พอเอ่ยว่าทำงานเป็นทันตแพทย์ ทันตาภิบาล ทันตบุคลากร นักวิชาการสาธารณสุข พยาบาล ฯ ผู้คนทั่วไปก็จะมองว่าทำงานเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย บำบัดรักษาผู้ที่มีปัญหา มีความเจ็บปวด มีโรคเกิดขึ้นแล้ว
เป็นมุมมองคุ้นชินจากสังคม ตั้งแต่มีคณะทันตแพทยศาสตร์ผลิตทันตแพทย์ให้ประเทศไทย ซึ่งก็ยังเป็นหน้าที่หลักที่ผู้ประกอบวิชาชีพทางทันตกรรม ต้องดำเนินการตรวจ วินิจฉัย รักษาคนไข้ให้มีชีวิตคืนกลับมาปกติ ไม่เจ็บ ไม่ไข้ ไม่ป่วยอีกต่อไป
หรือใช้ชีวิตอยู่คู่กับโรคได้อย่างปกติสุข ปฏิบัติตัวอย่างเข้าใจตามสภาวะที่จะรักษาใจให้สุขสบาย เข้าสังคม มีอิสรภาพ มีความคิด มีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง
ไม่ใช่ถูกกักขังแค่ว่าป่วยทางกายแล้ว จิตใจ ความคิด จิตวิญญาณถูกกักขังไปด้วยเสียหน่อย
^_,^
งานบริการทันตกรรม บำบัดรักษาอาการเจ็บป่วย บริการทันตกรรมบางอย่างเพื่อป้องกันการเกิดโรค มีคุณค่าต่อคุณภาพชีวิตของเรา
การเคี้ยวอาหารได้ดี อยากกินอะไรก็ได้กิน กินอะไรก็อร่อย พูดออกมาก็ชัดเจน ไปงานเลี้ยงรุ่นก็ไม่อายเพื่อนฝูงที่ฟันหลอ แก้มตอบ กล้ายิ้มอย่างมั่นใจ ไม่มีกลิ่นปาก ไปทำงาน ไปทำไร่ทำนาได้ตามปกติ ไม่เสียเวลาจากการเกี่ยวข้าว เพื่อมาทำฟัน
ยังมีบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขกลุ่มหนึ่ง เห็นคุณค่าการพัฒนาสุขภาพช่องปากประชาชน การพัฒนาคุณภาพชีวิต เชื่อมโยงสู่การพัฒนาชุมชน
ด้วยจำนวนอาจจะยังไม่มากนัก แต่พลังความมุ่งมั่น ที่สัมผัสได้จากการประชุมเชิงปฏิบัติการเพิ่มศักยภาพงานทันตสาธารณสุขในชุมชน จัดโดยสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ที่จังหวัดเชียงใหม่......พลังล้นเหลือจริง ๆ
อาจจะต่างเส้นทางเดิน แปรตามสภาพภูมิศาสตร์ สภาพแวดล้อม ติดทะเล บนดอยสูง ที่ราบสูงแห้งแล้ง ป่าเขียวขจี เมืองใหญ่ตึกระฟ้า สภาพสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ภูมิสังคม บริบทสุดแดนเหนือ จรดภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคกลาง กระทั่งอีสานขวาสุด
จนกระทั่งวินาทีนี้ ดีใจที่ได้มาเข้าร่วมกระบวนการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา เปิด ๒ หัว ทั้งหัวสมองและหัวใจ
เห็นผู้เข้าร่วมกระบวนการสดชื่น ตื่นตัว แววตากระตือรือร้น สวมหัวใจนักเรียนรู้อย่างเต็มเปี่ยม
ในห้วงขณะพักใจสงบนิ่งอยู่กับตัวเอง ก็ให้ความรู้สึกนิ่งอย่างมีพลัง
ความคาดหวังของผู้เข้าประชุมที่จะได้มาผ่อนคลายสบายใจในเมืองเชียงใหม่ ได้พบเพื่อนใหม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้งานสร้างเสริมสุขภาพช่องปาก ได้มาเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง ได้เป็นคนรับรู้ ได้เติมไฟ จุดความฝันร่วมกัน พัฒนาตัวเอง พัฒนางาน พัฒนาชุมชน ส่งเสริมความสุขของสาธารณชน
พรุ่งนี้วันสุดท้าย...จะได้ทราบแน่นอน
^_,^
เพียง ๒ วันผ่านมา จากการสังเกตน่าจะบรรลุเกินร้อยละ ๘๐ แล้ว
แล้วมาดูรายละเอียดกันนะคะ การจัดกระบวนการเรียนรู้ครั้งนี้มีกิจกรรมย่อย ๆ อะไรบ้าง ความเชื่อมโยงของกิจกรรมเล็ก ๆ กิจกรรมยาว ๆ เช่น เจ้าตัวเล็ก (ลิขสิทธิ์ ดร.ขจิต ฝอยทอง) ตลาดนัดวิชาการ (Flea market) World café การเสวนาเรื่องเล่าจากดอยสูง การตกผลึกความคิดโดยไม่ใช้สารส้ม ฯ จะได้ผลการเรียนรู้เป็นอย่างไรบ้าง
พบกันใหม่ตอน ๒ นะคะ
หลับฝันดี Happy ba ค่ะ
^_,^
ชอบใจจังเลย 2 หัว สมอง และ หัวใจ
เยี่ยมจริงๆๆ ค่ะ ..... ท่านอจ . สบาย ดีนะค่ะ
เริ่มหนาวแล้ว นะคะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
เรียนคุณหมอ ..ทั้งทพ และทพญ.รอติดตามเรียนรู้ตอนต่อไป
ขอให้กำลังใจทุกท่านค่ะ..ร่วมใจกันเพื่ออยู่ดีมีสุขนะคะ
...Dr. Ple |
จะเรียนรู้ให้สนุกสนาน ได้ทั้งสาระและความสุข ต้องเปิดทั้ง ๒ หัว ในบรรยากาศผ่อนคลาย สบาย ๆ
ไปเชียงใหม่กลับมา มีความสุขมากค่ะ
อากาศกำลังดี สุขภาพใกล้กลับมาปกติแล้วค่ะ ยังระคายคอนิดนึง ไอเล็กน้อยเมื่อพบห้องแอร์เย็น ๆ
ขอบคุณ P'Ple มากค่ะ
ชอบข้อความ "ทำงานด้วยสองหัว-หัวสมองและหัวใจ"
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์ที่เคารพ
ขอบคุณค่ะ คุณหยั่งราก ฝากใบ
หยั่งราก ฝากใบ |
คนสายวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่จะชอบเปิดหัวสมองก่อน ต้องมีกระบวนการเรียนรู้ให้ค่อย ๆ เปิดใจควบคู่ไปด้วยบ่อย ๆ จนคุ้นชิน ทั้งในการทำงานและใช้ชีวิตไงคะ
ชีวิตจึงจะสุขสมดุล