คนดังคนรวยทั้งระดับประเทศระดับระดับโลก จะต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะยังคงสามารถทำเรื่องราวที่ยากได้ นั่นก็คือเขาทำในเรื่องราวที่ยากและบางครั้งก็เป็นเรื่องต้องห้ามได้สำเร็จเหนือคนอื่น โดยยังคงสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างดี และนี่ก็คือการทำตามฝันและเขาก็ทำฝันที่เป็นจริงได้สำเร็จอีกด้วย จึงนำมาซึ่งความร่ำรวย
ความร่ำรวยนี่ในมุมมองของคนดังน่าจะมีความหมายคล้ายกันคือ มีเงินมากมายหากเปรียบเทียบกับการทำงานรับราชการนี่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดและไม่ใช้เงินจำนวนนั้นเลยทั้งชีวิต เงินจำนวนนั้นก็ยังไม่เรียกว่ารวยหรอก ใช่ไหม
ความรวยของคนรวยมันเป็นการไหลมารวมกันของสายธารเงินตรา ซึ่งหลั่งไหลมาจากทุกทิศทุกทางมาสู่ตัวเศรษฐีนั่นเอง
ส่วนกรรมวิธีของการสร้างสายธารนั้นเขาก็ไม่สนใจรายละเอียด ขอให้มีการไหลมาได้อย่างที่ตั้งใจ พอใจเป็นพอ
ซึ่งโดยปกติก็คือ การใช้ทรัพยากรทุกอย่างของคนอื่นทั้งหมด แต่กำไรนะเรารับก็แค่นี้เองนะ
จากการไล่เรียงเรื่องราวมาก็เพื่อจะทำความเข้าใจนะครับ จากจุดนี้เราก็จะเห็นได้ว่างานที่เราทำอยู่อย่างทุกวันนี้เป็นได้ก็แค่การเลี้ยงชีพเท่านั้นเอง
และถ้าเราต้องการจะเป็นคนรวย คนที่ได้รับความเชื่อถือมีหน้ามีตา นั้นเราจะต้องทำสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาให้ได้อย่างเขาเหล่านั้น หากทำไม่ได้ก็ไม่รวย มันก็ตรงไปตรงมา หรือหากเราต้องการเป็นผู้นำ เป็นผู้แทน เป็นหัวหน้าใหญ่ ตำแหน่งเหล่านี้ก็เหมือนกับความรวยเช่นกัน ฉะนั้นหากเราจะต้องแข่งขันหรือแย่งชิงกันมันต้องมีทีเด็ด ต้องมีสิ่งที่คนปกติทำไม่ได้ หรือเรียกให้ถูกก็คือพรสวรรค์(ใจถึงพึ่งได้)นั่นเอง
หากเราสร้างตัวด้วยความสุจริตเก็บออมเงินได้มากกว่าคนโดยรวมห้าสิบหรือร้อยเท่าของรายได้คนส่วนใหญ่คนหนึ่งที่เก็บมาทั้งชีวิตนี่ก็ไม่ได้ประกันว่า เป็นคุณสมบัติที่จะได้รับความเชื่อมั่น จนฝากความหวังได้ของกลุ่มผู้ต้องการพึ่งพานะ ฉะนั้นกความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จึงมีเหตุมีผลของมันเอง มีเงื่อนไขที่เป็นธรรมชาติของมัน ฉะนั้นการที่เราเติบโตจากการเก็บออมมานั้น เรามีหลักปฏิบัติที่ยึดมั่นความประหยัด คุ้มค่า ใช้น้อย เป็นหลัก การใช้จ่ายเงินเพื่อต่อเงินนั้นเราจะไม่สามารถคิดออกมาได้เลย อาจจะด้วยความเคยชินหรืออะไรก็แล้วแต่ หากแต่ว่าแบบนี้มันเป็นการขาดคุณสมบัติของเศรษฐีไปโดยอัตโนมัติ คล้ายกับตอกย้ำว่าลูกคนจนไม่สามารถเป็นคนรวยได้อะไรประมาณนั้น
มีตำราหลายเล่ม คณาจารย์หลายท่านก็ได้ทำหลักการต่างๆไว้ เพื่อง่ายต่อการสร้างเศรษฐีคนใหม่ หากแต่การปฏิบัตินั้นมันต้องใช้เดิมพันทั้งชีวิต มันหมายถึงความล้มเหลวหรือสำเร็จอะไรประมาณนั้น โดยปกติชีวิตคนเรา ยิ่งคนเคยจนมาด้วยกลัวนักหนาเลยเจ้าภาวะยากจน เข็ดขยาดและเราก็เลือกการทำแบบอาชีพหลักข้าราชการอาชีพอื่นเสริม อย่างนั้น ซึ่งมันก็ทำได้นิดหน่อยไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
จากตรงนี้ การจะไปต่อในการสร้างความร่ำรวยหรือก้าวหน้าในหน้าที่การงานนี่ต้องเข้าใจ และต้องใช้เงินต่อเงินให้ได้ ไม่งั้นก็ติดอยู่ที่เดิม ยิ่งการก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับสูงนั้นซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายด้วยแล้ว นี่ต้องตอบแทนนะ หากเอาแต่ความจริง ขยันทำงาน ทำความดีตอบแทนนั้น ก็ทำได้ ความสำเร็จจะก็เกิดขึ้นแบบธรรมชาติ เช่นตามลำดับความอาวุโส ตามผลการสอบแข่งขัน เป็นต้น การได้หัวหน้าแบบนี้อาจจะพ่วงเอาความสำเร็จที่ด้อยตามมาด้วย ตรงนี้เป็นบทเรียน ทางผู้เลือกจึงได้พัฒนา รูปแบบการเลือกขึ้นมา
และที่น่าสนใจก็คือในทุกการแข่งขัน คู่แข่งนั้นอาจจะขาดคุณสมบัติในบางเรื่องราวไป อาทิ ความอาวุโส ความรู้ .. และด้วยกติกาขององค์กร หน่วยงาน เขาต้องการคนที่ดีที่สุดที่เขาพอใจที่สุด เขาต้องการคนที่เขาไว้ใจ เชื่อมั่นว่าสามารถทำให้องค์กรของตัวเขานั้นประสบความสำเร็จได้ มีกำไรเพิ่มขึ้น ถ้าผู้สมัครคนใดให้ความมั่นใจแก่เขาได้ เขาก็พร้อมจะเสี่ยงแล้วเดินไปด้วยกัน ฉะนั้นตรงนี้ คนที่ได้รับเลือกก็คือคนที่สร้างความพอใจให้กับผู้เลือกมากที่สุดนั่นเอง
หากเราไล่เรียงความเป็นมาแบบนี้ ความน้อยใจในการไม่ได้รับการคัดเลือกนั้นจะบรรเทาลงอย่างมาก เนื่องจากความเป็นไปในสังคมนั้นล้วนมีเหตุมีผลของมัน มองดูดีดีก็จะเห็นว่า ไม่ได้มีอคติ ความลำเอียงใดๆ ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ที่แท้ด้วยซ้ำไป
เรื่องธรรมดาอ่ะครับ