ต่อจากนั้นเป็นการรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ 3/2555 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2555 รายงานการประชุมจัดทำเป็นตาราง 3 คอลัมน์ ช่องแรกเป็นส่วนของระเบียบวาระ/เรื่อง ช่องที่ 2 เป็นมติที่ประชุม และช่องที่ 3 เป็นผู้รับผิดชอบ เนื้อหาของรายงานกระชับและชัดเจนดี ทำให้รู้ว่ามีใครทำอะไร อย่างไร ดังนี้
เรื่องเพื่อพิจารณามี 3 เรื่องคือ
ผลการดำเนินงานการประเมินผลการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูงฯ
พ.อ.(พิเศษ) ผศ.ดร.นพ.ราม รังสินธุ์ เป็นผู้นำเสนอ
การประเมินผลการดูแลฯ ดำเนินการเป็นปีที่ 3 แล้ว ปีนี้เก็บข้อมูลจากโรงพยาบาลจำนวน 602 แห่ง ทั้ง รพช. รพท. รพศ. และ รพ. ในเขต กทม. เป็นการศึกษาแบบตัดขวาง ไม่มีการติดตาม เก็บข้อมูลจากเวชระเบียน ระยะเวลาการเก็บข้อมูล พฤษภาคม-กรกฎาคม 2555 บันทึกผลตาม TCEN จำนวน 19 รายการ และตัวชี้วัดผลลัพท์การให้บริการตามมาตรฐานการดูแลรักษา HT โดย สปสช. จำนวน 6 รายการ ผู้ป่วย 61,709 ราย (รวม 3 ปี เท่ากับ 174,578 ราย)
ข้อค้นพบที่น่าสนใจ อาทิ
มีรายละเอียดอีกเยอะมาก ทั้งผลการวิเคราะห์ตัวชี้วัดเปรียบเทียบ 3 ปี วิเคราะห์จำแนกตามเขต สปสช. จำแนกตามจังหวัด...
กำลังมีการพัฒนาโปรแกรม DAMUS ที่คนอื่นสามารถเข้าไปใช้ได้ ต้นทุนการเก็บข้อมูลไม่สูง แต่ประโยชน์มีมาก เช่น ใช้ในการพัฒนา system manager พัฒนาศักยภาพคนทำงาน พัฒนาโปรแกรมใหม่ๆ ของ กสธ. พัฒนา CPG ใหม่ๆ
รศ.นพ.สมพงษ์ สุวรรณวลัยกร มีความเห็นว่าการตรวจ A1C 1 ครั้ง/ปี แล้วได้ 79% ถือว่าต่ำ เพราะเรื่องการตรวจ A1C อยู่ใน guideline ทั่วโลกมาแล้วกว่า 15 ปี…คนที่มี A1C <7% มีประมาณ 30% ถือว่าน้อย และคนอายุน้อยควรคุมได้ดีกว่านี้ เพราะยังมี lifespan อีกยาว และของ รพช. ควรจะดีกว่า รพศ. (เพราะผู้ป่วยที่มีปัญหาถูกส่งเข้ามามาก) ต้องบอกว่า A1C ของอะไร (การตรวจ) เป้าหมาย A1C ควร individualize ถ้าจะเอา A1C เป็นตัวตัดสิน ควร standardize ที่ทำไม่ได้เพราะไม่มีเจ้าภาพและไม่มี reinforcement
ผศ.นพ.สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์ บอกว่าวิธีการวัด BP เครื่องที่สอดแขนเข้าไป เอาไว้ screen ไม่ใช่เพื่อการวินิจฉัย...ใน HT ควรใช้ HDL และรอบเอว เพราะบ้านเรามี metabolic syndrome เยอะ
ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ บอกว่าเรามี data ของคนไทยเยอะ จะทำให้เราไม่ต้องไปพึ่งของต่างชาติ ถ้าเรามี data ของคนไทยจะดีกว่าไปใช้ของฝรั่ง … guideline ที่ rigid เดี๋ยวนี้ individualize แล้ว... A1C ที่ลดต่ำ 7% ตอนนี้ทั้งของยุโรปและอเมริการกลายเป็น individualize แล้ว… ต้อง create awareness... เรื่อง instability ของ A1C เราใช้มาตั้งแต่ very unstable จนเข้าเครื่อง automate น้ำยาจากบริษัทใหญ่ๆ เดี๋ยวนี้ standardize หมดแล้ว… เรื่อง BP ต้องเน้นว่าต้องวัดที่บ้าน train อสม… บุหรี่เป็นเรื่องที่โดนลืม ต้องใส่ลงไป มี awreness เยอะ แต่ treatment ไม่มี ... ตา แต่ก่อนเคยใช้กล้องโพลาลอยด์ เดี๋ยวนี้เป็น digital จึงส่งทาง email ได้ ปัญหาน้อย เริ่ม train พยาบาลออกไปทำ... train แพทย์ทั่วไปให้ screen เหลือผู้ป่วยจำนวนไม่มากที่ต้องถึงหมอตา…ไขมัน HT ยาดีขึ้น โรคดีขึ้น
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ ขอบคุณเครือข่ายวิจัยฯ ที่ทำเครื่องมือขึ้นมาและต้องพัฒนาต่อไป เป็นชุดข้อมูลที่มีความต่อเนื่อง เห็นความเปลี่ยนแปลง และทันเวลา สปสช. จะส่งข้อมูลนี้ไปยังทุกจังหวัด งานต่อที่จะทำจะจัดเวทีวิชาการ discuss กันลงลึก เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
ศ.นพ.ปิยะทัศน์ ทัศนาวิวัฒน์ อยากจะ challenge ราชวิทยาลัยฯ เอาข้อมูลไปดูได้ เป็น public assets ต้อง monitor change
วัลลา ตันตโยทัย
ไม่มีความเห็น