ข้อคิด หรือ คำพูดที่ต้องการให้เราคิด บางทีอาจจะสื่อไม่ถึงจิตใจของเรา ได้แค่เพียงฟังและรับรู้แต่จะนำมาคิดหรือจะนำมาปฎิบัติตามมั้ย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะฉะนั้นวันนี้จะมาพูดถึงบุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นหญิงชราวัยกว่า80ปี และกลุ่มบุคคลผู้มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย ที่ทำให้เราได้ฟัง รับรู้ และนำไปคิด ปรับเปลี่ยนความพิการที่มีอยู่ในจิตใจของตนเอง
ยายยิ้มหญิงชราวัยกว่า80ที่ใช้ชีวิตอยู่กลางป่าเพียงลำพัง โดยปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา ปฎิทิน หรือเครื่องใช่ไฟฟ้าต่างๆ แม้อายุของยายจะล่วงเลยวัยที่สามารถทำกิจกรรมอะไรต่างๆได้อย่างคนทั่วไปแล้วก็ตาม มีสิ่งสิ่งหนึ่งที่ยายจะต้องทำตลอด นั่นคือ การไปทำบุญทุกๆวันพระของยาย
และสามเกลอ ผู้ที่มีความผิดปกติทางร่างกายมาตั้งแต่กำเนิด แต่ไม่ย่อท้อกับชะตากรรมที่ได้เกิดขึ้นกับตัวพวกเค้า เพราะ เขาทั้งสามได้พยายามปรับเปลี่ยนตนเองเพื่อที่จะทำสิ่งต่างๆได้เหมือนๆกับผู้คนปกติทั่วไป โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ ต้องการให้คนอื่นเห็นว่าแม้ตนเองจะบกพร่องทางด้านร่างกาย แต่ก็ยังสามารถทำกิจกรรมต่างๆที่จำเป็นในแต่ละวันได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใคร
ดังที่เขาแสดงให้เห็นว่าเขาก็ยังสามารถเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาได้เหมือนกับบุคคลทั่วๆไป เพียงแค่พยายามให้มากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง และเป็นแรงขับเคลื่อนทางใจให้กับผู้พิการทางร่างกาย รวมถึง คนปกติที่มีความบกพร่องทางด้านจิตใจ ให้มีกำลังใจที่จะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ
“การฝันเป็นสิ่งที่ดีฝันไปให้ไกลๆ แล้วค่อยๆไป สักวันเราก็จะถึงฝัน”
จากการฟังเสวนา “ฅนเล็ก…เคลื่อนโลก” ที่มียายยิ้มและสามเกลอ ทำให้รู้ว่า คนส่วนใหญ่นั้น ต่างพิการทางใจ คือต้องการกำลังใจ ต้องการจุดมุ่งหมาย หรืออะไรก็แล้วแต่นั้น ล้วนแต่อยู่ที่ตัวเราว่า เราจะสามารถอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้มั้ย อย่างที่ยายยิ้มอยู่ท่ามกลางป่าแต่เพียงลำพัง หรือ ความพยายามว่าเรามีความพยายามแค่ไหนที่จะทำสิ่งที่เราฝันหรือเราต้องการ ดั่งสามเกลอที่มุ่งมั่นไม่ท้อถอยที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของคนพิการ ที่ทำหลายต่อหลายอย่างได้เหมือนกับคนปกติ และเป็นกลุ่มคนเล็กๆที่เปิดโอกาสทางสังคมให้แก่ผู้พิการทางร่ายกายได้มีโอกาสได้แสดงความสามารถออกมา แม้จะยังถูกสังคมมองว่าเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือก็ตาม
สิ่งต่างๆที่ ยายยิ้มและสามเกลอได้เล่าออกมา ทำให้เรารู้จักปรับเปลี่ยนตัวเอง สภาพแวดล้อม การทำกิจกรรมการใช้ชีวิต รวมถึงความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน ให้สมดุลกัน
การที่ได้ฟังเรื่องราวชีวิตของคนอื่น เป็นเหมือนกับการส่องกระจกให้มองเห็นตัวเองว่าตัวเองเป็นอย่างไร ซึ่งการได้รับฟังเรื่องราวชีวิตของคุณย้ายยิ้ม และ สามเกลอ นั้นทำให้ได้รู้ว่า คนเรานั้นแม้จะเกิดมาพร้อมด้วยครอบครัว ร่างกาย หรือเงินทอง แต่สิ่งที่เราจะต้องปรุงแต่งให้ออกมาตามที่เราเพียงพอและต้องการคือจิตใจของเรานั่นเอง
พิการกาย ไม่พิกายใจ
ขอบคุณสำหรับความเห็นนะครับ
แต่ผมพยายามจะสื่อว่าแม้ทั้ง3คนจะมีความพิการทางด้านร่างกาย
แต่เค้าพยายามทำเหมือนตัวเองเป็นคนปกติ
เพื่อ ลดภาระของสังคม และเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจให้ผู้พิการคนอื่นเห็น
รวมถึงเปิดโลกให้คนพิการได้ทำอะไรหลายๆอย่างเหมือนคนปกติครับ
ขอบคุณครับ