ชั่วโมงทองของชีวิต


จนกว่าเราจะเห็นคุณค่าของตัวเอง เราจึงจะเห็นคุณค่าของเวลา จนกว่าเราจะเห็นคุณค่าของเวลา เราจะไม่ได้อะไรจากเวลานั้นเลย

สุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า

ขอทานมีชีวิตอยู่...มื้อต่อมื้อ
คนยากจนมีชีวิตอยู่...วันต่อวัน
ชาวนามีชีวิตอยู่...ฤดูต่อฤดู
ชนชั้นกลางมีชีวิตอยู่...ปีต่อปี
พระราชามีชีวิตอยู่...ยุคสู่ยุค
แต่พระจักรพรรดิ์คิดและวางแผนชีวิตไปถึงศตววรษหน้า

ถึงแม้สุภาษิตข้างต้นจะหมายถึงเรื่องของปากท้องเป็นสำคัญ แต่นั่นก็แสดงให้เห็นถึงระยะทางของความคิดและระยะเวลาของการวางแผนชีวิตอีกด้วย

ในทุกวันของชีวิตเราอาจรู้สึกมีหลายต่อหลายสิ่งเหลือเกินที่ต้องทำในแต่ละวัน เราต่างกลายเป็น Mr. Yes และ Ms. Ok กันทั้งหมดเพราะเราไม่อาจปฏิเสธคำร้องขอของคนรอบข้างได้จะด้วยเหตุผลใดก็สุดแล้วแต่ ในสมองเราจึงมีแต่ความวุ่นวายจาก busyness ไม่ได้มีช่วงเวลาที่จะมาคิดวางแผนชีวิตของตนเอง หรือแม้แต่ถามตัวเองว่า "เป็นไงบ้าง สบายดีไหม รู้สึกอย่างไรในวันนี้?" เรามีเวลาเพียงถามคำถามเหล่านี้กับคนอื่น (และบางครั้งก็ลืมเผื่อเวลาไว้ฟังคำตอบด้วยซ้ำ)

การให้เวลากับตัวเองเป็นคนแรกในยามเช้าตรู่ของวันก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเป็นชั่วโมงทอง ชั่วโมงแห่งความเงียบสงบในชีวิต ว่ากันว่าจะช่วยสร้างความสมดุลให้ตัวเองและนำพาสิ่งดีดีให้เข้ามาในชีวิตมากมาย...อย่างน้อยที่สุดคือความพร้อมในการเริ่มต้นวันใหม่

ชั่วโมงทองก่อนพระอาทิตย์ขึ้น อาจถูกใช้ในการพิจารณาตัวเอง วางแผนชีวิตให้ตัวเองดังนี้

1. หน้าที่ - ให้เวลา 30 นาทีเพื่อตั้งจุดมุ่งหมายให้ชีวิตในสิ่งที่จะเกิดในวันนี้ อีกหนึ่งสัปดาห์ และอีกห้าปี รวมทั้งพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มีอะไรที่เรียนรู้ได้บ้าง เขียนบันทึกความคิดนี้ไว้ให้เราอ่านเพียงคนเดียว

2. ความรู้ - ให้เวลา 20 นาทีในการอ่านหนังสือที่ให้ความรู้ที่เราสนใจ โน้ตสิ่งต่างๆ ที่เรียนรู้ลงไป

3. ศรัทธา - ให้เวลา 10 นาทีในการสวดมนต์ แผ่เมตตา ทำจิตให้สงบ ก่อนเริ่มวันดีดี

แค่นี้เราก็อาจเริ่มต้นวันใหม่ด้วยใจที่พร้อมกว่าเดิม โลกยังคงหมุนไปตามเดิม สิ่งต่างๆ ไม่จำเป็นต้องแตกต่างไป เราเองต่างหากที่อาจปรับเปลี่ยนตัวเองได้

...


...

ชีวิตเราที่ผ่านมาอาจเหมือนท่อนไม้ที่ล่องลอยอยู่ในแม่น้ำ ซึ่งถูกสายน้ำพัดพา คลื่นซัดไปโน่นมานี่เสมอ หากเราไม่อาจควบคุมตัวเองได้ในหนึ่งชั่วโมงทองต่อวัน อีก 23 ชั่วโมงคงไม่ต้องพูดถึง

จนกว่าเราจะเห็นคุณค่าของตัวเอง เราจึงจะเห็นคุณค่าของเวลา จนกว่าเราจะเห็นคุณค่าของเวลา เราจะไม่ได้อะไรจากเวลานั้นเลย

ชั่วโมงทองมีไว้ให้เราได้พิจารณาถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในวันที่ผ่านมา เราจะรู้ว่าเราทำความผิดซ้ำแบบเดิมๆ เสมอ เราไม่ค่อยจะทำความผิดในเรื่องใหม่ๆ  ดังนั้นชีวิตเราจึงจมปลักอยู่อย่างนั้น หากเราปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ มันจะกลายเป็นนิสัยไปในที่สุด ชั่วโมงทองให้โอกาสเราหยุดพิจารณา เราสามารถควบคุมตัวเองได้ ถึงแม้เราจะควบคุมไม่ได้ทุกอย่างในชีวิต แต่อย่างน้อยเราก็สามารถแล่นเรือออกไปโดยรู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้แรงลม

หากเราทำได้เสมอในทุกๆวัน ชั่วโมงนี้คือชั่วโมงของการสร้างนิสัยการมีวินัยในตัวเอง เราเป็นในสิ่งที่เราทำซ้ำๆ เสมอ ความดีเยี่ยมไม่ใช่การแสดงแต่เป็นนิสัย ดังที่ Aristotle กล่าวไว้ (We are what we repeatedly do. Excellence then is not an act, but a habit - Aristotle)

มีเรื่องเล่าของชาวแอฟริกันว่า สิงโตตื่นขึ้นมาในทุกเช้าในแอฟริกา รู้ดีว่าพวก เขาต้องวิ่งให้เร็วกว่ากวางที่วิ่งช้าที่สุดที่จะพบในวันนั้น ไม่อย่างนั้นมันจะหิวตาย กวางที่ตื่นขึ้นมาในทุกเช้าต่างก็บอกกับตัวเองว่า ฉันจะต้องวิ่งให้เร็วกว่าสิงโตที่วิ่งเร็วที่สุดที่ฉันจะเจอในวันนี้ แล้วเราล่ะ...ตื่นขึ้นมาในเช้านี้ได้ให้เวลากับตัวเองได้พิจารณาถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยสติหรือยังว่ามีแผนอะไรบ้างสำหรับชีวิตที่ยังมีลมหายใจในเช้านี้?.......ฉันถามตัวเอง

...

 

 ...


แรงบันดาลใจจากหนังสือ In the Sphere of Silence - Vijay Eswaran

ด้วยความนอบน้อม,
ปริม ทัดบุปผา
๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๕

 

 In the morning light by Yani

http://www.youtube.com/watch?v=YpQN9Bk44ag

 

หมายเลขบันทึก: 505216เขียนเมื่อ 11 ตุลาคม 2012 13:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม 2012 13:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (37)

หนึ่งชั่วโมงก่อนเริ่มต้นโลดแล่นไปตามวงเวียนชีวิต

เป็นสิ่งที่น่าคิดและน่าทำเพื่อ.....สำรวจตัวเองทั้งกายและใจ

มีความสุขทุกชั่วโมงถัดไปจากชั่วโมงทองเน้อเจ้าน้องปริม

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ 1 ชั่วโมง ที่มีค่าค่ะ

  • ทำข้อ 2 และ 3 ได้
  • ข้อ 1 ยังไม่ได้ทำ
  • ปกติตั้งจุดหมายเป็นวันๆๆไป 555

   บางครั้งเรามีเวลาอยู่กับสิ่งโน่น...นั่น...นี่...แต่มีเวลาอยู่กับตัวเอง???...

   เป็นชั่วโมงทองที่มีคุณค่าทางปัญญามากครับ... :)

   ข้อ 2.5 ขอจิบกาแฟหอมกรุ่นด้วยแล้วกัน...:)

   ขอบคุณบันทึกแห่งรอยยิ้มนี้...อีกครั้งนะครับ คุณปริม...

หนึ่งชั่วโมงทอง จะลองทำดูค่ะ
ขอบคุณนะค่ะ

ทุกนาทีมีคุณค่า..รู้รักษาใจให้มั่นคง..เพื่อดำรงความสุขสม..และชื่นชมแต่ความดี..ขอบคุณค่ะ

 

-สวัสดีครับคุณปริม..

-แวะมาทักทาย/รับความรู้ดี ๆ

-ยินดีที่ได้ร่วมรับการแบ่งปันเรื่องราวดีๆ นะครับ..

-ชอบ ๆ "ชั่วโมงทองของชีวิต"

-"ชั่วโมงทองมีไว้ให้เราได้พิจารณาถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เราจะรู้ว่าเราทำความผิดซ้ำแบบเดิมๆ เสมอ เราไม่ค่อยจะทำความผิดในเรื่องใหม่ๆ หรอก ดังนั้นชีวิตเราจึงจมปลักอยู่อย่างนั้น หากเราปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ มันจะกลายเป็นนิสัยไปในที่สุด ชั่วโมงทองให้โอกาสเราหยุดพิจารณา เราสามารถควบคุมตัวเองได้ ถึงแม้เราจะควบคุมไม่ได้ทุกอย่างในชีวิต แต่อย่างน้อยเราก็สามารถแล่นเรือออกไปโดยรู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้แรงลม."

-ขอบคุณครับ..

-พรุ่งนี้ไป "ดำนา"ด้วยกัน....นะครับ...

 

  • สวัสดีค่ะท่าน Blank  ปริม ทัดบุปผา 
  • หวังว่าท่านคงจะสบายดีนะคะ
  • ขอบคุณ บทความดีๆที่นำมาแบ่งปัน
  • การให้เวลากับตัวเองเป็นคนแรกในยามเช้าตรู่ของวันก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเป็นชั่วโมงทอง ชั่วโมงแห่งความเงียบสงบในชีวิต ว่ากันว่าจะช่วยสร้างความสมดุลให้ตัวเองและนำพาสิ่งดีดีให้เข้ามาในชีวิตมากมาย...อย่างน้อยที่สุดคือความพร้อมในการเริ่มต้นวันใหม่

สวัสดีค่ะคุณปริม

การบ้าน เป็นชั่วโมงแบบนี้ดีจังเลยค่ะคุณปริม

กำลังล้า แบบไม่มี ไม่ได้อะไรเป็นเรื่องเป็นราว เด็กๆก็ดึงป้าขึ้นไม่ไหว :))

คุณปริมช่วยถอดรหัสลายแทง อนุทินท่าน Blank จัตุเศรษฐธรรมพอดีเลยค่ะ

ถอดความหนักหน่วงจากเป้าหมายรูปวัตถุ การแสดง ฯลฯ มาเป็นการเน้นฝึกนิสัยภายใน

ได้คิดจากบันทึกเรื่ืองเล็กๆ ที่พลิกความคิดใหญ่ๆ ของอาจารย์หมอปัทมาBlankป.

แล้วมาแตกรากที่อนุทิน ท่านอาจารย์จัตุฯ

ต่อยอดที่...ชั่วโมงทอง บันทึกแห่งรอยยิ้มของคุณปริมซะได้ หายใจโล่งขึ้นแล้วค่ะ

ขอสารภาพว่า... ตำราเป็นร้อยเป็นพันเล่มมีอยู่ แต่...ใจไม่เปิดรับเลย

ขอบคุณอย่างมากมายเลยนะคะ สาธุค่ะ

 

สูตร 30 20 10 น่าสนใจดีนะครับ

สวัสดีเจ้า krugui

โดยเฉพาะคนที่ทำงานหนักแทบทุกวัน การให้เวลาหนึ่งชั่วโมงสำหรับตัวเองในยามเช้าตรู่ อาจช่วยให้รู้สึกว่าได้อยู่กับตัวเองบ้าง ฟังเสียงหัวใจตนเองเต้นบ้าง สุขดีไม่น้อยในยามเช้าค่ะ

ขอให้คุณครูมีความสุขทุกโมงยามเช่นกันค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ tuknarak,

หากลองทำได้ผลอย่างไร นำมาบอกเล่าสู่กันบ้างนะคะ สำหรับตัวเองรู้สึกว่ามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นที่ได้เริ่มต้นวันด้วยความพร้อมค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

สุขสันต์วันศุกร์นะคะ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ขจิต

การตั้งจุดหมายในวันนั้นๆ ก็ถือเป็นการทำข้อหนึ่ง 50% แล้วค่ะ จุดหมายในอนาคตเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อให้เราเดินไปในทิศทางนั้นทุกวัน เพียงแต่จุดหมายประจำวันต้องสอดคล้องกับจุดหมายในอนาคตค่ะ เวลาส่วนใหญ้ใน 30 นาทีที่ว่าอาจใช้ในการตรวจทานวันที่ผ่านมาและสิ่งที่เรียนรู้ 10 นาที วางแผนสำหรับวันนี้ 15 นาที และวางแผนสำหรับอนาคตแค่ 5 นาที เราก็ได้อยู่ในปัจจุบันมากกว่าจมอยู่ในอดีตหรือฝันเฟื่องกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงค่ะ

ขอบคุณค่ะอาจารย์

สุขสันต์สายวันศุกร์นะคะ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์จัตุเศรษฐธรรม,

ข้อ 2.5 ของอาจารย์ช่วยทำให้เช้าของทุกวันอบอุ่นขึ้นจริงๆ ค่ะ (ของปริมขอเป็นชาร้อนละกันค่ะ)

เมื่อก่อนปริมก็ไม่ได้ทำค่ะ ตื่นมาแทบวิ่งออกจากบ้านไปทำงาน รู้สึกอยากให้เวลาที่มีในการพักผ่อนให้มากที่สุด แต่พอได้อ่านหนังสือ The monk who sold his ferrari แล้วผู้เขียน Robin Sharma แนะนำไว้ค่ะ ลองทำดูแล้วรู้สึกว่าเหนื่อยน้อยกว่าเดิมแม้จะนอนน้อยกว่าเดิมหนึ่งชั่วโมงก็เลยติดใจค่ะ ;)

ตอนนี้แม้จะไม่วุ่นวายมากเหมือนเมื่อก่อน แต่การได้ตื่นเช้าๆ เปิดหน้าต่างรับอากาศที่สดชื่น ลมอ่อนๆ ที่พาเอากลิ่นไอของทะเลมาแตะจมูกพร้อมฟังเสียงนกที่เริ่มตื่นมาคุยกัน เป็นความสงบใจอย่างยิ่งและถือเป็นฤกษ์ดีในการต้อนรับวันใหม่ค่ะ

สุข สงบ ในวันศุกร์นะคะ ;)

สวัสดีค่ะคุณกอหญ้า

ตอนเป็นเด็กก็รู้สึกว่าการตื่นมาอ่านหนังสือในตอนเช้า ทำให้รู้สึกมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นค่ะ ชอบมากๆ แต่พอทำงานไม่ได้ทำอีก ตอนนี้กลับมาตื่นเช้าอีกทีรู้สึกดีขึ้นค่ะ

ได้ผลยังไงนำมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ ;)

มีความสุขในวันนี้ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ใหญ่...

ทุกนาทีมีคุณค่า..รู้รักษาใจให้มั่นคง..เพื่อดำรงความสุขสม..และชื่นชมแต่ความดี

ขอบคุณข้อคิดเตือนสติให้รู้จักคุณค่าของเวลาค่ะ

สุข สงบ ในวันสุขใจค่ะคุณพี่ใหญ่ ;)

สวัสดีค่ะคุณเพชรน้ำหนึ่ง

ขอบคุณมากนะคะที่มาทักทายกันค่ะ

ตอนนี้แถบบ้านเราทางเหนือข้าวกำลังออกรวง คุณเพชรน้ำหนึ่งดำนาที่ไหนคะช่วงนี้

น้องผู้ชายในรูปยืนมองกล้องแบบงงงง...น่ารักมากค่ะ ฝากบอกน้องด้วยนะคะว่าป้าให้กำลังใจในการดำนาค่ะ

วันหนึ่งในอีกไม่ไกล ปริมคงจะได้ดำนาจริงๆ ค่ะ

สุขสันต์วันดำนานะคะ ;)

สวัสดีค่ะครูทิพย์

ขอบคุณครูทิพย์ที่มาทักทายกันนะคะ ปริมสบายดีค่ะ หวังว่าปิดเทอมแล้วครูทิพย์คงมีเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ

สุขสันต์วันศุกร์ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณตะวันดิน

ขอเป็นกำลังใจให้การเรียนรู้บนหนทางนี้ค่ะ

การเรียนที่มีประสิทธิภาพปริมว่าก็ต้องอาศัยเวลาและจังหวะที่เหมาะด้วยค่ะ เมื่อตัวเราพร้อม ครูก็จะปรากฎค่ะ อย่ากดดันตัวเองมากมายนะคะ ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ ปริมเอาใจช่วย

มีความสุขในวันศุกร์นะคะ ;)

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์

สูตรนี้เป็นแค่ guideline ค่ะ จริงๆ แล้วคงต้องแล้วแต่ผู้ปฏิบัติจริงด้วยค่ะ บางคนอาจให้เวลาในข้อสุดท้ายมากขึ้น หากทำแล้วรู้สึกดีค่ะ

10 นาทีสำหรับท่านอาจารย์อาจน้อยไปค่ะ อิอิอิ

ขอบคุณมากนะคะ

สุข สงบค่ะ

ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่แวะมาอ่านและให้กำลังใจในบันทึกเพื่อตัวเอง บันทึกนี้ค่ะ

ให้เวลาสำรวจกายใจในยามเช้าตรู่ของวัน เป็นของขวัญชิ้นดีที่เราอาจให้ตัวเองได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ สุขสันต์วันสุขใจค่ะ

 สวัสดีวันสุข(ศุกร์)แห่งชาติค่ะคุณปริม...

"เวลา" คือสิ่งมีค่าที่ทุกคนได้ติดตัวมานับจากลมหายใจแรกค่ะ คนส่วนใหญ่มักมีเวลามากมายให้สิ่งรอบๆตัว(แต่ไม่ค่อยมีเวลา"หยุดเวลา"สำหรับลมหายใจของตัวเอง) และคนส่วนมากอีกเช่นกันค่ะที่รู้ซึ้งคุณค่าของ"เวลาและชีวิต"ได้ดีเมื่อยามเจ็บป่วย หลายๆครั้งที่ทวนใจถามตัวเองก็บอกได้เพียงแปลกจริงหนอ"นี่แหละชีวิตและอนิจจัง"

ขอบคุณ...เรื่องราวบันทึกที่ชวนให้ชีวิตมีพลังและสีสันในทุกๆวันที่ลืมตา ("แผนชีวิตและเวลา"สำหรับคนปลูกต้นไม้ก็ใช้แบบเดียวกันกับบันทึกคุณปริมค่ะแต่เพิ่มเวลาอีกช่วง"พิจารณาก่อนนอน")

...ขอบคุณค่ะ...

อ่านรู้สึกได้ว่า ความไม่แน่นอนทั้งหมด ความอ่อนแอ อยู่ใจคุณปริมเลยนะครับ

รู้สึกกับอะไรหรอครับ

สวัสดีค่ะคุณน้อย

ดีใจด้วยค่ะที่คุณน้อยมีเวลาให้กับตัวเองทั้งตอนตื่นนอนและก่อนนอน ปริมยังทำได้ไม่ดีนักค่ะ โดยเฉพาะเวลาก่อนนอนคือทำงานเสร็จก็จะเข้านอนแบบง่วงๆ เลยไม่ได้พิจารณาค่ะ และรู้สึกว่าสมองจะไม่ค่อยทำงาน เช้าๆ สดชื่นๆ ดีกว่าสำหรับปริมค่ะ

ตอนนี้ยังยุ่งอยู่กับสวนใหม่รึเปล่าคะคุณน้อย มีความสุขกับทุกลมหายใจค่ะ ;)

สวัสดีค่ะคุณลูกสายลม

ความไม่แน่นอน ความอ่อนแอ อยู่ในใจเสมอค่ะ จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวก็เป็นอีกหนึ่งที่ประสบอยู่ในทุกวันของชีวิตค่ะ

แต่ในทุกวันที่โตขึ้น ปริมพยายามเรียนเพื่อรู้และเพื่อพัฒนาปรับปรุงจิตใจที่รู้ว่าอ่อนแอนั้นค่ะ ตอนนี้กำลังอยู่บนหนทางของการเรียนรู้ การสอนตัวเองโดยมีคำสอนของพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งและพยายามปฏิบัติค่ะ เพราะไม่ว่าจะได้ยินคำพูดคำสอนมากเท่าไหร่ มันก็ไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งของการเรียนรู้ด้วยตนเองค่ะ

หวังว่าสักวันหนึ่งความไม่แน่นอน ความอ่อนแอของจิตจะลดลง แต่เกิดเป็นความแข็งแกร่งของปัญญาค่ะ

คุณลูกสายลมมีอะไรจะแนะนำ ปริมจะยินดีรับฟังเพื่อพิจารณาเป็นอย่างยิ่งค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ

สวัสดีครับ คุณปริม ผมไม่ได้อ่านละเอียดหรอกนะบันทึกอ่ะ ..สายกลางแบบปุถุชนน่ะ น่าสนใจ นะครับ มีความสุขกับทุกวันนะครับ หากบอกว่าทุกขณะ ก็ต้องบวชแล้วอ่ะ ... ไม่หนับหนุน

วันนี้..หมอ รพ.กรุงเทพ นัด เก้าโมง

สิบเอ็ดโมง จึงได้ตรวจ และ ดูฟิล์มเอ็กซเรย์

หมอขอโทษ..บอกเราว่ามีคนไข้ โคม่า หัวใจหยุดเต้น ต้องเฝ้าดูอาการ

บอกหมอว่า ไม่เป็นไร ครับ ใจก็อยากบอกหมอว่า

ช่วงที่รอหมอ...ใจสงบเย็น และคิดว่า เสียเวลาไปกับการรักษาตัว

ถ้าผมไม่เป็นไร..จะกลับไปทำงานชดใช้ อย่างมีความสุขและระวังตัวที่สุด

จิตเรามักจะส่งออกนอก..เสมอๆ ครับ ถ้ามีเวลาทอง..ปล่อยวาง บ้าง ก็ดี ทิ้งความคิด พาจิตกลับบ้าน คือ..ลมหายใจเข้า-ออกบ้าง ก็ดี สุข..อยู่กับปัจจุบันขณะบ้าง ก็ดีครับ

สงบ เย็น เป็นประโยชน์ ครับคุณปริม ขอบคุณครับผม...

พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมา คุณพี่จะลองทบทวนดูค่ะ

 

  • จิตคือตัวกำหนด
  • หากเรากำหนดจิตได้  ชีวิตก็มีสุขจ้ะ

สวัสดีค่ะคุณเพชร

ไม่หรอกค่ะ ปริมเองยังห่างไกลจุดนั้นอีกมากมายค่ะ แค่ทำตามศีลของฆราวาสก็ยังต้องใช้ความพยายามให้เป็นปกติสุขค่ะ ไม่ถึงกับออกบวชแน่นอนค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ ;)))))

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ชยันต์

ขอให้ผลการตรวจออกมาโดยไม่มีปัญหาอะไรนะคะ ท่านอาจารย์รักษาสุขภาพด้วยค่ะ อย่าหักโหมมากมาย

สุข...ในระหว่างที่รอนะคะท่านอาจารย์

ขอบคุณมากค่ะ

พักผ่อนในช่วงปิดเทอมบ้างนะคะ ;)

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์นุ

เป็นไอเดียที่ดีมากค่ะ นอกจากเวลาที่จัดการกับโลกภายนอกแล้วชั่วโมงทองควรมีไว้จัดการกับโลกภายในด้วยการปล่อยวางบ้าง

คงต้องเพิ่มเวลาให้ข้อสามมากขึ้นเพื่อใช้ในการปล่อยวาง

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณมะเดื่อ

ใช่เลยค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจจริงๆ จะทำได้หรือไม่ มีวินัยแค่ไหน อยู่ที่ใกล้ๆ ใจนี่เอง

ขอบคุณมากนะคะ

สุขสันต์วันหยุดค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ kunrapee,

สงบ สบาย ปลอดโปร่งมากไหมคะเช้านี้

ขอบคุณมากค่ะ

มีความสุขในวันสุดสัปดาห์นะคะ

คุณค่าของชีวิตไม่ได้วัดที่ความยืนยาว

หากแต่วัดที่ความลึก...

(ลีโอ ทอลสตอย)

...ผมเห็นความลึกๆ ในจิตใจของคุณปริมบ้างแล้วครับ...

สวัสดีค่ะคุณหมออดิเรก

คุณหมอเห็นลึกอย่างไร เพียงไหน ช่วยบอกเล่ากันได้นะคะ คนเรามักมองไม่เห็นจมูกตัวเองค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ;))

มีความสุขในการทำงานค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท