การจัดการเรียนรู้แบบแก้ปัญหาโดยใช้สารสนเทศ หรือ แบบ Big Six Skills พัฒนาโดย ไมเคิล ไอเซนเบอร์ก และโรเบิร์ต เบอโกวิทซ์ เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนแก้ปัญหาโดยใช้สารสนเทศ ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการค้นหา รวบรวม สังเคราะห์ นำเสนอและประเมินผลสารสนเทศ ต่างจากรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบอื่นๆ ที่ไม่ได้เน้นการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการสารสนเทศ
นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนวคิดการใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาสรุปได้ว่า เทคโนโลยี ช่วยกระตุ้นความสามารถในการทำงานของผู้เรียนตลอดจนการประหยัดเวลาใจการทำงาน ซึ่งหลายโรงเรียนได้นำกระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้สารสนเทศไปประยุกต์ใช้ในการจัดโปรแกรมหรือหลักสูตรทักษะเทคโนโลยีและสารสนเทศ
กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้สารสนเทศ หรือ Big Six Skills มีแนวคิดพื้นฐานมาจากการบูรณาการระหว่างวิชาทักษะสารสนเทศ และวิชาทักษะคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ทำให้นักเรียนได้ใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างมีความหมายและพัฒนาทักษะสารสนเทศ ซึ่งได้แสดงทรรศนะเกี่ยวกับการสอนคอมพิวเตอร์ว่า “การสอนคอมพิวเตอร์นั้นไม่สามารถสอนแยกออกเป็นรายวิชาได้เพราะการสอนแบบแยกเป็นรายวิชาต่างหาก จะไม่ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้การประยุกต์ใช้ทักษะคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีความหมาย”
ดังนั้น จึงได้นำรายวิชาทั้ง 2 มาบูรณาการเข้าด้วยกัน โดยมีหลักการพื้นฐานว่าการสอนทักษะนั้นจะต้องเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่มีอยู่ในหลักสูตรเดิมโดยการมอบหมายงาน และการจัดการเรียนรู้นั้นต้องมีการจัดการอย่างเป็นระบบ (วีรเดช เชื้อนาม, 2542 อ้างอิงใน สุวิทย์ มูลคำและอรทัย มูลคำ, 2546, หน้า 63-66)
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้แบบแก้ปัญหาโดยใช้สารสนเทศ หรือแบบ Big Six Skills มีขั้นตอนต่างๆ
ดังต่อไปนี้
1. ขั้นการนิยามภาระงาน (Task Definition) เป็นการระบุปัญหาว่าคืออะไร สารสนเทศ ที่จำเป็นที่จะนำมาใช้แก้ปัญหามีอะไรบ้าง ผู้เรียนอาจจะใช้จดหมายอิเลคทรอนิกส์ (E-mail) การสนทนากลุ่มในอินเตอร์เน็ต การติดต่อสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจปัญหาให้ชัดเจนมาขึ้น พร้อมทั้งสำรวจข้อมูลที่จำเป็นที่ใช้ในการแก้ปัญหาเพื่อเป็นพื้นฐานในการทำงานขั้นต่อไป
2. ขั้นการกำหนดยุทธศาสตร์การค้นสารสนเทศ (Information Seek Strategies) เป็นการเลือกและประเมินสารสนเทศ ดังต่อไปนี้
- แหล่งสารสนเทศทางอิเลคทรอนิกส์ เช่น อินเตอร์เน็ต สารานุกรมที่เป็นซีดีรอม
เป็นต้น
- แหล่งข้อมูลอื่นๆ เช่น ห้องสมุด ผู้เชี่ยวชาญเอกสาร หนังสือ เป็นต้น
3. ขั้นการสืบค้นและเข้าถึงสารสนเทศ (Loc ion and Access) เป็นการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งสารสนเทศตามขั้นตอนที่ 2 ที่ได้กำหนดไว้แล้ว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแหล่งสารสนเทศต่างๆ เช่น ระบบเครือข่ายของห้องสมุด ดัชนีหนังสือ ซีดีรอม แหล่งสารสนเทศจากระบบแลน (Lan) ระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) และผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น ผู้เรียนจะต้องศึกษาวิธีการใช้แหล่งสารสนเทศนั้น เช่น รู้จักการใช้บัตรรายการเพื่อค้นหาหนังสือ ศึกษาการเชื่อมต่อเพื่อเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ต การใช้สารานุกรมที่เป็นซีดีรอม
4. ขั้นการใช้สารสนเทศ (Use of Information) เป็นการเรียกใช้ เก็บรวบรวม บันทึกข้อมูลสารสนเทศจากแหล่งข้อมูลที่ผู้เรียนได้ศึกษาในแหล่งนั้นๆ ในขั้นนี้ผู้เรียนจำเป็นต้องใช้วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล บันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น การ Download ข้อมูล การบันทึกข้อความหรือรูปภาพ การอ่าน การวาดภาพหรือการถ่ายภาพเพื่อบันทึกสารสนเทศ เป็นต้น
5. ขั้นการสังเคราะห์ข้อมูล (Synthesis) ขั้นนี้เป็นการรวบรวมจัดหมวดหมู่ เพื่อนำเสนอสารสนเทศที่ได้ค้นคว้ามาจำแนกพร้อมทั้งเตรียมการวางแผนเพื่อนำเสนอสารสนเทศที่ได้ค้นคว้า สามารถนำเสนอได้หลายวิธี เช่น การนำเสนอโดยการใช้โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมฐานข้อมูลและโปรแกรมตารางคำนวณ การนำเสนอผลงานด้วยโปรแกรมพรีเซนเตชั่น การสร้างโฮมเพจหรือการนำเสนอด้วยการจัดนิทรรศการ สาธิตการทำงาน เป็นต้น
6. ขั้นการประเมินผล (Evaluation) ขั้นนี้เป็นการพิจารณาผลงานที่ได้ทำขึ้นและกระบวนการในการทำงาน โดยพิจารณาว่า
- ผลงานของผู้เรียนสอดคล้องกับปัญหาหรือไม่
- ผู้เรียนมีความคิดเห็นอย่างไรต่อกระบวนการทำงาน
โดยผู้ประเมินอาจจะมีได้หลายคน คือ ในขั้นตอนของการตรวจสอบผลงานและภาระงานที่รับผิดชอบ ผู้สอนจะเป็นผู้ประเมินผล ส่วนการประเมินกระบวนการทำงานให้ผู้เรียนประเมินตนเองว่ายังมีข้อบกพร่องหรือไม่อย่างไร ควรปรับปรุงในส่วนใดบ้าง และการประเมินชิ้นงานอาจจะใช้เพื่อนในห้องร่วมประเมินผลงานและให้คะแนน
ไม่มีความเห็น