486. สร้างความได้เปรียบ เพื่อไม่เอาเปรียบ...


ประสบการณ์การบวชสามเดือน ณ.วัดป่าธรรมอุทยาน จังหวัดขอนแก่น (ตอน 3)

วันหนึ่งขณะบวชอยู่ที่วัดป่าธรรมอุทยาน จังหวัดขอนแก่น เย็นวันหนึ่งผม นั่งคุยกับเพื่อนทางธรรมคือ อาจารย์ดร.กิตติ มโนคุ้น   เราคุยกันเรื่องธรรมะ แล้วก็ถามกันว่าทำอะไรอยู่. คุยไปคุยมา ก็คุยกันเรื่ององค์กร เนื่องจากท่านเองชอบเรื่องภาวะผู้นำ และสอนเรื่องนี้ด้วย  เราคุยกันถึงสังคม ที่หลายครั้งเน้นการสร้างความได้เปรียบของการแข่งขัน..ด้วยทุนจริงๆ..หลายครั้งเราเรียกว่าทุนนิยม (Capitalism- แคปปิตอลลิสสึ่ม) ครับ..เราตั้งคำถามกันว่า..มีอะไรมากกว่านั้นไหม..


(ผมอยู่ตรงหน้าสุด ตรงกลางท่านอาจารย์ ดร.วรภัทร์อาจารย์ทางธรรมของพวกเรา และด้านหลังอาจารย์ดร.กิตติ จากกรมทางหลวงชนบท ผู้นำกลุ่ม Talent Network ของกพ.)

หลังแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันไปพัก ผมก็ขออนุญาตดร.กิตติเพื่อเล่าแนวคิดเรื่องทุนปัญญา (Intellectual Capital อินเทลเลคชวล แคปปิตอล ) ให้ท่านฟังครับ..แนวคิดนี้คือ..องค์กรจะไปไกลหรือไม่ขึ้นกับองค์กรนั้นมีปัญญาแค่ไหน..เพราะอะไรครับ..องค์กรประกอบด้วยคน..จึงจะเติบโต สร้างสรรค์ ขึ้นลง ตกต่ำ รุ่งเรื่องได้ก็ปัญญาของคนในองค์กรนั่นแหละ...เจ้าทุนนี้ ไม่ใช่สร้างขึ้นมาในวันเดียวครับ..เช่นกว่าคุณจะเรียนจบปริญญาเอกก็ต้องผ่านปริญญตรี ปริญญาโทอีก กว่าหลายปี..นี่คือการสั่งสมชัดๆ..ไม่ใช่อยากเรียนวันนี้ พรุ่งนี้จบเลย...บางคนก็ไปไม่รอด..ไม่จบในตอนท้าย ด้วยเหตุหลายๆอย่าง บางคนก็มีทัศนคติที่น่าสงสารครับ..คิดลบไปหมด จนไปสร้างปัญหาให้ตนเอง ให้เพื่อนให้อาจารย์..ที่สุดไปไม่รอด...ก็มี..

องค์กรที่จะมีทุนปัญญาได้ จึงต้องมีองค์ประกอบสามส่วนครับ คือทุนมนุษย์ (Human Capital) คือคนที่มีทักษะ และทัศนคติที่ดีครับ...ตรงนี้แหละที่ต้องคัดเลือกกันแต่ต้น..แต่ก็เหมือนกับที่เราเคยเจอในองค์กรทั้งหลายที่คนเก่ง ดี...แต่ไปไม่รอด..ด้วยขาดมุมมอง หรือทักษะการทำงานร่วมกันคนอื่น...ซึ่งถ้ามีก็จะทำให้คนเก่งนั้นเปล่งประกายสร้างสรรค์ได้มากขึ้น..องค์กรจึงต้องพัฒนาทุนอีกอย่าง เราเรียกว่าทุนทางสังคม (Social Capital โซเชียลแคปปิตอล) ครับ..ตรงนี้แหละสารพัดวิชาด้านพัฒนาองค์กร เช่น AI องค์กรแห่งการเรียนรู้ KM เข้ามามีบทบาท สุดท้ายองค์กรต้องมีนโยบายที่จะรักษาคน เพิ่พูนความฝัน ความรู้ให้พนักงาน...ตรงนี้ต้องได้นโยบาย วิธีการทำงานที่ดี และเป็นที่ต้องสั่งสมครับ...ไม่งั้นก็จะ 5ส. QC อย่างเดียว..BSC KPI แบบไม่ลืมหูลืมตา กัน..ใส่ไปก่อนครับ..แล้วพัฒนาไปเรื่อยๆ..ประการหลังนี้เราเรียกว่า ทุนทางโครงสร้าง (Structural Capital สตั๊กเจอราล แคปปิตอล ) ครับ

ผมเล่าให้ดร.กิตติฟังว่า องค์กรของผมก็คือเครือข่าย  Thailand Appreciative Inquiry Network (www.aithailand.org) ครับ เราได้ทดลองฝังทุนสามทุนนี้เข้าในองค์กร...เราใส่ไปในพันธกิจของเราเลยครับ..คือ "สร้าง" "สาน" "สลัก" และ "สละ" ® 2007 Pinyo Rattanaphan

1. สร้าง คือการสร้างให้เกิดทักษะ โดยการส่งเสริมผู้สนใจที่จะนำ Appreciative Inquiry ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง วัดผลจริง ด้วยวิธีการต่างๆ เช่นการสอน การแนะนำ การจัดการความรู้

2. สาน คือ การส่งเสริมให้ผู้ที่มีทักษะ มีประสบการณ์การทำ Appreciative Inquiry ให้รู้จักกัน ช่วยเชื่อมโยงกันและกัน ให้เกิดการเรียนรู้ การถ่ายทอด เกิดเป็นกัลยาณมิตรกัน

3. สลัก คือ การส่งเสริมให้ผู้สนใจนำ Appreciative Inquiry ไปประยุกต์ใช้ร่วมกับศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้เกิดเป็นความรู้ใหม่ๆ เช่นการตลาด การแพทย์ วิศวกรรม การพัฒนาองค์กร การจัดการความรู้ องค์กรแห่งการเรียนรู้ แม้กระทั่งการวิจัยเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ 

4. สละ คือการส่งเสริมให้สมาชิกที่มีประสบการณ์ได้ แบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ให้กับสังคม

พูดง่ายๆ ผมเล่าให้เพื่อนผมฟังครับว่า “สร้าง” นี่คือ การพัฒนา Human  Capital เพราะเราสร้างคน ครับ..ส่วน “สาน” นี่คือการพัฒนา Social Capital คือ การส่งเสริมให้คนในเครือข่ายสร้างสรรค์ ทำงานร่วมกันด้วยวิธีการต่างๆ สลัก คือ “Structural Capital” นี่คือการพัฒนา บุกเบิก AI ให้ไปใช้ประโยชน์ในวงการต่างๆ สุดท้ายตัว “สละ” นี่คือส่งเสริมการถ่ายทอดความรู้ให้สังคม เป็นวิทยาทาน เพื่อขยาย สร้างโอกาสการเรียนรู้ให้คนในสังคมไทย…ตรงนี้ครับก็คือ Structural Capital ครับ…

…..

จากนั้นผมตั้งข้อสงสัยว่า..ตอนนี้เราก็บวชเรียนแล้ว เราเห็นคุณค่าของธรรมะ..มากๆ…เราจะทำยังไง ผมจะเติมเต็มพันธกิจของ AI Thailand อย่างไร…มันจะไปแทรกตรงไหง..หรือต้องสร้างอะไรเพิ่ม ที่สุดดร.กิตติก็แนะนำครับ…พี่โย…Spiritual Capital (สปิริชวลแคปปิตอล) ไงพี่..ตอนนี้พี่โยก็ทำอยู่แล้วในพันธกิจที่สี่ คือสละ…นี่คือความเมตตา 

ได้คำตอบครับ…ความรู้นี้ ผมว่าไม่พอแล้วครับ…องค์กรจะเก่งได้ไม่ใช่แค่ Human Capital Social และ Structural Capital เท่านั้นครับ…เราต้องมีเพิ่มมาอีกตัวคือ Spiritual Capital ใส่ทุนด้านจิตวิญญาณไปด้วย… ใช่ครับ…ความรู้เรื่องนี้สำคัญ ความรู้เรื่อง Intellectual Capital มาจากสายทุนนิยมแบบเต็มๆครับ..สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อาจนำไปสู่การ “เอาเปรียบ” ชาวโลกก็ได้ครับ..เรามาใส่ Spiritual Capital ทุนด้านจิตวิญญาณ (เอาแนวคิดศาสนาไหนก็ได้ครับ ที่คุณนับถือ ใส่ไปในองค์กรของคุณ) 

คราวนี้ด้วยการจุดประกายของท่านดร.กิตติ ต่อยอดเป็น Intellectual Capital ต้องมี Human Capital, Social Capital, Structural Capital และ Spiritual Capital  (© 2012 Pinyo Rattanaphan and Kitti Manokhoon) 

แน่นอนครับ…ตอนนี้เรามีพันธกิจที่สอดคล้องกันแล้วครับ…เราไม่ได้สร้างความได้เปรียบ เพื่อไปเอาไปเอาเปรียบใคร…เราสร้างการให้ เพื่อการให้ครับ…ตรงนี้แหละที่เป็นทุนสำคัญที่สุดขององค์กรครับ…

ผมบอกท่านดร.กิตติว่า..ปีนี้ AI Thailand เราครบห้าปีของการก่อตั้งครับ..เราไม่มีเงิน เราไม่มีอำนาจอะไร..แต่เรากลับภูมิใจ..เราอยู่เบื้องหลังคนดีๆ..ที่ไปสร้างสรรค์อะไรดีๆ..ให้กับตนเอง ครอบครัว องค์กร สังคม จำนวนมาก ไม่จำกัดแค่ประเทศของเราแล้วด้วยครับ

ขอบคุณท่านอาจารย์ดร.กิตติสำหรับข้อคิดเห็นที่ปลดล๊อก และสร้างคุณค่า.สร้างทิศทางใหม่ให้เครือข่าย AI Thailand นะครับ..


หมายเลขบันทึก: 510317เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2012 10:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 19:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอขอบพระคุณ ดร.ภิญโญ สำหรับแนวทางการ 'สร้าง สาน สลัก สละ' ที่มีความลึกซึ้ง และเป็นผล แก่พวกเรา... ขอบพระคุณครับ ..._^

ยินดีที่ได้รู้จักกับสหายทางธรรมครับ..ดร.กิตติ..

ขอบคุณสำหรับแนวคิดที่นำไปสู่การต่อยอด อย่างสร้างสรรค์เสมอครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท