รามเกียรติ์ ตอนที่ ๗ พระรามถูกเนรเทศ และตอนชิวหา


ฉบับ ดร.สัตยพรต ศาสตรี เป็นต้นเค้าในการเรียบเรียง และฉบับก็นำของรัชกาลที่ี ๑ มาเป็นต้นเค้าอีกทีนะครับ

รามเกียรติ์ 

ตอน พระรามถูกเนรเทศ  และตอนชิวหา

สรคะที่ ๕

 

                ครั้นพระรามเสด็จถึงเมืองอโยธยาแล้ว  พระราชบิดา คือ ท้าวทศรถ  ทรงปรารถนาจะอภิเษกพระรามเป็นพระราชา  แต่พระนางไกยเกษีไม่ทรงยินดีด้วย  เนื่องจากว่าถูกนางกุจจี  (สาวใช้หลังค่อม) ยุยง

 

            นางกุจจี  ผู้เป็นหญิงปริจาริกา (สาวใช้) ที่พระมเหสีไกยเกษี  ทรงรักยิ่ง  และนางรู้สึกโกรธและไม่พอใจพระรามเป็นอย่างมาก  เนื่องจากว่านางเคยถูกพระรามสบประมาทไว้    เมื่อตอนที่พระรามยังชนม์พระเยาว์  ได้ทรงเคยตีหลังค่อมของนาง  จนตะโหงกของนางหายไป  หลังจากนั้นไม่นานอีกพระรามก็ทรงเอาลูกศรตีนางอีกที  ทำให้ตะโหงก  กลับคืนมา  ดังนั้น  ประชาชนทั้งหลายที่ยืนอยู่ใกล้  จึงได้หัวเราะเยอะนาง

 

           นางรู้สึกเหมือนกับว่า ท้องฟ้า คือ หัวใจของนางได้ถูกเมฆก่อตัวขึ้น และคิดว่าพระรามทำให้เราเป็นเครื่องหัวเราะในหมู่ชน  นางค่อมจึงได้เก็บความหมิ่นประมาทไว้รอวันแก้แค้น

 

            พอมาถึงการราชาภิเษกของพระราม   นางกุจจีค่อมคิดว่า  โอกาสที่ตนรอคอยมาถึงแล้ว  นางจะแก้แค้นความเจ็บปวดที่เผาลนภายในจิตใจของนาง

 

          นางกุจจีค่อม  ได้ไปกราบทูลกะพระมเหสีว่า  ถ้าเมื่อพระรามได้รับการอภิเษกเป็นราชาในพระนครนี้แล้ว  พระพรตจะเป็นอย่างไร  พระองค์ควรที่จะหาทางแก้ไข  พระองค์ทรงจำได้ไหมว่า  ในอดีตนั้น  พระองค์เคยช่วยพระสวามีในสนาม  ในการต่อสู้กับเหล่าอสูร  จนพระสวามีได้พระราชทานพรสองประการ

 

           บัดนี้  ขอให้พระองค์ขอพรจากพระสวามีที่ทรงสัญญาไว้เถิด  โดยพรข้อแรกข้อให้ส่งพระรามไปอยู่ป่า  เป็นระยะเวลา  ๑๔ ปี  พรขอที่สองขอให้พระพรตเป็นพระราชา

 

            พระนางไกยเกษีทรงเห็นด้วย  จึงได้เสด็จไปเฝ้าและทูลขอสัญญากะพระสวามี   ท้าวทศรถทรงรักษาสัญญา  และเพื่อรักษาข้อสัญญาของพระชนก  พระรามและนางสีดาก็ได้เสด็จไปประทับในป่า 

 

            พระรามพร้อมกับพระลักษมณ์  ได้เดินท่องเที่ยวไปในป่าจนรู้สึกอ่อนแรงเป็นอันมาก 

 

           ในเวลานั้น  นางสำมนักขา  ผู้เป็นน้องสาวของทศกัณฐ์  นางได้แต่งงานกับอสูรตนหนึ่ง  ชื่อว่า ชิวหา  และได้ประทับอยู่ในนครลงกา

 

             ครั้งหนึ่ง  ทศกัณฐ์จะต้องเดินทางไปในป่า  จึงได้รับสั่งให้ชิวหาดูแลรักษาพระนครลงกาเท่าชีวิต  อสูรชิวหา  ก็ได้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่หลับตลอด ๗ คืน  แต่แล้วความหลับก็เล่นงานเขา  อสูรชิวหาจึงได้แลบลิ้นออกมายาว  เพื่อที่จะเอาลิ้นนั้นปกปิดนครลงกาทั้งหมดไว้

 

            เมื่อทศกัณฐ์กลับมาจะเข้าเมืองลงกา  ทรงหาทางเข้าไปพบ  จึงได้ทรงตัดลิ้นนั้นจนขาดหมด  ทันทีที่ลิ้นขาดหมด  ชิวหาก็ล้มลงสิ้นใจพอดี

 

            ท้าวทศกัณฐ์ พอรู้เรื่องทั้งหมดก็โศกเศร้าจนสิ้นสติ  และได้ประกอบพิธีกรรมครั้งสุดท้ายให้แก่ชิวหา ตามแบบของอสูร

 

 

หมายเลขบันทึก: 505318เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2012 10:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน 2014 19:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอบคุณครูอ้อยนะครับ สำหรับดอกไม้

ขอบคุณที่ช่วยกันเผยแพร่วรรณคดีไทยอย่างต่อเนื่องค่ะ

 

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/453248

-สวัสดีครับคุณลูกสายลม..

-แวะมาทักทาย..

-ยินดีที่ได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ นะครับ..

-เรื่องรามเกียรติ์..นี่ผมไม่ค่อยได้อ่าน..

-สงสัยต้องของเริ่มติดตามเรื่องราวจากบล๊อคนี้แล้วหละครับ...

-คงต้องทยอยย้อนไปอ่าน...

-เก็บภาพยักษ์ 2 ตน จากวัดดอยบุญจันทร์มาฝากครับ..

-ขอบคุณครับ

 

ในสังคมไทย ... มีผู้ที่มีพฤติกรรมแบบ... นางกุจจี ... ที่คอยยุยง...ดังนั้น... การเป็นผู้นำ .... การจะคิด  ตัดสินใจ อะไร? .... ต้องมีข้อมูลที่ดี ...แม้นตรง.. ถูกต้อง ในการ ตัดสินใจ นะคะ

 

ขอขอบคุณอักขณิช

พี่ ภูสุภา

คุณ tuknarak

คุณนงนาท สนธิสุวรรณ

คุณเพชรน้ำหนึ่ง

คุณ ครูอ้อย แซ่เฮ  สำหรับดอกไม้นะครับ

ขอบคุณสำหรับ Comment คุณนงนาทและคุณเพชรน้ำหนึ่งนะครับ

ได้เลยครับคุณเพชรน้ำหนึ่งที่จะติดตาม ตอนแรกก็รู้สึกแปลกนะครับ

คนไม่ค่อยอ่านนะครับ คิดอยู่เหมือนกันว่าจะเรียบเรียงไหมนะครับ

และขอบคุณสำหรับภาพยักษ์นะครับ

ส่วนคุณนงนาทนะครับ

ผมขอเป็นส่วนเติมเต็มมากกว่านะครับ อาจไม่มีผลอะไรมากนะครับ

นำความเรื่องและสิ่งที่ตนรู้มาทำให้เป็นประโยชน์ครับ

ขอบคุณทั้งสองท่านอย่างสูงนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท