให้แม่เชื่อมให้ทานอย่างภาคภูมิใจมาก

 

วันไหนที่ผมอยู่บ้าน
โดยเฉพาะช่วงที่ผมอยู่บ้านตอนที่เรียนชั้น ประถมปีที่ 5-7 ผมจะไปดักปลาที่ลำตะคองข้างบ้านทุกวัน
ที่ต้องตื่นตีสี่ไปเก็บตาข่าย เพื่อนำปลาที่ได้มาให้แม่ทำกับข้าว
และห่อข้าวเป็นอาหารกลางวันไปโรงเรียน วันไหนไม่ได้ปลา
แม่ก็จะไปหยิบไข่ในเล้าไก่มาต้มให้ผม เพราะปกติเราจะไม่ทานไข่ไก่
แต่จะเก็บไข่ไว้ให้ออกเป็นไก่ ที่ได้ประโยชน์กว่า
ดังนั้นผมจะอายเพื่อนมากถ้าวันไหนห่อข้าวกลางวันกับไข่ต้ม

เพื่อช่วยแม่หากับข้าว
ตอนผมไปโรงเรียนผมจะถือเสียมเล็กๆ ทำเป็นคล้ายๆไม้เท้า
เดินสับดินที่สงสัยข้างคันนา และเปลี่ยนเส้นทางเดินทุกวัน
เพื่อหากบที่จำศีลอยู่ตามข้างคันนา ที่ทำให้ผมได้กบเกือบทุกวัน
สมทบกับปลาที่จับได้ตอนกลางคืน ก็เป็นวิธีการทำมาหากิน ที่แม่ผมสอนผมมาที่พิเศษมากๆ ที่ยังไม่ค่อยพบอีกเลย คือ
แม่จะทำกับข้าวได้อร่อยทุกอย่างโดยไม่เคยมีคำว่าใส่ผงชูรสแล้ว 
ถามทีไรก็บอกว่าทำแบบธรรมดาๆ
แต่ก็ไม่มีใครทำกับข้าวอร่อยเท่าแม่ทำให้ทาน

 

นอกจากแม่จะความขยัน อดทน
อดกลั้น และ มักน้อยแล้ว
แม่ยังมีวิธีการสอนลูกให้รู้ว่าญาติพี่น้องของเรามีกี่สาย ใครบ้าง อยู่บ้านไหน
ที่ผมพอจำได้คร่าวๆ แล้วนำมาทำแผนผังตระกูลในหนังสืออนุสรณ์วันเผาศพพ่อ
ให้ญาติพี่น้องได้มีข้อมูลว่าใครมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดและการแต่งงานกันกับใครบ้าง
ที่มาจากวิธีสอนของแม่ ให้รู้จัก รักญาติพี่น้อง รักษาความสัมพันธ์กับญาติพี่น้องเอาไว้

 

ในชีวิตของแม่ก็จะปฏิบัติ
ทำให้ลูกๆรู้ โดยการเข้าร่วมงานพิธีต่างๆเสมอๆ ไม่เคยขาด
และยังไปเยี่ยมเยือนญาติพี่น้องที่กล่าวถึงตามโอกาสเหมาะสม มีขนม มีของไปฝาก
ถ้าไปไม่ได้ก็ฝากคนอื่นไป

 

นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิต
มาจากแม่ เล่าเท่าที่จำได้ครับ

หมายเลขบันทึก: 511673เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 22:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 10:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

Actually, I salute your mother -- wise and woman, wife and mother.

ผู้หญิง คือ ผู้ยิ่งใหญ่...และเป็น "แม่" ที่สร้างโลกให้งดงามครับ...ขอบคุณคำสอนของคุณแม่ของอาจารย์ด้วยครับ

คุณงามความดีใดๆที่พึงมี ขออุทิศเป็นกุศลให้แม่ผู้ล่วงลับไปแล้วครับ

ขอบคุณครับ

อ่านอีกครั้ง ยิ่งเปี่ยมพลังศรัทธาในการใช้ชีวิตของคนเป็นแม่

ที่ทำทุกเรื่องอย่างมีหลัก มีรายละเอียดที่ลึกซึ้ง อบอุ่นอย่างยิ่ง

ขอบพระคุณมากค่ะอาจารย์ ที่พยายามถอดความจำมาร้อยเรียงให้อ่านกันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท