วันเสาร์
ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.
2555
กราบสวัสดีค่ะครู
เช้านี้ตื่นขึ้นมาตีสี่ทำวัตรเช้า แล้วก็ไปเรียกน้องภัสทำกับข้าวกัน น้องภัสทำผักหวานน้ำมันหอย ไข่เจียว และทอดปลาส้ม หนูทำกระเพรา พอทำเสร็จหนูก็ไปล้างห้องน้ำ แล้วค่อยมาดูว่าน้องเหลืออะไรให้ช่วย สุดท้ายน้องรอข้าวสำหรับจัดสำรับให้ครู หนูจึงเข้ามาทำความสะอาดกุฏิ เก็บใบไม้ที่น้องภัสกวาดกองไว้ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าเสียงกวาดตาดจะรบกวนครูไหม เท่านั้นแหละสักพักครูลงมากวาดตาดเหมือนหนูก็ได้คำตอบว่า “คิดดี ทำเลย ไม่ต้องรอ”
กวาดไปเรื่อย ๆ ดูนาฬิกา เจ็ดโมงสิบเอ็ดนาที รีบจะไปอาบน้ำ แล้วก็นึกได้ว่า “วันนี้ไม่มีเด็ก ๆ แม่ออกน้อย ไม่ต้องขึ้นลานธรรมก็ได้” มีเสียงว่า “อดข้าวดีกว่า” ข้างในลิงโลดมากเลยเจ้าค่ะ แว๊บว่า “แล้วน้องภัสหล่ะ” ก็ไม่อยากขึ้นศาลาเหมือนกัน สรุปเราตั้งใจ อดทั้งคู่ หนูดีใจแล้วก็เลยออกมากวาดต่อเก็บใบไม้ เพราะโซนที่หนูเองพักไม่ค่อยได้เก็บ แล้วครูก็เมตตามาชี้ว่า ให้จัดหาสแลนมาคลุมบังตาในโซนที่หนูกางเต็นท์และก็ให้ดูแลความสะอาดทางเดินไปห้องน้ำ ภารกิจต่าง ๆ ที่ครูชี้ ใจหนูเปิดรับมากขึ้นเจ้าค่ะ แล้วครูก็เมตตาให้ไปซื้อของที่ยโสธรตามรายการ ก่อนไปครูเมตตาให้หนูและน้องภัสทานข้าวก้นบาตร เรามองหน้ากันแล้วก็ตกลงว่า “เชื่อครู ท่านให้ทานก็ทาน”
ไปซื้อของรอบนี้ใจหนูไม่ดิ้นหนักเหมือนเมื่อก่อนเจ้าค่ะ พอมันเริ่มดิ้น ก็จะมีอาการย้อนดูเข้าไปตรง ๆ ว่า
“เป็นอะไร” เป็นวิธีที่ใช้ตอนที่อาการหนักก่อนเข้าวัดรอบนี้แล้วได้ผลกับตนเองเจ้าค่ะ แต่ก็จะยังสวดเป็นหลักไว้กับตนเอง แต่ไม่ได้บีบให้เครียดเหมือนครั้งก่อน ๆ เจ้าค่ะ ติ๊กกับตนเองว่าอะไรได้ทำอะไรไม่ได้ทำ ข้อ 1 ไม่ไปทำงานสาย ข้อนี้อยู่วัดก็ถือว่า หยวนไปเจ้าค่ะ ข้อสองไล่เรียง ไม่ได้ทำคือ เดินจงกรมตอนเช้า อันนี้ศีลข้อ 4 ด่างพร้อย ตื่นขึ้นมาแล้วดูเวลาไม่ทันกับตนเองเจ้าค่ะ ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น เขียนบันทึก ตอนเย็นหนูก็ไม่ได้เดิน นั่งเอา ข้อ 3 ไม่ดูละคร การอยู่วัดเอื้อการรักษาข้อนี้เจ้าค่ะ สรุปว่า หนูด่างพร้อยเร องการเดิน 1 ชั่วโมง เช้ากับเย็นวันนี้ยังรักษากับตนเองไม่ได้เจ้าค่ะ
สำหรับภารกิจวันนี้ จัดหาตู้และซื้อของต่าง ๆ ถือว่าโอเคกับตนเองเจ้าค่ะ แม้จะใช้เวลาไปสองชั่วโมง แต่ใช้เวลาวนน้อยลง ใจร้อนรนน้อยลง แต่มาตกม้าตายเรื่องส้มที่จะนำมาทำปานะ กลายเป็นว่า “หนูซื้อส้มจีน แบบน้ำน้อยมา” ซึ่งเป็นเรื่องที่หนูเองไม่พิจารณากับตนเองจริง ๆ
ดีที่ครูเมตตาให้โอกาสแก้ไข
กลับมาครูก็เมตตาให้ทำเฉาก๊วยถวายพระและเณร และได้กราบหลวงปู่ การทำภารกิจต่าง ๆ วันนี้แม้บางคราที่เผลอจะมีแรงบีบ แต่พอเห็นว่ามันบีบ มันก็คลายเจ้าค่ะครู เลยพอดอ้นรนกับตนเองน้อยลง ประมาณเกือบ ๆ ทุ่มหนึ่ง ครูพาไปจัดหาอุปกรณ์ทำปานะ ที่บิ๊กซีโดยที่ครูไปเอง แล้วให้หนูเข้าไปซื้อ มีโอกาสได้ฟังธรรม ครูให้กำลังใจว่า
“น้องภัสเป็นเด็กมีบุญมีความเด่นเรื่องการทำอาหาร ติ๋วก็มีความเด่นเรื่องการทำสิ่งต่าง ๆ เช่นเย็บผ้า คลุมแคร่ ซ่อมของ ฉะนั้นใครเด่นเรื่องอะไรก็ให้คนนั้นนำ ไม่ต้องแข่งกัน แต่ให้ช่วยกัน”
หนูรู้สึกดีใจ อนุโมทนาสาธุกับน้อง และยิ้มเพราะหนูรู้สึกบีบคั้นมากที่ต้องทำอาหาร บ่อยครั้งที่รดชาตแบบพยายามแล้ว แต่ก็น่าห่วงสำหรับคนทานเจ้าค่ะ แต่ก็พอทำได้ ส่วนน้องภัสทำได้ดีมาก ๆ หนูเองก็รู้สึกชื่นชม ครูชี้อีกว่า
“ก็เหมือนวัชพืช มันก็มีประโยชน์ของมัน”
ขากลับครูชี้อีกว่า “หนูมาที่นี่เพราะมาฝึกฝนตนเอง ครูก็ต้องชี้ว่าตรงไหนบกพร่องจะได้แก้ไข เหมือนทุ่งเป็นฝี ก็ต้องฝ่าตรงที่เป็นฝี ไม่ใช่บอกว่า ผิวหนังที่เหลือก็ยังดีอยู่ จะได้แก้ไขตรงจุด”
และครูสอนอะไรอีกนะ
“ให้ฝึกคิดสิ่งดี ๆ คิดเชิงบวกบ่อย ๆ เดี๋ยวมันก็จะเป็นนิสัย“
“ถามถึงเรื่องที่จะบวชคุยกับพ่อแม่รึยัง” คำตอบของหนูทำให้รู้สึกใจแป้วค่ะ เพราะยัง ใจหนูยังคิดไม่ดีว่า ถ้าท่านตอบปฏิเสธแล้วหนูจะทำยังไงดี
“การบอกบุญทำทานซื้อของเข้าครัว”
ครูชี้ว่านี้คือ โรงทาน การบอกบุญเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ทำ ได้สั่งสม เต็มเมื่อไหร่เขาจะรู้ของเขาเอง ซึ่งก็เหมือนติ๋ว พอทำ ๆ ไป อ้าวอันนี้ครูก็พาทำนี่หว่า ทำอยู่แล้ว”
ซึ่งเป็นบ่อยมากกับตนเองเจ้าค่ะ ทำทั้งๆที่ไม่รู้ตัวว่า ทำอยู่ แต่มารู้ทีหลังรู้สึกดีเอาทีหลัง
กว่าจะกลับเข้ามาวัดก็สามทุ่มกว่าครูหาวไปหลายที แสดงถึงว่า
“ครูล้า ใช้พลังงานเยอะ แต่ครูก็เมตตา”
หนูพยายามทำความเร็วแต่ก็ห่วงว่าเปิดกระจกวิ่ง เหมือนครูมาเมตตาหนูให้ได้ฟังธรรมและทำความเพียรไปพร้อมๆกัน แม้ครูจะเหนื่อยก็ยอม
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
ไม่มีความเห็น