*ประเภทของกรรม ๑๖ ประเภท*
ประเภทของกรรมตามคำสอนทางพระพุทธศาสนา แบ่งเป็น ๔หมวดๆ ละ ๔ ประเภท รวม ๑๖ ประเภท ได้แก่
๑.หมวดกิจจะจตุกกะ คือ
กรรมว่าโดยหน้าที่ มี ๔ ประเภท ได้แก่
๑.๑ชนกกรรม คือกรรมมีหน้าที่ยังวิบากให้เกิดสัตว์โลกทั้งปวงย่อมเกิดด้วยอำนาจของชนกกรรมแต่ละชาติที่เกิดภายใต้กฏแห่งชนกกรรมเป็นพนักงานตกแต่งให้เกิดทั้งหมด
๑.๒อุปัตถัมภกกรรม คือกรรมมีหน้าที่อุปถัมภ์ค้ำชูกรรมอื่นเป็นกรรมที่เข้าไปอุปถัมภ์กรรมของสัตว์ที่เกิดแล้วเมื่ออำนาจของชนกกรรมนำปฏิสนธิแล้วอุปถัมภกกรรมก็เข้าทำหน้าที่อุปถัมภ์ให้ได้รับทุกข์หรือสุขหรืออกุศลกรรมหรือกุศลกรรมให้มีพลังมากยิ่งขึ้น
๑.๓อุปปีฬกกรรม
คือกรรมมีหน้าที่เบียดเบียนกรรมอื่นเข้าไปทำร้ายหรือบีบคั้นกรรมอื่นที่มีสภาพตรงกันข้าม ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศลเป็นผลให้กรรมฝ่ายตรงกันข้ามอ่อนกำลังลงเสื่อมลง
๑.๔อุปฆาตกกรรม
หรืออุปัทเฉทกกรรม คือมีหน้าที่เข้าไปตัดรอนกรรมอื่นที่มีสภาพตรงกันข้ามได้อย่างเด็ดขาดและรวดเร็วเป็นปัจจุบันทันด่วนยิ่งกว่าอุปปีฬกกรรม
ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศลเป็นผลให้เจ้าของกรรมได้รับผลทันทีทันใด
๒.หมวดปากะทานปริยายะจตุกกะ คือ
กรรมว่าโดยลำดับการให้ผล มี ๔ ประเภท ได้แก่
๒.๑ครุกรรม คือกรรมหนักซึ่งมีอำนาจให้ผลเป็นลำดับแรกก่อนกรรมทั้งหลายไม่มีกรรมใดจะมีพลังมาขวางกั้นผลแห่งครุกรรมนี้ได้เลยซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล
๒.๒อาสันนกรรม คือ
กรรมที่ให้ผลเวลาใกล้ตายซึ่งมีอำนาจให้ผลเป็นอันดับสองรองจากครุกรรมจะชักนำบุคคลเจ้าของกรรมให้ได้รับผลโดยไม่เนิ่นช้า
๒.๓อาจิณณกรรม หรือพหุลกรรม คือ กรรมที่ทำบ่อยๆเนืองๆ ให้ผลเป็นลำดับสาม ถ้าไม่มีครุกรรมและอาสันนกรรม กรรมนี้จะให้ผลเพราะเป็นกรรมที่กระทำบ่อยๆ สั่งสมไว้ในสันดานมากๆ ย่อมจักได้โอกาสให้ผลในชาติต่อไปทันที
๒.๔กตัตตากรรม คือ
กรรมที่สักแต่ว่ากระทำ มีอำนาจให้ผลเป็นลำดับที่ ๔
ซึ่งเป็นกรรมที่ผู้กระทำไม่ตั้งใจ ไม่มีเจตนา เป็นสักแต่ว่ากระทำลงไป
เป็นกรรมที่มีพลังน้อยที่สุด แต่ก็ย่อมมีโอกาสให้ผล
ในบรรดาสัตว์ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสารนี้
ที่จะได้ชื่อว่าไม่มีกตัตตากรรมเป็นอันไม่มี
๓.หมวดปากะกาลจตุกกะ คือ
กรรมว่าโดยเวลาที่ให้ผล มี ๔ ประเภท ได้แก่
๓.๑ ทิฐธรรมเวทนียกรรม คือ
กรรมที่ให้ผลในชาติปัจจุบันเป็นกรรมที่ให้ผลรวดเร็วปัจจุบันทันด่วน
ไม่ต้องไปรอรับผลชาติหน้าหรือชาติไหนๆ
ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เป็นกุศลและอกุศล
๓.๒ อุปปัชชะเวทนียกรรม คือ
กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า
เป็นกรรมที่ให้ผลช้าเป็นที่สองรองจากทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
๓.๓ อปราปริยะเวทนียกรรม คือ
กรรมที่ให้ผลในชาติต่อๆ ไปเป็นกรรมที่ให้ผลช้ารองจาก ๒ ข้อแรก ย่อมให้ผลในชาติที่ ๓
เป็นต้นไป ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล
๓.๔ อโหสิกรรม คือ
กรรมที่สำเร็จแล้วไม่มีโอกาสให้ผล
เพราะทิฏฐธรรมเวทนียกรรมอื่นมีพลังสูงกว่าชิงส่งผลให้เสียแล้วจึงกลายเป็น
กรรมที่หมดประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกุศลหรือฝ่ายอกุศล
๔.หมวดปากะฐานจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยฐานะให้ผล มี ๔ประเภท
ได้แก่
๔.๑ อกุศลกรรม คือ
กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในอบายภูมิ ๔ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย
สัตว์เดรัจฉาน
๔.๒ กามาวจรกุศลกรรม คือ
กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในสุคติภูมิ๗ ได้แก่ มนุษย์และสวรรค์ ๖ ชั้น
๔.๓ รูปาวจรกุศลกรรม คือ
กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในรูปพรหม ๔ ชั้น
๔.๔ อรูปาวจรกุศลกรรม คือ
กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในอรูปพรหม ๔ ชั้น
ขอจ งพิจารณาดูเถิดว่า
เราเกิดมาในชาตินี้ด้วยกรรมอะไรอดีตกาลที่ผ่านมาและในปัจจุบันเราประสบการณ์
ที่ดีและร้ายด้วยอำนาจแห่งกรรมอะไร
หากจะพิจารณาด้วยปัญญาก็จะทราบชัดถึงกรรมของตนเองได้เป็นอย่างดี
เพราะเหตุว่าสัตว์โลกทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน
ย่อมจักหนีกรรมไม่พ้นไม่กรรมใดก็กรรมหนึ่งแน่นอนตราบเท่าที่ยังว่ายวนอยู่ใน
สังสารวัฏ
ไม่มีความเห็น