--[โทนสุดเท่แห่งบึงหญ้าป่าใหญ่]--


บึงหญ้าป่าใหญ่ 1 ในหนังสือดี 100 เล่ม ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน เขียนโดย เทพศิริ สุขโสภา พิมพ์โดย สำนักพิมพ์มติชน ราคาเล่มละ 155 บาท

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ถ้าให้นึกถึงตัวละครที่ตัวเองแสนจะปลื้ม ฉันจะไม่เคยลืม "โทน" เอาเสียเลย กำลังคิดว่าเพราะฉันอ่านโทนในช่วงที่กำลังเป็นวัยรุ่นหรือเปล่า มันเลยทำฉันตราตรึงใจต่อโทนมาจนถึงปัจจุบันนี้ หรือมันเป็นแบบที่ใครสักคนพูดเอาไว้ว่า "เพลงที่เพราะที่สุดของเราคือเพลงที่ฟังในช่วงวัยรุ่น" อะไรนั่น ... ไม่รู้ซี

แต่นะ ... ในช่วงนั้น ฉันก็ไม่ได้อ่าน "โทน" หรือ "บึงหญ้าในป่าใหญ่" แต่เล่มเดียวซะเมื่อไร ใช่ ๆ ๆ "นัต" กับ "ป้อม" รวมทั้ง "จ๋อม" กับ "ชัย" จากเรื่อง "เวลาในขวดแก้ว" แต่แก๊งค์นั้นก็ไม่จับใจฉันเท่ากับโทน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในดวงใจของฉันเหมือนกันก็เถอะ

ทำไมโทนถึงมาสิงสถิตอยู่ในห้วงดวงใจของฉันน่ะเหรอ ทั้งที่โทนก็ไม่ใช่พระเอกหนุ่มสุดเท่ หล่อกระชากใจหญิงตามประสาพระเอกในนิยายสักกะหน่อย "โทน" ใน บึงหญ้าป่าใหญ่ ยังเป็นเด็กถึงสิบขวบเล้ย เอ๊ะ รึฉันชอบเด็ก อ้าว เฮ้ยยย ล้อเล่นจ้า อิ ๆ

เลยมานั่งพลิก ๆ เปิด บึงหญ้าป่าใหญ่ รำลึกความทรงจำกันอีกหน ว่า เพราะอะไร ... ก็ได้คำตอบว่าเป็นเพราะโทนเป็นเด็กเกเรไงล่ะ ฮ่า ฮ่า โทนเป็นเด็กที่คนทั่วไป ผู้ใหญ่ทั้งหลาย (ในเรื่อง) มองว่าเขาเป็นเด็กเกเร หนีเรียน ขี้ขโมย เลยห้ามไม่ให้ลูก ๆ ของตัวเองไปเล่นกับโทน

แต่นั่นแหละ เพราะความเกเรของโทนนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันติดใจเขามาก ๆ อาจเพราะฉันมักจะชอบคนที่มีลักษณะของเด็กเกเรอยู่แล้วกระมัง ซึ่งเกเรในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการไปทำร้ายรังแกคนอื่นให้เดือดร้อน แต่เป็นพวกที่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ทำตามที่คนอื่น ๆ เขาทำกัน เป็นคนที่จะ "แตกต่าง" จากคนอื่นหรือเรียกให้เท่ ๆ หน่อย ก็คือพวกที่มีความ "ขบถ" นั่นแหละ ฉันละชอบนักเชียว

ตัวละครลักษณะนี้จะจับใจฉันมากเป็นพิเศษ คงเหมือนกับ "ผม" ในเรื่องที่ก็ดูท่าจะแอบปลื้มโทนไม่น้อยเหมือนกัน

"มีคนน่าสนใจกว่าเขาตั้งหลายคน สะอาดสะอ้านกว่าเขา เสื้อผ้าดีกว่าเขา แต่ก็เป็นคนทึ่ม ๆ ดูไม่เข้มแข็งอย่างเขา พวกนั้นเป็นคนพูดอ้อมแอ้มไม่คล่องแคล่วอย่างเขา เป็นคนซื่อ ๆ ไม่ฉาดฉานอย่างเขา ผู้พร้อมที่จะกระโดด วิ่ง ปีน อยู่ ๆ กู่ตะโกนขึ้นมา แม้ว่าจะมีบ้างบางครั้งที่เด็กอื่น ๆ เฮฮากันอย่างสุดเหวี่ยง เขาจะนั่งซึมกระทือโงกหลุบ เรียกเท่าไรก็ไม่อยากตื่น"

ช่วงพักกลางวันที่เด็กจน ๆ โซ ๆ ไม่มีอาหารกลางวันห่อมากินที่โรงเรียนพากันนั่งหงอย ๆ หรือกลุ่มเด็กที่ไม่ค่อยมีคนเล่นด้วย ก็มีโทนนั้นแหละเป็นหัวโจกชวนไปเล่นนั่นเล่นนี่ด้วยเพราะกลัวเพื่อนเหงา หรือไม่ก็เข้าป่าไปหาอะไรมาให้เพื่อนกลุ่มนี้กิน ไม่ว่าจะเป็นขนุนรวงเหลือง ๆ เนื้อมะพร้าวขาว ๆ น้ำผึ้งสด ๆ ที่โทนปีนต้นไม้ต้นสูงไปหามาให้จนใคร ๆ มองว่าเขาเป็นเด็กขี้ขโมย แต่จริง ๆ ก็คือโทนไม่ได้ขโมยสักหน่อย แต่เจ้าของสวนเขาให้โทนไปเก็บได้ต่างหาก เพราะโทนเองก็ไปช่วยงานตัดฟืน ทำนั่นทำนี่ให้ยายปิ่น เจ้าของสวน

เจ๋งไหมเล่า โทนของฉัน ไม่ให้ฉันปลื้มโทนได้ยังไง เขาไม่ใช่เด็กเกเรเลวร้ายอะไรสักหน่อย ตรงกันข้าม ฉันว่าเขาเป็นเด็กฉลาด ช่างฝัน เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ฟังที่เขาเล่าเรื่องกลางคืนให้เพื่อนในห้องเรียนฟัง ฉันยังอ้าปากหวอไปด้วยเลย ว่าโทน (หรือผู้เขียนนั่นแหละ) ช่างเก่งจังจริง ๆ นะเขาเป็นนักเล่าเรื่องที่น่าทึ่งมาก ฉันเลยทึ่ง "โทน" มาจนบัดนี้ยังไง

โทนเป็นเด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ไม่ได้กำพร้านะ แต่เหมือนพ่อกับแม่เขาเดินทางไปที่อื่นแล้วยังไม่กลับมาเขาเลยอยู่คนเดียว อยู่บ้านบนต้นไม้ท้ายวัด เอากับเขาสิ ข้าวปลาอาหารรึ โทนก็หาเอาจากในบึงหญ้าใหญ่นั่นแหละ แล้วก็ยังมีแก่ใจเอามาแจกเพื่อน ๆ คนอื่น ที่พ่อแม่ยากจนอีกด้วย ใช่ ... โทนเป็นคนมีน้ำใจ แม้ว่าเขาจะอ่านหนังสือได้ไม่เก่ง แต่เขาก็มี "ผม" อยู่ใกล้ ๆ คอยอ่าน คอยเขียนอะไรให้เขาเสมอ ในขณะที่โทนก็จะคอยปกป้องเวลาเด็กโตกว่ามาแกล้ง "ผม" ซึ่งในเรื่อง เป็นเด็กชายที่ร้องไห้เก่ง พูดจาจ๊ะจ๋าน่ารัก ความสัมพันธ์ของเด็กชายทั้งสองดูจะมีความลึกซึ้งมากกว่ากับเพื่อนคนอื่น ๆ (ได้กลิ่น Y ลอยละลิ่วมาแระ)

ฉันชอบมากที่สุด อ่านทีไรก็น้าตาซึมด้วยความตื้นตันทุกที ก็ตอนที่โทนถูกลงโทษตอนตีผึ้งและพยายามปกป้อง "ผม" ไม่ให้โดนทำโทษ ด้วยการให้ครูจันทร์ตีเขาเพิ่ม จากหกครั้งก็เป็นสิบสองครั้ง

"สิบสอง" เขาร้องเสียงสูง ตาลุกวาวรีบหันมาทางผมสองมือลูบก้น แล้วหัวร่อ ตรงเข้ามาแสดงความยินดี จับแขนจับไหล่ผม หน้าเขาแทบไม่เป็นคน ปากเจ่อนั้นพยายามหัวร่อ เสียงก็ไม่มีออกมา

ทันใดนั้น ผมก็สุดกลั้น ปล่อยโฮออกมาสุดเสียง น้ำตาร่วงพรู ทุกคนตกใจ ครูก็ตะลึง เขาเป็นคนถูกตี ผมเป็นคนร้องไห้

เขาโอบผมไว้แน่น "ไม่ต้องร้อง ร้องทำไม" เขาพูดผ่านไรฟันออกมาปลอบโยนเหมือนผมเป็นเด็กอ่อนมาเข้าโรงเรียนใหม่ ๆ ผมกลับร้องไห้ดังขึ้น ...

แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ "โทน" กลายเป็นตัวละครในดวงใจของฉันก็คือ "ภาษา" ที่คนเขียน คือ อาจารย์ เทพศิริ สุขโสภา ใช้เล่า ใช้บรรยาย ให้โทนมีชีวิตชีวานั้นล่ะ ไม่ได้เป็นภาษาที่สวยงามอะไรหรอก แต่เป็นภาษาง่าย ๆ ซื่อ ๆ แต่ในความง่ายนั้นเวลาอ่านฉันได้กลิ่น ได้ยินเสียง ราวกับไปอยู่ร่วมแก๊งกับโทนก็ไม่ปาน

แก๊งที่เขาจะเป็นฮีโร่ของฉันตลอดไปนั่นล่ะ

บึงหญ้าป่าใหญ่ 1 ในหนังสือดี 100 เล่ม ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน เขียนโดย เทพศิริ สุขโสภา พิมพ์โดย สำนักพิมพ์มติชน ราคาเล่มละ 155 บาท

หมายเลขบันทึก: 51134เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2006 13:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 11:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
ได้สิ ไว้เจอกันแล้วจะเอาไปให้
สนุกจิงๆเลย  ทั้งเสร้า  และสนุก  ชอบมากเลย

เป็นหนังสือในความทรงจำเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้

ได้อ่านหนังสือนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณปี 2539

ได้เจอกันแบบไม่คาดฝันเมื่อ ได้มีโอกาสตามคุณครู

ไปช่วยจัดการหนังสือในห้องสมุด แล้วมันก็มีหนังสือเก่า ๆ

ที่เกินจะซ่อม แล้วก็จะโดนทิ้งลงถังขยะ ....และด้วยความ

เสียดาย ปนกลับความยากอ่าน เลยอยากได้ เลยได้หนังสือ

มา 4-5 เล่ม(จริง ๆ แล้วแทบไม่เป็นหนังสือ เพราะหน้าปก

ขาด เล่มก็อ้าปากไป 2-3 ปาก แต่ก็อยากอ่านอยู่ดี)และ

หนึ่งในนั้นคือ "บึงหญ้าป่าใหญ่"

ได้มาแล้วยังสงสัยอยู่ดี หนังสืออะไรชื่อแปลก ๆ บึงหญ้าป่าใหญ่

แปลว่าอะไร ...ต่อเมื่อได้อ่านจึงต้องจัดให้เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง

ในความทรงจำ

ยังจำเรือบินลำโต ๆๆ ที่ทาเป็นสีแดง บ้านต้นไม้ และเงาฉายได้ดี

อ่านความเห็นที่ ๔ แล้วสงสารหนังสือที่จะโดนทิ้งลงถังขยะจังครับ ยิ่งหากเป็นบึงหญ้าป่าใหญ่ที่พิมพ์ครั้งแรกโดยห้องสมุดเด็ก ศูนย์ศิลปเชียงใหม่แล้วละก็เสียดายจริงๆ เพราะเป็นการทำงานของศิษย์รุ่นพี่รุ่นน้องคืออาจารย์เทพศิริผู้แต่งกับอาจารย์ปัณยา ไชยะคำที่วาดรูปประกอบ เพิ่งได้ยินเรื่องของหนังสือเล่มนี้จากผู้เขียนภาพประกอบเมื่อประมาณกลางเดือน ม.ค. ๒๕๕๒ ที่ผ่านมานี่เอง ต้องหามาอ่านบ้างแล้วซิครับ

เจอบรรยากาศของบ้านอ.เทพศิริเลยนำมาฝากครับผม

http://www.oknation.net/blog/sutida/2008/10/14/entry-1

ปล.ต้องขอขอบคุณคุณสุธิดาเจ้าของบลอคที่โอเคเนชัั่นด้วยครับที่เก็บภาพมาฝาก

เช่นกันค่ะ ฉันตกหลุมรักโทนอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่เคยคิดลืมโทนเลย เป็นตัวละครในใจ บึงหญ้าป่าใหญ่เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเสียน้ำตาให้มากที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลย มีทั้งดีใจ ซาบซั้ง และเศร้า

จะจดจำโทนและบึงหญ้าป่าใหญ่ตลอดไปค่ะ

ใครวิเคราะห์ บทสนทนา สำนวนภาษา กลวิธีการแต่ง ของเรื่องนี้ได้บ้างครับ ขอความช่วยเหลือหน่อยนะครับ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท