บันทึกจากเถียงนาน้อย


บันทึกจากเถียงนาน้อย

        อาทิตย์ที่แล้ว ผมบอกคุณครูนิรุตว่า ข้าวในนาของเราไม่ได้ผลนะ น่าจะมีอุปสรรคปัญหาอะไรสักอย่าง ที่เราน่าจะศึกษาเรียนรู้ไว้เป็นบทเรียน เพื่อปีหน้าเราจะได้แก้ไขปรับปรุง คุณครูช่วยทำเป็นบันทึกสรุปรายงานให้ผมด้วย...คุณครูนิรุตเขียนบันทึกการทำงานในแปลงนาใกล้ๆกับเถียงนาน้อยมาให้ผม น่่าสนใจมากทีเดียว ลองติดตามดูนะครับ

         โรงเรียนบ้านหนองผือจัดให้มีการสาธิตการทำนาแบบนาโยนในแปลงนาของโรงเรียน เริ่มขั้นตอนแรกเตรียมดินโดยใช้รถไถ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ เพื่อตากดิน วันที่ ๑๓ มิถุนายน นำเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่แช่น้ำ ๒ คืน นำมาวางไว้ ๑ คืน มาหยอดลงถาดเพาะ หลุมละ ๓ เมล็ด ใช้ดินจอมปลวกผสมกับดินร่วนกับน้ำให้เข้ากันกลบทับที่หลุมหยอดเมล็ด นำไปไว้ที่เรือนเพาะชำ ๓ วัน เมล็ดเริ่มงอก จากนั้นนำออกมาไว้ที่กลางแจ้งรดน้ำเช้าเย็น จนต้นกล้าอายุ ๑๕ - ๒๐ วัน  นำไปโยนที่แปลงนา

           วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ เตรียมแปลงนาปรับผิวดินให้สม่ำเสมอ นักเรียนชั้นอนุบาล ๑ ถึงชั้นป.๖ ช่วยกันโยนกล้าลงแปลงนา พร้อมด้วยคณะครูและศึกษานิเทศก์ร่วมด้วยช่วยกันอย่างสนุกสนาน จนมองเห็นต้นกล้าเต็มแปลงนา   ๓ วันต่อมา ต้นกล้าดีดตัวตั้งตรง ต้นข้าวพออายุได้ ๒๓ วัน ลำต้นจะสูงราว ๒๐ - ๒๒ เซนติเมตร ลำต้นอวบใหญ่ มองเห็นชัดเจนมากขึ้น ระบบรากแข็งแรงยึดผิวดินได้ดีเป็นลำดับ เป็นเพราะการโยน กล้าทำให้รากต้นข้าวหาสารอาหารบนผิวดินได้ง่าย การแตกกอมองเห็นชัด นักเรียนช่วยกันกำจัดวัชชพืชในแปลงนา

             พอต้นข้าวอายุได้ ๔๒ วัน เกี่ยวใบข้าวส่วนยอดทิ้ง เพื่อเพิ่มจำนวนเมล็ดในแต่ละรวง ป้องกันการระบาดของเพลี้ย ลดการต้านแรงลม ช่วงนี้ข้าวสมบูรณ์ดีมาก นักเรียนฉีดพ่นสารสกัดจากใบสะเดาไล่แมลงและเพลี้ย ฉีดพ่นทุก ๗ วัน

             สิงหาคม ข้าวอายุ ๖๑ วัน ความสูง ๙๐ - ๙๕ เซนติเมตร การเจริญเติบโตทางใบจะลดลง ไม่มีการแตกกอ แต่เริ่มต้นใหญ่ขึ้นและแข็งแรงเป็นข้อปล้อง นักเรียนใส่ปุ๋ยชีวภาพที่ทำขึ้นเองจากกากแก๊สชีวภาพ เดือนกันยายน เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ต้นข้าวออกอาการไม่สู้ดี ต้องให้ผู้ปกครองมาช่วยสูบน้ำเข้าแปลงนา ทำให้ต้นข้าวฟื้นตัวอีกครั้ง แต่เนื่องจากแปลงนาของชาวบ้านที่อยู่ติดกันแห้งแล้งและทำนาช้ากว่าโรงเรียนราว ๑ เดือน จึงทำให้เพลี้ยเริ่มลงแปลงนาของโรงเรียน แม้จะมีการป้องกันจากการฉีดสารสกัดจากสะเดาแล้วก็ตาม เป็นปัญหาที่พบจากกิจกรรมทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ ที่เหลือข้าวรอดจากเพลี้ยเพียง ๑ ใน ๕ของพื้นที่ ซึ่งตอนนี้ข้าวออกรวงสุกเหลืองแล้ว

             สำหรับแนวทางปรับปรุงในปีต่อไป ต้องมีการปรับพื้นที่นาในเรียบสม่ำเสมอกว่านี้ กำจัดวัชชพืชและแมลงในแปลงนาเสียก่อน บำรุงดินด้วยการปลูกพืชคลุมดิน ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมกับพันธุ์ข้าว คือเดือนสิงหาคม ในส่วนของนักเรียนต้องมีการสอนแนะเกี่ยวกับการทำนาก่อนปฎิบัติจริง เพิ่มความสังเกต จดบันทึก และควรมีแผนรองรับ สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพื่อการพัฒนากิจกรรมในปีต่อๆไป

              ......ครับ ขอบคุณคุณครูนิรุตมาก ที่สามารถนำนักเรียนเข้าสู่กระบวนการภาคปฏิบัติมาตลอด ๓ - ๔ เดือน แม้ไม่ประสบความสำเร็จตามแผนงานที่มุ่งหวัง แต่ทุกคนก็มีความรู้สึกที่ดีๆให้กัน บนพื้นฐานของความรักความเข้าใจ...แน่นอน ในเชิงธุรกิจอาจมองว่าปีนี้ขาดทุนก็ได้ แต่ความรู้สึกข้างในลึกๆ..กำไรเห็นๆเลย จริงๆนะครับ


                            



หมายเลขบันทึก: 508198เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2012 20:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน 2013 21:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • ใช่จ้ะ ทุก ๆ คนได้ความรู้ ได้ประสบการณ์ คือกำไรทั้งหมดจ้ะ
  • เห็นด้วยกับอาจารย์คะว่าได้กำไร
  • แม้ไม่ได้ข้าวเลยก็ยังได้กำไรอยู่ค่ะคือเด็กได้เรียนรู้ก็ถือว่าเป็นกำไรแล้วค่ะ
  • ชื่นชมกิจกรรมของโรงเรียนอาจารย์ค่ะ

แวะมาชมด้วยคนค่ะ

ขอชื่นชมกิจกรรมดีๆ นะคะ

ไม่ถือว่าขาดทุนครับ ถือว่าได้เรียนรู้กับเรื่องที่ผิดพลาด ครั้งหน้าจะได้ปรับปรุงใหม่ ขอบคุณครับ

ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ท่านผู้อำนวยการคงมีหนทางทำให้กายลำบากน้อยลงได้ ผมขอเอาใจช่วย

เอามาให้กำลังใจท่าจะเหมาะกับท่าน ชยันต์ 555555555

กลับมาดูอีกรอบ เอ้า ชลัญมือเร็วไปนิดสสส์   ขอโทษนะ ตัวนี้ท่านคงคุ้นแล้วน่ะ  เอาตัวที่ไม่ค่อยคุ้นดีกว่า  น่าจะชอบ   อิ อิ อิ 

เรียนท่านผอ.

  • คุณยายเป็นคนแปลกอยู่อย่างหนึ่งค่ะ คือ ไม่เคยวัดกำไรขาดทุนด้วยเงิน แต่วัดที่ความพึงพอใจค่ะ อย่างคุณยายจะทานกาแฟ ก็ขับรถไปซื้อที่ปั๊ม ระยะทาง 3 กม.ค่ะ ที่ร้านก็มีกาแฟขาย แต่ไม่ใช่กาแฟสด คุณยายชอบกาแฟสดมากกว่าค่ะ มีคนเคยถามคุณยายว่า " มันคุ้มไหมกับการที่ต้องขับรถไป เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินที่มากกว่า " คุณยายบอกว่า " คุ้ม !" เพราะเราพอใจค่ะ
  • อย่างกรณีที่อาจารย์เล่ามา เรามีความสุขที่ได้ทำ ก็ถือว่า คุ้มเกินคุ้ม แล้วค่ะ

 

ท่าน ผอ. ชยันต์ .... ลูกสาว คนเล็ก ..MASATO  YU .... เขา ...จะเอาหนัง สือการ์ตูน .... ประเภท

 

  1. ขายหัวเราะ ....ความฮา..ของสามัญประจำ บ้าน....

  2. หนูหิ่น ..อินเตอร์... เรื่องพฤติกรรม ... ของคนๆๆหนึ่ง ....สนุกดีนะคะ

  3. การ์ตูน...มหาสนุก...นะคะ ....

 

จะส่งไปให้ท่าน 90 เล่ม นะคะ  ไปให้ เด็กๆๆ ได้อ่าน  .... ท่าน ผอ. อนุญาติ...ไหมค่ะ??? ... หมอเปิ้น ...ต้องขอหารือ ก่อนนะคะ  

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท