CU-TEP PART ERROR

CU-TEP PART ERROR

แบ่งเป็น 13 หัวข้อย่อยๆ

1 Word forms – รูปคำ	8 Non – finitive verbs - กริยาไม่แท้
2 Verb forms – รูปคำกริยา	9 Articles
3 Alternative words – การเลือกใช้คำ	10 Comparison – การเปรียบเทียบ
4 Parallelism – โครงสร้างโครงขนาน	11 Word order – การเรียงลำดับคำ
5 Pronouns – สรรพนาม	12 Conjunctions – คำเชื่อม
6 Prepositions – บุพบท	13 Redundancy – การใช้คำฟุ่มเฟือย
7 Numbers – พจน์

1 Word forms – รูปคำ

เป็นเรื่องของการวางผิดที่ เช่น การใช้ Adjective , Adverb,ใช้ nouns แทนที่ ve

Ex The most highly praised performances in theatrical history were achieved by creating believable characters who behaved logical and truthfully.

-       ต้องเปลี่ยน logical เป็น logically (adv.) เพื่อขยาย behaved (v.)

Ex The Red Cross provides relieves for the victims of disasters.

-       ต้องแก้ relieves เป็น relief

Ex It have been found that heat is conducted through soil at an extreme slow rate.

-       ต้องแก้ extreme เป็น extremely เพื่อขยาย slow

 

2 Verb forms – รูปคำกริยา

-เป็นเรื่องของการผิดพลาดในเรื่องของการใช้ กริยา ความสอดคล้องระหว่างประธานและกริยา

เช่น ประธานเหล่านี้เหล่านี้เป็น เอกพจน์เสมอ ดังนั้น จึงต้องใช้กริยา รูป เอกพจน์

everyone	someone	anyone	no one
each	everybody	either	neither

-เมื่อ there, here, where ขึ้นต้นประโยค คำเหล่านี้จะไม่เป็นประธานได้ แต่จะมีประธานที่แท้จริงตามหลังกริยา เช่น There are no dogs in this neighborhood. เมื่อ are (v.) no dogs (S.)

-Noun บางคำมีรูปแบบเป็น พหูพจน์ จะตามด้วย พหูพจน์ เสมอ เช่น

เสื้อผ้า clothes : trousers, pants, jeans,......

เครื่องมือ tools : scissors, pliers,......

- คำนำหน้านาม a number of ถือเป็นพหูพจน์ แต่ the number of เป็นเอกพจน์

เช่น A number of students were missing from class.

The number of Mexican students in class is small.

- คำที่บอกถึงหน่วยเวลา เงินตรา น้ำหนัก ฯลฯ ใช้กริยาเอกพจน์

เช่น Two weeks is enough time for a nice vacation.

- ชื่อเฉพาะบางคำมีรูปแบบพหูพจน์ แต่ใช้กริยาเอกพจน์ เช่น physics, civics, news, mumps.....

Ex One of the important aspects of an organic farm are sanitation.

-       ต้องเปลี่ยน are เป็น is

Ex The Supanahong Awards are give annually to the outstanding film stars in Thailand.

-       ต้องเปลี่ยน give เป็น given

Ex The owl cannot to see well in the dark,but it hunts on moonlit nights.

-       ต้องเปลี่ยน to see เป็น see

 

3 Alternative words – การเลือกใช้คำ

-เป็นเรื่องของความผิดพลาดในการใช้คำ เช่น

การใช้ do และ make

to make หมายถึง การประดิษฐ์ คิดค้น ทำขึ้นมาใหม่

to do หมายถึง การใช้กับกิจวัตรประจำวัน ไม่มีการสร้างขึ้นมาใหม่

การใช้ like unlike และ alike not alike

คำว่า like unlike เป็น preposition นำหน้า noun

คำว่า alike not alike เป็น adjective จะอยู่หลัง v to be หรือ linking verb

การใช้ So such และ too

so + adj/adv+that clause

such+adj +n+ that clause

too+adj+to+v1

การใช้ much และ many

คำว่า much ใช้กับนามนับไม่ได้ ได้แก่ little ,a little, an amount of

คำว่า many ใช้กับนามนับได้ พหูพจน์ few, a few, a number of

Ex Even during economic booms, there is a small number of unemployment.

-       ต้องเปลี่ยน number เป็น amount

Ex Talc is too soft that it is easy to scratch it with a fingernail.

-       ต้องเปลี่ยน too เป็น so

Ex No other province receives as few rainfall as Rai Ed Province.

ต้องเปลี่ยน few เป็น little

 

4 Parallelism – โครงสร้างขนาน

หลักการคือ คำหรือข้อความที่อยู่หน้า และ หลังตัวเชื่อม ต้องเป้นคำชนิดเดียวกันถ้าเป็น noun ก็ต้อง noun ทั้งหมด

ถ้าเป็น adj ก็ต้อง adj ทั้งหมด

Ex An ant’s antennae provide it with the senses of hear, smell,touch,and taste.

-       ต้องเปลี่ยน hear เป็น hearing

Ex The body is made of living cells that need to growth and to reproduce themselves.

-       ต้องเปลี่ยน to growth เป็น to grow

Ex Window treatment, furniture arrangement, and color combine all contribute to the overall impression of a room.

-       ต้องเปลี่ยน combine เป็น combination

 

5 Pronouns – สรรพนาม

ข้อสอบจะทดสอบความผิดพลาดในเรื่องความสอดคล้องของคำนามและสรรพนาม

Ex About one-fifth of all the energy used in Japan it is changed into electric power.

-       ต้องตัด it ทิ้ง

Ex They are not so willing as us to have this picture hung in the corridor.

-       ต้องเปลี่ยน us เป็น we

Ex Some of viruses have strong cell walls much like that of plants.

-       ต้องเปลี่ยน that เป็น those

 

6 Preposition – บุพบท

คำที่วางไว้หน้า noun หรือ pronoun เพื่อแสดงความสัมพันธ์กับคำอื่น

Ex Birds’ eggs vary greatly of size,shape,and color .

-       ต้องเปลี่ยน of เป็น in

Ex Candles were mankind’s chief source of illumination since at least 2,000 years.

-       ต้องเปลี่ยน since เป็น for

Ex Pure nitric acid is colorless, but it acquires a yellow color when it is exposed of air.

-       ต้องเปลี่ยน exposed of เป็น exposed to

 

7 Numbers – พจน์

ที่เกี่ยวกับ เอกพจน์ พหูพจน์ ต่างๆ

Ex As childs grow older, their bones become thicker and longer .

-       ต้องเปลี่ยน childs เป็น children

Ex The U.S. president serves a maximum of two four-years terms.

-       ต้องตัด s ที่ year

Ex Adult humans have more than a trillions cells in their bodies.

-       ต้องตัด s ที่ trillion

 

8 Non – finite Verbs –กริยาไม่แท้

หัวข้อที่มักพบบ่อยคือ Participle, Gerunds, Infinitives

Ex A paragraph is a portion of a text consists of one or more sentences related to the same idea .

-       ต้องเปลี่ยน consists of เป็น consisting of

Ex The kaleidoscope works on the principle of multiply reflections.

-       ต้องเปลี่ยน multiply เป็น multiplying

Ex Many narcotic plants and their products, such as nicotine, are effective in control insects.

-       ต้องเปลี่ยน in control เป็น in controlling

 

9 Articles

a, an ,the ต่างๆ

Ex A asteroid is beyound the orbit of the planet Mars.

-       ต้องเปลี่ยน A เป็น An

Ex The development of the watch depended upon invention of the mainspring.

-       ต้องเติม the หน้า invention of

Ex The Alps of Switzerlend are famous for the rugged beauty.

-       ต้องเปลี่ยน the เป็น their

 

10 Comparison – เปรียบเทียบ

- ขั้นธรรมดา ขั้นกว่า ขั้นสูงสุด

- ขั้นกว่าจะมีคำเชื่อม than ปรากฎ

- ขั้นสูงสุด adj,adv ใช้ the นำหน้า

Ex Modern travelers seem to prefer speed more than comfort.

-       ต้องตัด more than เติม to

Ex Natural mica of a superior quality is cheapest to obtian than synthetic mica.

-       ต้องเปลี่ยน cheapest เป็น cheaper

Ex Watercolors dry more faster than other paints.

-       ต้องเปลี่ยน more เป็น much

 

11 Word order – เรียงลำดับคำ

Ex Little Kim did know about the man who made her fall in love.

-       ต้องเปลี่ยน did Kim

Ex In front of our university’s library a statue is.

-       ต้องเปลี่ยน is a statue

Ex Radio waves go though some solid objects, as such the walls of buildings.

-       ต้องเปลี่ยน such as

 

12 Conjunction – คำสันธาน

คำที่ใช้เชื่อม วลี clause เข้าด้วยกันในประโยค

เช่น either____or , neither_____nor, both______and, not only _______but also, whether_______or

Ex I love the girl since she is so insensitive to me.

-       ต้องเปลี่ยน since เป็น athough

Ex Neither did they buy a house, or were they interested in a car.

-       ต้องเปลี่ยน or เป็น nor

Ex A romance is a long work of fiction who is less realistic than a novel.

-       ต้องเปลี่ยน who เป็น that หรือ which

 

13 Redundancy – คำฟุ่มเฟื่อย

การใช้คำซ้ำโดยไม่จำเป็น

Ex We have lived here for almost nearly a century.

-       ต้องตัด almost หรือ nearly

Ex I hope someday I can live with her eternally for good.

-       ต้องตัด eternally หรือ for good

Ex With excessive anger, she slapped her boyfriend’s cheek with her hand.

-       ต้องตัด with her hand ทิ้งไป

 

CU-Tep Writing (Error identification)

ฝึกวิธีวิเคราะห์โจทย์ Part Error ในเรื่อง Conjunction

 

Conjunction คือ

Conjunction หรือ สันธาน มีหน้าที่ เชื่อม คำ วลี ประโยค เข้าด้วยกัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1) Co-ordinating Conjunction

2) Subordination Conjunction

3) Correlative Conjunction

 

1) Co-ordination Conjunction

จะใช้สำหรับเชื่อมคำ วลี ประโยคเข้าด้วยกัน โดยมีคำที่พบบ่อยๆ คือ and, or, but, so, for…

Example: Andrew and Tony like playing football. And (และ) จากตัวอย่าง ทำหน้าที่เชื่อมประธาน หรือคำนาม 2 คำ เข้าด้วยกันคือ Andrew กับ Tony และทั้งสองคำเป็นประธานร่วมกัน ใช้กริยาตัวเดียวกันคือ like

 

Jenny loves shopping but Paula loves sleeping. But (แต่) จากตัวอย่างทำหน้าที่เชื่อมประโยค 2 ประโยคที่มีใจความขัดแย้งกันเข้าด้วยกัน คือ Jenny loves shopping. กับ Paula loves sleeping.

 

หากจะแบ่ง Co-ordination Conjunction ตามเรื่องของความหมายแล้ว ก็อาจแบ่งได้ 4 ประเภท คือ

1. คำเชื่อมที่เชื่อมคำ วลี ประโยคที่มีความหมายสอดคล้องกัน คล้ายกัน ไปด้วยกัน เช่น and

- I and Lisa will go to see the movie tonight.

 

2. คำเชื่อมที่เชื่อมคำ วลี ประโยคที่ขัดแย้งกันทางความหมายเข้าด้วยกัน เช่น but, still, only

- He is rich but he is ugly.

- She would come to the party, only she is busy. (เธอจะมางานปาร์ตี้ แต่ว่าเธอยุ่ง only = but)

 

3. คำเชื่อมที่เชื่อมคำ วลี ประโยค โดยมีใจความเพื่อให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น or, either…or, neither…nor

- You would like to drink tea or coffee?

- He is either CEO or employee of this company. (เขาเป็นทั้งผู้บริหารและพนักงานของบริษัทแห่งนี้)

- I like neither chocolate nor ice- cream. (ฉันไม่ชอบทั้งช็อกโกแลตและไอศครีม)

 

4. คำเชื่อมที่ใช้แสดงการอ้างอิง เช่น for

- He thinks that his wallet was stolen; for he can’t find it in his pocket. (เขาคิดว่าโดนขโมยกระเป๋าสตางค์ เพราะเข้าไม่พบมันอยู่ในกระเป๋ากางเกง)

ตัวอย่างข้อสอบ Co-ordination Conjunction

1. Tempera, a type of paint, is prepared from a mixture of water, egg yolk, and one but more

a b c

tinted powders.

d

วิเคราะห์: โจทย์ต้องการจะบอกว่า “Tempera (เทคนิคการวาดภาพด้วยสีน้ำมัน ผสมไข่แดงและน้ำ) เป็นชนิดการวาดภาพชนิดหนึ่ง ถูกเตรียมมาจาก ส่วนผสมของน้ำ ไข่แดง และ ผงสีอ่อน ๆ” เนื้อหาของข้อนี้ เป็นเนื้อความที่สอดคล้องและไปด้วยกัน ดังนั้น ข้อที่ แปลก ๆ และไม่เข้าพวก จึงเป็น ข้อ c (but = แต่)

ทางที่ดี ควรเปลี่ยนจาก but เป็น or จะได้เป็น one or more tinted powders

2. In the beginning I was criticized for not being quick enough and after a week or two my

a b c d

typing speed had improved remarkably.

 

วิเคราะห์: โจทย์ต้องการจะบอกว่า “ในตอนแรก ฉันถูกวิจารณ์ว่าพิมพ์ดีดไม่เร็วพอและหลังจากนั้นหนึ่ง หรือ สองสัปดาห์ ความเร็วการพิมพ์ดีดของฉันก็ปรับปรุงขึ้นอย่างมาก” เนื้อหาของข้อนี้ประกอบไปด้วย 2 ประโยคที่ขัดแย้งกัน คือ 1. โดนวิจารณ์ว่าพิมพ์ดีดช้า 2. พิมพ์ดีดเร็วขึ้นแล้ว ฉะนั้น หากใช้ ข้อ c (and) จะกลายเป็นการเชื่อมประโยคที่สอดคล้องกันไป จึงสมควรเปลี่ยนจาก and เป็น but เพื่อแสดงความขัดแย้ง ข้อนี้จึงตอบข้อ c

 

2) Subordinating Conjunction

จะใช้สำหรับเชื่อมประโยค แล้วทำให้ประโยคที่มี conjunction เป็นประโยคที่ไม่อิสระ (คือเป็นประโยคที่ต้องใช้อธิบายความคู่กับอีกประโยคหนึ่ง) Subordinating Conjunction ที่พบบ่อย ๆ ได้แก่

after, although, as if, as long as, as soon as, before, because, even if, even though, if, if only

once, rather than, since, so that, though, unless, until

where, whereas, wherever, while, whether, which, whenever, when etc…

 

Subordinating Conjunction มีอยู่หลายตัว แต่แบ่งออกตามการใช้งานได้ดังนี้

1. แสดงเวลา เช่น

I fell in love with you since I met you.

She jumped to her bed as soon as she opened her bedroom.

 

2. แสดงสาเหตุหรือเหตุผล เช่น

I have to go to the office by bus because my car is in the garage.

 

3. แสดงจุดประสงค์ เช่น

We eat so that we are alive.

 

4. แสดงเงื่อนไข เช่น

Tony will stay home if it rains.

 

5. แสดงความขัดแย้งกัน ไม่สมเหตุสมผลกัน เช่น

Although he loves to eat chocolate, he is slim.

 

6. แสดงการเปรียบเทียบ เช่น

Paula is as beautiful as Jenny.

 

7. แสดงการคาดคะเน เช่น

Suda acts as if she has just seen a ghost.

 

ตัวอย่างข้อสอบ Subordinating Conjunction

1. Gothic cathedrals took so long to complete that frequently some parts required repairs

a b

during others were still being built.

c d

 

วิเคราะห์: โจทย์ต้องการจะบอกว่า “มหาวิหารแบบโกธิคใช้เวลานานกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะบ่อยครั้งที่มีบางส่วนต้องการการซ่อมแซม ในขณะที่ส่วนอื่นๆ กำลังถูกสร้าง” โจทย์ข้อนี้ต้องการคำเชื่อมที่แสดงเวลาเปรียบเทียบกัน ซึ่งข้อที่ผิด คือ ข้อ C ควรแก้เป็น while

ทั้ง during และ while ก็แปลว่า ระหว่าง / ในระหว่าง ได้ทั้งคู่ เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนเป็น while ก็เพราะว่าสิ่งที่ตามมาข้างหลังเป็นประโยค others were still being built ถ้าเป็นคำว่า during แล้วจะใช้ เชื่อมคำ วลี

 

2. Despite most plants are edible, some species cause serious poisoning.

a b c d

 

วิเคราะห์: โจทย์ต้องการจะบอกว่า “ทั้งๆ ที่ (แม้ว่า) พืชส่วนมากจะกินได้ แต่พืชหลายชนิดก็ก่อให้เกิดพิษอันร้ายแรง” โจทย์ข้อนี่ต้องการคำเชื่อมที่ขัดแย้ง ไม่สมเหตุสมผลกัน ซึ่ง Despite ก็เป็นคำเชื่อมที่ใช้แสดงความขัดแย้ง แต่ว่า ไม่ได้ใช้เชื่อมประโยค (most plants are edible) ข้อนี้จึงผิดที่ข้อ A ควรเปลี่ยนเป็น Although ที่เป็น Subordinating Conjunction เชื่อมประโยคเพื่อแสดงความขัดแย้ง

 

3) Correlative Conjunction

จะใช้เป็นคู่ ก็คือ จะปรากฏตัวเป็นคู่ ๆ และจะใช้เชื่อม คำ วลี และประโยคที่มีความหมายสอดคล้องกัน และทำหน้าที่เหมือนกัน

Correlative Conjunction ที่พบบ่อย มีดังนี้

Both….and = ทั้ง….และ…

Either…or = ไม่…ก็…. (ใจความแบบให้เลือก)

Neither…nor = ไม่…ทั้ง (ไม่เอาทั้งคู่)

Not only…but also = ไม่เพียงแต่… ยัง….

Whether…or = ไม่…ก็ (ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2 อย่างที่มีอยู่)

 

Both Paula and Jenny are going to see the movie.

- จากประโยคนี้ ทั้ง Paula และ Jenny เป็นประธานของกริยา are going และ Both…and ทำหน้าที่เชื่อมประธานทั้งสองตัวเข้าด้วยกัน

 

You can use either pencil or pen to do the exam.

- จากประโยคนี้จะเห็นว่า either…or เชื่อมคำนาม pencil กับ pen เข้าด้วยกัน เพื่อบอกว่าเป็นการให้เลือกระหว่างสองสิ่งนี้

 

Not only Somsri but also Somjai went to Chulalongkorn university.

- จากประโยคนี้จะเห็นว่า not only…but also เชื่อมคำนาม ซึ่งก็คือประธาน 2 ตัว Somsri และ Somjai เข้าด้วยกัน และทั้งคู่เป็นประธานของกริยา went

 

ตัวอย่างข้อสอบ Correlative Conjunction

1. Alan got back to the parking lot only to find his car sandwiched among a pickup and a big truck.

a b c d

 

วิเคราะห์ :

- จากโจทย์ต้องการจะบอกว่า “อลันกลับมาที่ลานจอดรถแล้วพบว่ารถของเขาถูกอัดอยู่ท่ามกลาง (ระหว่าง) รถกระบะและรถบรรทุกคันโต” โจทย์ต้องการให้ใช้คำว่า “between” = ระหว่าง ไม่ใช่คำว่า “among” = ท่ามกลาง

- จากโจทย์จะสังเกตได้ว่า มีคำว่า and อยู่ด้วย ซึ่งถ้าจำกันได้ ก็จะรู้ว่า among นั้น ใช้เดี่ยวๆ ได้เลย เพราะแปลว่า ท่ามกลาง ( ซึ่งก็คือ ท่ามกลางๆ หลายๆ สิ่ง อยู่ตรงกลางฝูงชน โดนห้อมล้อม ) แต่ between ต้องใช้คู่ and

- เพราะฉะนั้น ข้อนี้ ก็ต้องเลือกข้อ d และแก้จาก among เป็น between

 

2. Neither the checks Frank gave me or the money you sent was sufficient enough to pay my debts.

a b c d

 

วิเคราะห์ :

- จากโจทย์ต้องการจะบอกว่า “ทั้งเช็คที่แฟรงค์ให้กับชั้นหรือเงินที่คุณส่งไปก็ไม่เพียงพอที่จะจ่ายหนี้ของฉันได้” โครงสร้าง Neither ต้องคู่กับ nor ไม่ใช่ or เพราะฉะนั้น ข้อที่ผิดคือ ข้อ b จาก or แก้เป็น nor

 

Article คืออะไร?

Article คือ คำนำหน้าคำ Noun เพราะฉะนั้นมันก็จะปรากฏตัวอยู่หน้าคำ Noun ทั้งหลาย อาจถือว่า Article เป็น Adjective อย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ (ก็มันนำหน้าคำนามนี่นา)

 

Article มี 2 ประเภท

1. Indefinite Article : ใช้นำหน้าคำ Noun ทั่วไปที่เป็นเอกพจน์

รูปของ Indefinite Article คือ A, AN

 

A student = นักเรียน 1 คน (คนไหนก็ได้ ไม่ระบุแน่ชัด)

An ant = มด 1 ตัว (มดตัวไหนก็ได้ ไม่ได้ระบุแน่ชัด)

 

วิธีใช้ Indefinite Article หรือ A , AN

1) ใช้ในการต้องการระบุความหมายว่า หนึ่ง

เช่น This is a book. นี่คือหนังสือหนึ่งเล่ม

2) ใช้ในความหมายที่ต้องการจะสื่อว่า ทั่วๆไป

เช่น To live in Sweden, You will need a bicycle. ถ้าจะใช้ชีวิตในสวีเดน คุณต้องการจักรยานซัก หนึ่ง คัน

3) ใช้นำหน้าคำ Noun เอกพจน์ แปลว่า หน่วยละ

เช่น The price is 60 bath a kilo. ราคาหกสิบบาทต่อหนึ่งกิโลกรัม

4) ใช้เวลานำหน้าคำ Noun เอกพจน์ที่อยู่หลัง such, what

เช่น She is such a beautiful woman. หล่อนเป็นผู้หญิงที่สวยมาก

 

# Such + a,an + นามนับได้เอกพจน์

What a day!! วันอะไรกันเนี่ย !!

ตัวอย่างข้อสอบ Indefinite Article

You have a hour in order to answer these questions

A B C D

 

วิเคราะห์ :

- โจทย์ต้องการบอกว่า “คุณมีเวลา 1 ชั่วโมงในการตอบคำถามเหล่านี้”

- ข้อที่ผิดก็คือ ข้อ B เพราะ hour ขึ้นต้นด้วยตัว H ซึ่งตามหลักภาษาอังกฤษแล้วถ้าตัว H ออกเสียง เป็น อ.อ่าง ถือว่าเป็น สระภาษาอังกฤษ เช่นเดียวกับ A, E, I, O, U และ สระภาษาอังกฤษก็ต้องนำหน้าด้วย AN ก็เลยต้องแก้ข้อนี้ เป็น AN HOUR นะจ๊ะ ทุกคน

 

She wants sharp knife to cut the delicious meat.

A B C D

 

วิเคราะห์ :

- โจทย์ต้องการบอกว่า “เธอต้องการมีดคมสักเล่มเพื่อมาหั่นเนื้อที่อร่อยชิ้นนั้น”

- ข้อที่ผิดจากโจทย์ข้อนี้ ก็คือ ข้อ B เหตุผลก็เพราะว่า โดยปกติ คำนามเอกพจน์ มักไม่ปรากฏเดี่ยวๆ นัก ควรมี Article ระบุให้หน่อย และมักใช้ Article ที่ใช้ในความหมายทั่ว ๆไป มาวางข้างหน้าก็คือ A, An ข้อนี้ จึงควรเติม a sharp knife จึงเหมาะสมกว่า

2. Definite Article : ใช้นำหน้าคำ Noun เอกพจน์หรือพหูพจน์ ที่ต้องการชี้เฉพาะ หรือใช้นำหน้า Noun ที่เป็นกลุ่ม Definite Article คือ The

 

ตัวอย่าง

The student = ระบุเจาะจงว่าเป็นนักเรียนคนนี้ ที่รู้กันระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง ไม่ใช่นักเรียนทั่วไป

The boy with sunglasses = เด็กผู้ชายที่ใส่แว่นตากันแดดคนนั้น ไม่ได้หมายความถึงคนอื่น

 

วิธีใช้ Definite Article หรือ The

1. ใช้นำหน้าคำ Noun ที่กล่าวมาแล้ว หรือคำ Noun ที่ผู้พูดผู้ฟังรู้กันว่าหมายถึงอะไร

เช่น There was a young lady and a hut in the forest. The young lady was very beautiful and the hut was very small.

 

2. ใช้นำหน้าชื่อแหล่งน้ำ ภูเขา หมู่เกาะ ต่าง ๆ

เช่น The Thames (แม่น้ำเทมส์)

The Chaopraya river

The Alps

The Pacific Ocean

The Phillipines

 

3. ใข้นำหน้าสิ่งที่มีอยู่อย่างเดียว หนึ่งเดียว

เช่น The sun, The earth, The sea

 

4. ใช้นำหน้าคำ Adjective ขั้นสูงสุด และการบอกลำดับที่

เช่น The most beautiful girl

The Youngest lady

The first, The second, The third

 

5. ใช้นำหน้า Adjective ที่ละคำ Noun

เช่น The rich (คนรวย)

The wounded (คนบาดเจ็บ)

 

6. ใช้นำหน้าชื่อเครื่องดนตรี

เช่น The piano, The guitar, The flute

 

ตัวอย่างข้อสอบ CU-TEP Definite Article

 

Among those students in class, John is a tallest boy.

A B C D

วิเคราะห์

- โจทย์ต้องการจะบอกว่า “ท่ามกลางนักเรียนทั้งหมดในชั้นเรียน จอห์นคือคนที่สูงที่สุด”

- โจทย์มีการเปรียบเทียบขั้นสูงสุดอยู่ แล้วตามกฎทางไวยากรณ์ Adjective ขั้นสูงสุดต้องนำหน้าด้วย Definite Article “THE”

- เพราะฉะนั้นคำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ D

The Straits of Mackinac is a crucial link in the water route that leads from

A B

Lake Michigan to Atlantic Ocean.

C D

วิเคราะห์

- โจทย์ต้องการบอกว่า “ช่องแคบ Mackinac เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในการเดินทางทางน้ำที่เริ่มตั้งแต่ทะเลสาปมิชิแกนไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก”

- ถ้าสังเกตแล้วจะเห็นว่า มี Atlantic Ocean ซึ่งเป็นชื่อมหาสมุทร และ เป็นสิ่งเดียวในโลกที่ไม่มีอะไรซ้ำ จึงจำเป็นต้องใช้ Definite Article THE นำหน้า

- ฉะนั้นข้อที่ผิดคือ ข้อ D นั่นเอง แก้เป็น The Atlantic Ocean