รวยแล้วโง่....กลอนสะกิดใจ จากหลานสาว ถึงลุงแก่


 

โกอินเตอร์...เรียนจากหลาน

 

            ชีวิตผมเกิดมานับว่าโชคดีอยู่ประการหนึ่ง ที่มีหลานสาวเป็นลูกเศรษฐี เลยพลอยได้มีโอกาสเรียนรู้สังคมชั้นสูงของเมืองไทย จากการบอกเล่าของหลาน และพ่อแม่ของแก (ซึ่งมีลูกหัวแหวนกะเขาคนเดียว)

            หลานเขาเรียนอยู่มัธยม 1 ของโรงเรียนรวมลูกเศรษฐีแห่งประเทศไทย เป็นโรงเรียนแบบอินเตอร์  ที่กำลังเป็นที่นิยมของคนไทยมีระดับ ซึ่งผมคิดว่าก็คงไม่แคล้วเป็นโรงเรียนธรรมดานี่แหละ แต่สอนเป็นภาษาอังกฤษหน่อย ก็กลายเป็นโรงเรียนอินเตอร์ไปได้ในบัดดล (ทำยังกะว่าภาษาไทยไม่ใช่ภาษาอินเตอร์)

 

ถ้าจำไม่ผิดค่าเล่าเรียนตกปีละ 3 หรือ 5 แสนอะไรเนี่ย (พศ. ๒๕๔๓)  (พวกเศรษฐีก็ยังงี้แหละ เศษเงินแสนสองแสนมันไม่ควรค่าแก่การจดจำหรอก) แถมยังต้องเสียค่าตำรา อุปกรณ์ เอกสารประกอบการเรียน อีกปีละร่วมแสน

 

 

            แน่นอนว่าเด็กทุกคนมีรถเก๋งคันงามมาส่งทุกเช้า และมารับทุกเย็น ไม่เบ็นซ์ ก็บีเอ็ม และต้องเป็นรุ่นที่มีตัวเลขสูงๆ และ ตัวหนังสือยาวๆ กำกับด้วยนะ (ไม่งั้นยังไม่ได้ระดับ) เช่น 500SE/Limited,  750Esi (ไม่รู้มีจริงหรือเปล่า ผมสมมติเอาน่ะ พอให้ได้เห็นบรรยากาศ) ไอ้พวกเด็กก็นั่งชูคอสลอน อวดมั่งมีศรีสุข สมเป็นลูกคนรวย เตรียมความพร้อมเพื่อเป็นใหญ่ในสังคมอนาคตยุคไอที

 

 

            ภายในชั้นเรียนก็สุดแสนงี่เง่า เพราะเริ่มแตกเนื้อหนุ่มสาวกันแล้ว หลานเล่าให้ฟังว่า วันๆพวกเด็กๆผู้หญิงเอาแต่คุยเรื่องเซ็กส์ และอวดอ้างกันว่าใครสามารถจับผู้ชายได้มากกว่ากัน ทั้งที่อายุอานามอยู่ในราว 12-14 เท่านั้น

 

ก็ลูกคนรวยได้รับการบำรุงดี คงแตกเนื้อสาวไวกว่าปกติกระมัง  ลูกคนรวยพวกนี้ ไม่นานก็คงเป็นใหญ่ในสังคม เศรษฐกิจ และ การเมือง คิดแล้วน่าเป็นห่วงอนาคตของชาติ และน่าสงสารคนรวยเอามากๆ ทีเดียว

 

            ทั้งห้องเรียนมีหลานสาวผมคนเดียวที่ยังทำตัวเป็นเด็กน้อย ใจไม่ยอมแตกเนื้อสาวกะเขาเสียที ทั้งที่กายแตกไปแล้ว ไปเยี่ยมแกที่กรุงเทพที่ไร ก็ยังพุ่งกระโดดเข้ากอดลุง  และทำอาการคล้ายลิงทะโมนเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนยังไงยังงั้น

 

 

            เจ้าหญิงน้อยเบื่อวังวนน้ำเน่าของสังคมลูกคนรวยในโรงเรียนนี้มาก  เมื่อครูให้แต่งกลอนส่ง แกก็แต่งกลอนระบายความในใจประชดประเทียดสังคมคนรวยไปมา และบอกว่าเป็นมนุษย์ถ้ำ ไม่ต้องมีเกียรติและเงิน สบายและสุขที่สุดแล

 

 

...เออ ค่อยยังชั่ว แบบนี้ แสดงว่า   ไม่เสียแรงที่เกิดมาเป็นหลานลุงเลยนะ  ลองฟังกลอนของแกดูสิ (เด็กไทยอายุ ๑๒ นะ)   ....

 

Homo Erectus Hominids

They don’t have problems like us kids

All day long just  catching some fishes

Happy everyday no washing dishes

 

Look at us humans we don’t have souls

We have stress we don’t have goals

Computers, cars, televisions and microwaves

We’re not happy as those who live in caves

 

Even though we have such wonderful things

I don’t know what goodness they bring

And our souls will not grow back

And our lives will turn to black

 

จากหลักฐานต่างๆอื่นๆอันหลากหลาย  รวมทั้งกลอนบทนี้ ผมสรุปว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กพิเศษที่มีมันสมองเป็นเลิศ แต่คงเป็นเพราะความเบื่อสังคมน้ำเน่าในโรงเรียนลูกคนรวยของแก ผนวกกับความเบื่อในวิธีการสอนของครูโรงเรียนอินเตอร์(ที่สุดแสนขี้เท่อ) ทำให้ผลการเรียนของแกไม่ค่อยดีนัก ปานกลาง ค่อนข้างมาทางต่ำของชั้น (นี่ขนาดเรียนแข่งกับพวกงี่เง่าน้ำเน่านะ)

 

 

            แม่เด็กมาปรึกษาลุง ว่าทำไงดีถึงจะพาลูกหนีตีฝ่าวงล้อมวังวนน้ำเน่าออกไปได้ ลุงบอกว่าต้องเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ถือโอกาสเรียนรู้ชีวิตพวกเขา โดยลูกเราไม่ต้องไปเกลือกกลั้ว เหมือนใบบัว ไม่ต้องกลัวเปียก ทั้งที่อยู่ในน้ำ(เน่า) แถมยังดูดสารอาหารที่เป็นประโยชน์จากความเน่าเหม็นได้ด้วยซ้ำ

 

 

            แกบอกว่าทนไม่ไหวแล้ว จะย้ายลูกไปเรียนที่อังกฤษ โรงเรียนผู้ดีเก่าแก่ราคาแพงระดับหูชา ลุงคัดค้านว่า ชั่วดีก็ควรอยู่บ้านเรา เรียนรู้ความเป็นไทยให้แตกฉาน จะเป็นประโยชน์ในภาคหน้า จะไปนอกขอให้จบตรีเสียก่อนก็ยังดี

 

            แต่แล้วน้องท่านก็แอบลุง ส่งลูกไปอยู่อังกฤษจนได้ ผมสงสารน้องสาวยิ่งกว่าสงสารเด็ก เพราะแกร้องไห้ขี้มูกโป่งคิดถึงลูกโทนคนเดียวอยู่หลายเดือน ค่าโทรศัพท์ข้ามทวีปทุกวันเดือนละหลายหมื่น

 

            เอ่ยฝ่ายเจ้าหญิงน้อย พลอยมีความสุขสุดกู่ ที่ได้อยู่ในหมู่คนที่ไม่น้ำเน่า เธอเล่าว่า ร่างกายพวกฝรั่งมังค่า เป็นสาวยิ่งกว่าคนไทยเบอะบาน แต่กิริยาอาการยังเป็นเด็กอยู่ ไม่กระซู่หรือแรดเท่าไทยเรา

 

 การเรียนของเธอเล่าก็ดีวันดีคืน โดยยืนอยู่แถวหน้าในหลายวิชาอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เรียนแข่งกับเจ้าของภาษา และเป็นคนมีสตางค์อังกฤษทั้งนั้น เพราะวิธีสอนของฝรั่งเขา เธอว่า นำเสนอการสอนดี มีจิตวิทยา ทำให้น่าสนใจเรียน  ไม่ยัดความรู้ และเรียนไม่หนักแบบไทยเรา

 

 

            ลุงเลยสรุปว่า อันดอกบัวพันธุ์ดีนั้น ครั้นได้รับแสงแดดและน้ำเลี้ยงที่เหมาะสม ย่อมบานเบ่งทอสีอันสวยงามประเทืองโลก แต่หากอยู่ในที่อับแสงแลน้ำเน่าก็ย่อมอับเฉาด้อยค่าหมดราคาตามไปด้วยนั้นแล

 

            โชคดีเถิดหลานรัก จงตวงตักสรรพวิชา กลับมาปฏิวัติการศึกษาบ้านเรา ให้เลิกน้ำเน่ากันเสียที  

 

เอ้า...แถมกลอนที่ลุงแต่งไว้เมื่อตอนอายุสัก ๓๕ ปีให้อ่านเล่น (แต่งให้พวกกลุ่มศาสนาใน USA ที่กำลังเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียดว่าศาสนาใครดีกว่ากัน)

 

Here's my advice for a cyclic reconciliation:

The Big Bang was there, by man's pure imaginations,

Out of its debris, emerged God, through evolution,

SHE then created man, out of compassion.

 

But, why waste time speculating remote past?

As if time and things can really last.

Time flows silently at each moment,

Ask not why...just live the present!

 

God is this innate law of nature:

Time, things, thoughts and whatever,

All fuse into this noble Triplet:

Change, suffering, and emptiness.

 

How can one be an atheist or theist?

When there's no God and yet there is.

It's all quantum psyche of the mind.

Grasp nothing!, wave suffering goodbye.

 

คนถางทาง.....เขียนเมื่อประมาณ พศ. ๒๕๔๕

 

หมายเลขบันทึก: 505986เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2012 22:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 ตุลาคม 2012 19:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เป๊ะมาก ค่ะอาจารย์ พลันนึกถึงหมวยน้อนขึ้นมาทีเดียว โตขึ้นจะเป็นอย่างไรหนอ?????

อ่านแล้วก็ลุ้นให้เปลี่ยนโรงเรียน

ดีใจด้วยค่ะ ที่เปลี่ยนและชอบ..

 

ค่อยมาคุยอีกค่ะ

มาเรียนรู้สังคมชั้นสูง ด้วยคนค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท