ช่วงที่ปิดตัวเลขตอนสิ้นเดือนและเปิดขายตอนต้นเดือนงานมากจนเด็กๆที่ทำงานกันดึกดื่นเป็นไข้กันหลายคน บางคนก็หยุดไปเฉยๆไม่แจ้ง ซึ่งลีดเดอร์ได้มาปรึกษาว่าควรจะมีมาตรการลงโทษตักเตือนบ้างจะได้ไม่เป็นตัวอย่างให้คนอื่นทำตาม
ผมเห็นด้วยที่จะบอกกล่าวตักเตือนแต่ไม่เห็นด้วยที่จะเอาผิดลงโทษพวกเขาเพราะจากการที่ผมอยู่หน้างานถึงสี่ทุ่มมาตั้งแต่วันจันทร์ ผมรู้ว่าพวกเขาทำงานกันหนักมาก มากเกินจนผมไม่กล้าแม้จะว่ากล่าวตักเตือน
เช้าวันนี้ไม่มีการLoadสินค้าผมจึงเรียกทีมจัดสายส่งทั้งหมดรวม30คน มาพูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเองมากกว่าเป็นการประชุม
ขณะที่สายพานลำเลียงสินค้ายังคงหมุนไม่หยุด และสินค้าเริ่มเต็มแล้ว ผมสั่งให้ปิดสายพานลำเลียงเพื่อไม่ให้กังวลกับงานที่หมุนวนไปมาอยู่นั้น
แม้การปิดสายพานครึ่งชั่วโมงอาจจะทำให้เสียโอกาสทางธุระกิจบ้างและแผนกที่ส่งงานต่อเนื่องอาจจะต้องสะสมงานไว้ทำให้กระจายงานออกไม่ได้
แต่ผมตัดสินใจที่จะพูดคุยกับทีมงาน ให้พวกเขาได้มีโอกาสมาฟังข่าวสาร นโยบาย ข้อมูล อย่างพร้อมเพรียงกันทุกคน
ขณะที่ทุกๆวันพวกเขาเข้างานมาก็ต้องเฝ้าหน้างานของตัวเองและยกสินค้าลงจากสายพานที่หมุนไม่หยุดตลอดเวลาจากเช้ายันสามสี่ทุ่ม
พวกเขาคือชีวิต มีลมหายใจ น่าจะมีความพิเศษมากกว่าสายพานลำเลียงที่ผมสั่งให้ปิดชั่วคราวอยู่ ณ ขณะนี้ มันเป็นวัตถุยังมีโอกาสได้หยุดเลยในเช้าวันนี้
ผมพูดถึงปัญหาข้อผิดพลาดในการทำงานของแผนกและได้บอกให้ลีดเดอร์นำไปแก้ไขและหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอีก
ผมตั้งใจที่พูดเรื่องงานให้น้อยที่สุดเพราะผมไม่ต้องการตอกย้ำในขณะที่พวกเขารู้สึกเหนื่อยโรยระหว่างที่นั่งฟังผมอยู่ ผมจึงนำเรื่องความสุขในการทำงานมาพูดให้ฟังว่า
"หลายๆคนคงเหนื่อยจากการกรำงานหนักตั้งแต่เช้ายันดึกดื่น ผมเข้าใจเห็นใจ บางคนหยุดขณะที่เพื่อนเราทำงานต่อ เราอยู่กันครบยังหนักกันขนาดนี้แล้วคิดดูถ้าขาดเราไปเพื่อนเราจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน "
"หลายคนรู้สึกไม่มีความสุขในการทำงาน รู้สึกเหน็ดเหนื่อย สิ่งที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากงานเยอะมากในช่วงนี้ แต่ส่วนหนึ่งมาจากใจเราที่มันไม่สู้"
"ทำยังไงใจเราถึงจะสู้ ถึงจะมีความสุข ไม่ทุกข์กับการทำงาน"
"ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งพระท่านบอกว่าที่เราไม่มีความสุขจากการทำงานเพราะเราทำงานเพื่อตัวเอง มันจึงทุกข์ ทำไปก็กลัวเราจะเหนื่อย กลัวจะไม่สบาย กลัวจะไม่ได้ตามเป้าที่เราตั้งไว้"
"แต่ถ้าเราทำเพื่อคนอื่นด้วย ทำเพื่อจุนเจือคนอื่น เอื้อเฟื้อคนอื่น คนที่อยู่ข้างหลังเรา หลายคนมีพ่อแม่ บางคนมีลูก มีครอบครัว ถ้าเราทำให้เขา เรารู้สึกอย่างไรกันบ้าง รู้สึกภาคภูมิใจ รู้สึกดีใจ รู้สึกปลื้มใจที่ได้ส่งข้าวของเงินทองแม้น้อยนิดให้คนเหล่านั้น"
"สิ่งเหล่านี้ผมเชื่อว่ามันจะเป็นแรงผลักให้เราทำงานต่อไปได้ด้วยความสุข งานที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยก็อาจจะเบาลง"
"นอกจากนี้ถ้าเราทำงานโดยนึกถึงคนที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังแล้วมีความสุขกับการทำงาน หากเราทำงานแล้วนึกถึงเพื่อนร่วมงานที่ทำอยู่เคียงข้างเราด้วยแล้ว จะมีความสุขมากเพียงไหน"
"ต่างคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่างเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกัน แผนกงานของเราก็จะมีแต่คนทำงานที่มีความสุข และผลักดันให้งานของเราลุล่วงไปด้วยดี"
ผมมองนาฬิกาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมกล่าวขอบคุณลูกทีมทุกคนที่เสียเวลามานั่งฟัง มีโอกาสดีๆผมสัญญาว่าจะมาพูดคุยกับพวกเขาอีก
ลีดเดอร์สั่งให้เปิดสายพานลำเลียงสินค้าให้หมุนวนเวียนตามสายพานนั้นตามปกติ เหมือนชีวิตพวกเราที่กำลังแยกย้ายกันเข้าทำงาน
ต่างกันตรงที่ว่าเราคือคน ที่มีชีวิตจิตใจ มีสุข มีทุกข์.....
สายพานลำเลียงสินค้าทำงานไม่มีวันหยุดได้แต่....สายพานชีวิตคงต้องมีวันหยุด
บ้างตามความเหมาะสม สุดท้ายก็คงถึงจุดหมายปลายทางเช่นเดียวกัน
ถ้าเราทุกคนให้ความสำคัญกับความเป็น"คน"ของคนรอบๆตัว เราจะสร้างบรรยากาศแห่งความสุขรอบๆตัวเราได้ไม่ยากเลยนะคะ คุณพิชัย ทำได้ดีมากจริงๆค่ะ เชื่อว่าคงช่วยส่งน้ำเลี้ยงจิตใจให้คนรอบๆตัวที่ทำงานหนักได้บ้างแน่ๆค่ะ
*หนับหนุนแนวทางแบบนี้อย่างเต็มที่ครับผม
** จงมองคน ให้เป็นคน แต่อย่ามองคนเป็นเหมือนเครื่องจักร นะครับ