หลัง 16.30 น.ถึง 6 โมงเย็นวันนี้ พาเจ๊เกลียว เพื่อนผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวบนตึก 12 ชั้น
ทำกัวซาขาข้างที่ยังพอเดินได้ ให้รู้สึกสบาย
ส่วนขาที่ผ่าตัดหัวเข่าแล้ว นั้นมีอิทธิฤทธิ์ทำให้เจ๊เกลียวพลิกตัวไปร้องโอ๊ยไป
16 วันแล้วซินะ เสียงร้องนั้นค่อยๆจางหายไปนานๆเกือบชั่วโมงจะได้ยินครั้งก็ตอนพลิกขาขยับขานี่แหละ
ตอนนี้ หัวเข่าที่ผ่าตัดดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ร้องว่าอยากกลับบ้านๆ เมื่อถามถึงขาอีกข้างที่ต้องแบกน้ำหนักว่าจะผ่าด้วยไหม
ก็ทำให้เจ๊เกลียวถึงกับบอกว่า"ตูไม่เอาแล้ว..เข็ดจริงๆ. ...แต่ตอนนี้ค่อยปวดน้อยกว่าหลายเท่าแล้ว กำลังหัดเดิน."
จึงต้องปลอบด้วยการนวดสปาเท้าให้คลายเจ็บ แล้วพาให้หายใจไปพร้อมกับการเคลื่อนมือและนิ้วของคนทำสปาให้
เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ถูกใจดังขึ้นเป็นระยะ เจ๊เกลียวยิ้มได้อารมณ์ดี
และรีบบอกเหมือนจะให้สัญญาว่าต้องหัดเดินให้ได้เร็วๆแต่แขนซ้ายมันไม่มีกำลัง น้ำหนักตัวก็เยอะมาก
โดยเฉพาะสะโพก ที่จริงไม่บอกก็เห็นนะ อิอิ ได้ทีแล้วจึงพาให้ยกแขน เอาลมหายใจเคลื่อนไปให้สัมพันธ์กัน
ไปด้วยกัน กายเคลื่อนไปพร้อมลมหายใจก็ทำหน้าที่ให้จังหวะการเคลื่อนกาย เคลื่อนลมมันไปด้วยกันแบบสบายๆ
เจ๊เกลียวบอกว่า เออดีหว่า...เสร็จแล้วจึงให้รางวัลชวนนั่งรถเข็นเที่ยว ไม่มีเสียงปฏิเสธ
จึงถามว่าจะเข้าห้องน้ำก่อนไหม ก็โอเคพาเข้าห้องน้ำ สังเกตการช่วยตัวเอง ทำได้ค่อนข้างดี
และคอยเตือนสติให้ระวัง ทุกการเคลื่อนไหวกายให้มีสติและให้ทำอย่างช้าๆกันล้ม
แล้วพาเดินทัวร์ทั่วชั้น เจ๊เกลียวบอกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย ทำไมมันเงียบจัง
คนเข็นบอกว่างั้นลงไปชมบรรยากาศข้างล่าง แต่ก่อนไปถามว่าหิวไหม
แกร้องดังๆว่าตั้งแต่มาอยู่นี่ไม่เคยกินข้าวโรงพยาบาลเลยแม้แต่มื้อเดียว
ถามว่าไม่อร่อยหรือ แกร้องอือเบาๆ ชวนอีกครั้งเพราะนี้ก็ใกล้จะ 6 โมงเย็นแล้ว
แกบอกว่าไม่เคยกินก่อน 4 ทุ่ม เลยคุยกันต่อว่ามื้อเช้า มื้อกลางวันกินเวลาไป
ปรากฏว่าแกกินอาหารทุกมื้อเคลื่อนเวลาไปถึง 4 ชั่วโมงทุกมื้อ เมื่อเทียบกับคนที่กินตามเวลาปกติ
โชคดีที่ไม่เป็นเบาหวาน มีแต่ไขมัน และความดัน ได้แต่คิดในใจว่า น่าจะเปลี่ยนเวลากินอาหาร
พาเจ๊เกลียวลงลิฟฟ์ ลงไปชั้นG ล่างสุดที่เชื่อมต่อไปยังOPD ผ่านตึกอุบัติเหตุ(ตึกพ่อ)
ตรงข้าเป็นตึกแม่ มีโต๊ะบูชาถวายพระพร ก็ชวนกันไปลงนามถวายพระพร
เจ๊เกลียวเขียนชื่อนามสกุลของตัวเอง แล้วยกมืออธิษฐานจิต
หันไปจับสมุดลงนามถวายพระพรบ้างเห็นลสยมือเจ(๊เกลียวแล้วชื่นใจ นี่ 75 แล้วยังเขียนสวยมาก
แล้วเข็นตรงไปยังตึก 38 ปี เพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนในรพ.นับถือกัน
ให้เพื่อนได้กราบไหว้ แล้วก็เข็นไปชมตึกโภชนาการ ที่จอดรถ ชวนดูท้องฟ้า สัมผัสลมพัดเฉื่อยฉิว
อันนี้เรียกว่ารายการทัศนาด้วยหัวใจที่เบิกบาน ชมไปทั่วบริเวณรพ.ที่ควรจะไปชม
แล้วพากลับห้องพักเมื่อช่วงเวลาแห่งการทัศนาผ่านไป 30 นาที
ร้องบอกว่าฉันต้องขอตัวกลับไปทำหน้าที่แม่บ้านก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันใหม่
เจ๊แกคว้าตะกร้ากหมากขึ้นมาและบอกว่าแก้เหงาดีกว่าอยู่เฉยๆพร้อมโบกมือลา
และร้องว่าแล้วมาใหม่นะ ถึงบ้าน 1 ทุ่มตรง
ขอบคุณพ่อบ้านสำหรับอาหารมื้อเย็นที่เตรียมไว้ให้
ทานข้าวแล้วมานั่งย่อยอาหารกับบันทึกและอ่านเมล์
ขอบคุณสวรรค์ที่มีวันดีๆให้กัน
ไม่มีความเห็น