การเดินทางไปยังน้ำตกโถงใหญ่อันเป็นสถานที่รวมพลในอดีต
คงจะคล้ายกับสโมสรต่าง ๆ ในปัจจุบัน
เรื่องราวเมื่อครั้งเก่ากาลมีอยู่ว่า ณ สถานที่แห่งนี้เป็นอยู่อาศัยของผู้เป็นจอมทัพแห่งดินแดนภูกระดิ่ง และยังเป็นสถานที่สังสรรค์เมื่อครั้งกระนั้น
แต่ท้ายที่สุดสถานที่แห่งนี้ก็ล่มสลายลงเพราะการเข้ามาของประเทศขอม
การล่มสลายเพราะนางคณิกาสองนาง ผู้มีนามว่า เพชรมณีพลอย ผู้พี่ และสร้อยมณีจันทร์ ผู้น้อง
เหตุการณ์เริ่มต้น เมื่อการมาถึงของพวกนางนำไปสู่การห้ำหั่นแย่งชิงนางคณิกาทั้งสองในวันเฉลิมฉลองแห่งดินแดนภูกระดิ่ง
นางเพชรปลุกปั่นให้ขั้วอำนาจที่มีอยู่หลายฝักหลายฝ่ายยิ่งแตกคอกันอย่างหนักหน่วงเพื่อเอาพวกนางเป็นเหตุผลในการแย่งชิงความเป็นใหญ่เหนือดินแดนภูกระดิ่งนี้
น้ำตกแดงฉานไปด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของผู้คนบริสุทธิ์มากมาย
สถานที่แห่งน้ำตกโถงใหญ่เป็นศูนย์เชื่อมโยงประตูแห่งกาลเวลาและสถานที่ พวกนางจะสามารถครอบงำความเป็นไปได้อย่างกว้างไกลโดยปราศจากผู้ใดล่วงรู้ เพราะประตูวิเศษนี้ พวกเราชาวภูกระดิ่งจึงเป็นที่หมายปองของชนชาติป่าเถื่อนและเจ้าเล่ห์แสนกลเยี่ยงชาติขอมเป็นยิ่งนัก
เมื่อพวกนางทำการโค่นล้มอาณาบริเวณในส่วนของน้ำตกโถงใหญ่ได้อย่างราบคาบแล้ว พวกนางยังต้องการจะกุมอำนาจเหนืออาณาบริเวณใกล้เคียงก็คือ น้ำตกวังกลาง สถานที่ปฏิบัติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ใกล้เคียงกันนี้
ณ ดินแดนแห่งนั้น ครั้งกระโน้นข้าพเจ้ายังคงเป็นเพียงภิกษุผู้ใฝ่ในธรรมะแห่งพระศาสดาอย่างหนักหน่วง
แล้วทำไมพวกนางจึงต้องการอาณาบริเวณแถบนี้อีกด้วยเล่า เพราะเป็นเพียงที่เงียบสงบวิเวกก็เท่านั้น
ก็เพราะพวกเรากุมแท่นบูชาเทพเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์และดีเยี่ยมนั้นเอง
เรามีหน้าที่ทำให้ผู้คนที่อาศัยดื่มกินน้ำจากต้นน้ำแห่งภูกระดิ่งนี้ได้รับความสุขสงบทางจิตใจ
มีคำพูดว่า ต้นน้ำคือสายใยแห่งชีวิต เป็นสัจธรรมอันแท้
พวกเราจะคอยเพียรภาวนาให้ผู้คนที่ดื่มกินสายธารแห่งชีวิตมีแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสืบไป
หาใครจะล่วงรู้นอกเสียจากพวกเราด้วยกันเอง
ความนี้แพร่งพรายออกไปเพราะผู้นำของเราเปิดเผยให้แก่นางไพร่ทั้งสองเสียจนหมดเปลือก
พวกนางคณิกาทั้งสอง นำยาพิษให้พวกเหล่านางชีดื่มจนสิ้นใจ
มิหนำซ้ำยังประหัตถ์ประหารพวกเหล่านางนาง ด้วยการทารุณผิดมนุษย์มนาเป็นหาที่สุด
ด้วยการตัดเศียรแล้วนำร่างกายที่ไร้วิญญาณจ่อมจมลงยังเบื้องนทีแห่งน้ำตกวังกลางแห่งนี้
ส่วนข้าพเจ้าผู้นำฝ่ายสงฆ์ในขณะนั้น
พวกนางกระทำย่ำยีด้วยการใส่ยาปลุกกำหนัดให้ดื่มกินด้วยโลหิตแห่งเหล่านางชีทั้งหลาย
ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก
ข้าพเจ้าพยายามข่มความต้องการทางร่างกายจนถึงวินาทีสุดท้าย
แต่ก็มิอาจทานทนต่อพิษแห่งความกำหนัดนั้นได้
ศีลอันงามที่ข้าพเจ้าเพียรพยายามรักษามานั้นที่เกือบจะสามารถหลุดพ้นได้ก็จำต้องแตกสลายลงด้วยความมักมากของเหล่าชนชาติป่าเถื่อนเหล่านี้ไปได้พ้น
เวรกรรมมันตามทันให้พวกเจ้าหล่อนต้องกลับมาชดใช้ชดเชยแก่พวกเราชาวภูกระดิ่ง
เมื่อถึงวันฟ้าดินแปรปรวนก็จำต้องถึงวันปลดปล่อยสรรพจิตออกมาสู่ตัวตนที่แท้จริง
วันนั้นมาถึง พวกเราเหล่าอัศวินคนบ้าทั้งหลายพากันนั่งอยู่ ณ น้ำตกโถงใหญ่เพื่อปลดปล่อยสรรพจิตแห่งตนและเพื่อนร่วมชะตากรรมสู่ความหลุดพ้น
ดวงจิตจึงกลับสู่ร่างกายแห่งปัจจุบันกาล เพื่อการก้าวเดินไปสู่อนาคตต่อไป
ข้าพเจ้านั่งในตำแหน่งที่สามหรือสี่ ความหมายน่าจะประมาณว่า ดินแดนแห่งนี้นับถือพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีรองมาจากชนชั้นกษัตริยราชเจ้า
เจ้าหล่อนผู้ถ้อยแถลงลงความเห็นว่า ลำแสงที่พวกเราช่วยกันปลดปล่อยนั้นรวมตัวกันดังแสงรุ้งแห่งวันใหม่ในรูปลักษณ์ของพญามังกรล่องลอยสู่นาวาน่าภิรมย์
ลำแสงพุ่งออกจากปากถ้ำทะลุร่างกายของพวกเรา กลายเป็นพญามังกรที่มีความสุขพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า แล้วแตกกระจายออกเป็นแสงสีทองพุ่งกลับเข้าสู่พวกเราแต่ละคน
มันเกินกว่าเหตุไปหรือเปล่า ในใจของข้าพเจ้าคิดอยู่ลำพัง
แต่ก็แปลกดีนะ เหตุการณ์เหมือนจะไม่ได้มีอันใดเกิดขึ้น แต่นำพามาซึ่งความสุขอย่างมิเคยเป็น และภาพจินตนาการเหล่านั้นกลับยังคงติดตรึงฝั่งแน่นอยู่ในหัวจิตหัวใจของข้าพเจ้าตลอดมามิเสื่อมคลายมิรู้ลืม
มันช่างเป็นความทรงจำอันน่าประหลาดเป็นที่สุดทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าก็หาได้มองเห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอย่างที่เจ้าหล่อนอ้างถึงแต่อย่างใด จริง ๆ นะครับ
ไม่มีความเห็น