สูตรอาหารเจ ๑๘ หมู่ เพื่อสุขภาพกาย ใจ และ "จริต"


ได้ข่าวว่าเทศกาลเจใกล้เข้ามาอีกแล้ว     วันนี้เลยได้คิดว่า เลข ๑ + ๘ เท่ากับ ๙   คงเป็นเลขมงคล ตามพุทธไทย+ไสยศาสตร์   เลยเอาสูตรอาหารเจ ๑๘ เครื่องปรุงมาฝาก 

 

(สูตรนี้คิดเอง แบบมั่วๆเอาในวันนี้เอง   ยังไม่เคยลองทำกินสักที แต่เชื่อหัวคุณถางฯเถอะว่า หร่อยแน่นอน  ...ไม่เชื่อลองทำกินดูสิครับ หรือไปเปิดธุรกิจร้านอาหารเจ   แล้วให้ลูกค้าเลืือกได้ ๑๘ อย่าง  แล้วเอามาปรุงกินกันเอง บนเตาแบบร้านฆ่าเงินก็ได้  (MK = money killer = โคตรแพง = แพงโคตร) ....    ถ้ามา ๓ คนก็ให้เลือกได้คนละ  ๖ อย่าง โดยเราคิดราคาอย่างละ ๕ บาทเท่านั้น ไม่ใช่ ๕๐ ต่ออย่างร้านฆ่าเงิน )   

 

 

อาหารจานนี้มี ๖ กลุ่ม  ให้เลือกเอากลุ่มละ ๓ อย่าง   (แต่ละกลุ่มมีหลายอย่างมาก อาจเป็นร้อย  แต่ให้เลือกเอาเพียง ๓ อย่างเท่านั้นที่ชอบหรือสลับกันไปในแต่ละมื้อ)

 

กลุ่ม ๑)  พวกเมล็ดพืชและผลทั้งหลาย  ( ข้าวกล้อง  ข้าวเหนียว  ลูกเดือย  ข้าวโพด  รวมไปถึง พวกเป็นหัวเป็นลูก  เช่น ฟักทอง  หัวไชเท้า หัวมันต่างๆ  มะเขือต่างๆ  มะละกอ ฟัก แฟง แตงกวา  ฟักข้าว   รวมไปถึงผลไม้เช่น ขนุนดิบ  สาเก  ...พวกนี้จัดเป็นพวกเนื้อพื้นฐานที่มีปริมาณมากที่สุด เพื่อความอิ่ม  วันไหนเบื่อข้าวอาจหันไปกินมัน ฟักทอง สาเก  ข้าวโพด แทนก็ได้นะ ทำให้ชีวิตมีรสชาติ และได้สร้างสมดุลด้วยพร้อมกันไป)  

 

 

กลุ่ม ๒) พวกเมล็ดถั่ว  งา และ เมล็ดอื่นทั้งหลาย (ถั่วดำ แดง เหลือง เขียว งอก  ลิสง ลันเตา แปบ   งาดำ ขาว   รวมไปถึงผลผลิตจากถั่ว เช่น เต้าหู้ทั้งหลาย   อีกทั้งเมล็ดทานตะวัน กระบก  ลูกก่อ  ลูกประ สะตอ เนียง) 

 

กลุ่ม ๓)  พวกผักต่างๆ ( คะน้า กาดเขียว กาดขาว หล่ำปี บุ้ง ตุ้ง แค ยอ โขม ...)

กลุ่ม ๔) พวกเห็ด (เห็ดบ้าน เห็ดป่า เห็ดใน เห็ดนอก  ตามทศนิยม)

กลุ่ม ๕) พวแต่งกลิ่นและสี    (หอม กระเทียม  ขมิ้น กระชาย เตย  ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เร่ว กระวาน กานพลู.....)

กลุ่ม ๖) พวกแต่งรส  (พริก  เกลือ มะขาม  มะอึก  น้ำตาล น้ำผึ้ง  เต้าเจี้ยว ซีอิ้ว ถั่วเน่า จิ๊กโฉ่ว น้ำกระเทียมดอง ซ๊อสพริก ....) 

 

 

แบบนี้เราก็ไม่ต้องไปติดยึดกับอาหารห้าหมู่ของฝรั่งให้ยุ่งยาก และเป็นทาสการชี้นำฝรั่งที่มีระบบการย่อยต่างจากเรา (แต่มาแนะให้เรากินแบบมัน..อ้วนตายห่ะ)       และยังเป็นอาหารที่หลากรส กลิ่น สี  ตามแต่จริตจะปรุงไปในแต่ละมื้อ (ไม่ชืดแบบฝรั่ง)    

 

  ซึ่งนอกจากสนุก อร่อยแล้ว เจ้า ๑๘ อย่างนี้มันยังจะคานอำนาจกันเองเพื่อสร้างระบบปชต. ในกระเพาะของเราอย่างสมดุล    ทำให้ไม่เอนเอียงไปในทางใดที่หนักมากเกินไปจนเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน

 

 

ส่วนวิธีการปรุง เราเน้นไปที่ความสะดวกเรียบง่าย แต่อร่อย  ซึ่งมีอยู่หก วิธีคือ การผัด การต้ม  การตุ๋น การนึ่ง การปิ้งย่าง  และการอบ

 

สำหรับผมโดยจริตแล้วชอบการปิ้งย่างมากที่สุด (แบบห่อใบตอง หรือใบอื่น)  เพราะมันแห้งและหอม       รองลงไปคือการตุ๋น เพราะมันง่าย และสะดวก  

 

 

ขอแนะให้เอาวัตถุดิบ ๑๘ อย่าง ผสมกันแบบคลุกไปเลย   (ฉันสำรวมแบบพระ )  ใส่น้ำลงไปคลุกด้วยนะ  พอขลุกขลิก แล้วเอาลงหม้อไฟฟ้าญี่ปุ่น (ทำไมคนไทยไม่รู้จักสร้างบ้างหนอ)   กดปุ่มตุ๋นไฟอ่อนสัก  ๒๐ นาที    ก็สุกแล้ว พร้อมกินได้เลย    ...ระหว่างนี้ก็ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์สิ  เช่น ดูสารคดี เขียนบลอก  ออกกำลังกาย  อาบน้ำ  รดน้ำสวนผัก ก็ว่ากันไป  

 

 

ก่อนกิน อาจกันเอาไว้ ไปตักบาตรพระ  เลียนแบบนางสุชาดา (ข้าวมธุปายาส) ก็ได้  

 

 

แต่ละวันเปลี่ยนสูตรไปเรื่อยๆ   มันจะช่วยให้เราคิด  สนุก  บริหารสมองได้อีกด้วย   เหมาะสำหรับคนแก่ที่ทำอาหารกินเอง   แต่ต้องมีโกดังสินค้ามากสักหน่อย (แค่หาว่าไอ้ ๑๘ นี้อยู่ตรงไหนก็บริหารสมองกันสนุกแล้ว ) 

 

 

...คนถางทาง (๔ ตค ๒๕๕๕)

 

หมายเลขบันทึก: 504533เขียนเมื่อ 4 ตุลาคม 2012 19:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม 2012 21:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ลืมไปอีกอย่างคือ การหลาม (ใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วเอาไปเผา แบบ ข้าวหลาม) แต่วาไปแล้ววิธีนี้อนุโลมให้เป็นการปิ้งก็ได้ นิ หิหิ

หกกลุ่ม กลุ่มละ สาม ....อ้าว หก บวก สาม เป็น เก้าอีกแล้ว

...เอ สงสัยว่าอาหารจานนี้ กินแล้วคงช่วยเพิ่มพลังในการบรรลุธรรมแน่ๆ อิอิ (แต่การติดในรสอาหารนั้น ท่านว่า เป็นกิเลสอย่างหนึ่งนะ ไอ้เก้าที่ว่า อาจเป็นก้าวหลังมากกว่าก้าวหน้าก็เป็นได้นะ หึหึ)

อืมมม์.......เข้าบรรยากาศมากขอบคุณค่ะอาจารย์

เรียน อาจารย์ค่ะ

ช่วงกินเจตามประเพณี 9 วัน 

อาหารส่วนมากจะไม่มี กระเทียม หัวหอม ใบกูฉ่าย ผักชี ต้นหอม กระเทียมดองค่ะ

ดิฉันคิดว่า สตอ ก็กลิ่นแรง  แต่ว่าไม่เห็นมีใครพูดถึง เมืองจีนอาจไม่มีสตอ(มั้ง ?)

 

ขอแนะให้เอาวัตถุดิบ ๑๘ อย่าง ผสมกันแบบคลุกไปเลย   (ฉันสำรวมแบบพระ )  ใส่น้ำลงไปคลุกด้วยนะ  พอขลุกขลิก แล้วเอาลงหม้อไฟฟ้าญี่ปุ่น (ทำไมคนไทยไม่รู้จักสร้างบ้างหนอ)   กดปุ่มตุ๋นไฟอ่อนสัก  ๒๐ นาที    ก็สุกแล้ว พร้อมกินได้เลย    ..

แล้วการใส่รวมๆ กันลงหม้อต้ม  ดิฉันก็คิดว่า ไม่น่าจะอร่อยน้า..  ขออนุญาตค้านค่ะ

วัตถุดิบบางอย่าง ใช้เวลาสุกพร้อมกินไม่เท่ากัน  น่าจะมีการเรียงลำดับขั้นตอนการทำอาหารตามวิชาวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการปรุงอาหารให้อร่อยเหาะ และดูสวยงามด้วยค่ะ..  ผักบางอย่างที่สุกง่ายจะเหี่ยว เละ สีเปลี่ยน ไม่น่ากิน และคุณค่าทางโภชนาการหายไป   บางอย่างก็กินแบบสดๆ ไม่ต้องต้มเลยน้า..   แต่ถ้าหากว่า แยกทำให้สุกทีละอย่าง หรือทีละพวกที่น่าจะใช้เวลาที่จะทำให้สุกเท่าๆ กัน  แล้วมาเทรวมกันตอนกินแบบพวกสลัด  ก็พอไหวค่ะ  ฮิ ฮิ

ท่าน นีฯ ครับ เรื่องที่ว่ามาผมคิดไว้หมดแล้ว แต่ไม่มีเวลาบรรยาย วิธีง่ายๆ คือ โยนแต่ละชิ้นลงไปในเวลาที่ต่างกัน แล้วคน ....แต่มันเสียเวลา เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาและอารมณ์ ส่วนคนที่ไม่มีเวลา (และอารมณ์)ด้วย ก็เอาเวลาที่นานที่สุดที่จะทำให้อาหารที่สุกยากที่สุด สุกพอดี ดังนั้น อาหารอื่น ก็สุกเ้กินไปแล้ว ก็เปื่อยไปมาก ก็ไม่เป็นไร ดีเสียอีก กลายเป็นซึมละลาย เละ ไปหมด ..กลายเป็นการฉันสำรวม ที่อร่อยอีกต่างหาก

....แบบนี้เราเรียกว่า จับโป้ยฉ่าย นะ ไม่ใช่ จับฉ่าย     อิอิ

ตามมาคุยต่อ...เช่นพวกข้าว ถั่ว สุกยาก เราก็ตุ๋นก่อน พอมันใกล้จะสุก ก็โยนผัก เครื่องเทศ เครื่องปรุง ลงไปคลุก แล้วตุ๋นต่ออีกสัก สิบนาที หรือตามแต่จริตของผู้กิน (กินคนเดียว หรือ กะคนอื่นก็ต้องประนีประนอมน้ำใจกันด้วยนะ)

พวกข้าว ถั่ว สุกยาก เราก็ตุ๋นก่อน พอมันใกล้จะสุก ก็โยนผัก เครื่องเทศ เครื่องปรุง ลงไปคลุก แล้วตุ๋นต่ออีกสัก สิบนาที หรือตามแต่จริตของผู้กิน

 

อันนี้ เข้าทีแล้วค่ะ อาจารย์ 

ที่จริงแล้ว ปรุงอาหารกินเองคนเดียว แบบไหนก็ได้ 

แต่ถ้าหากว่าทำเผื่อคนอื่นด้วย  ต้องมีอาหารใจเป็นส่วนประกอบค่ะ  ไม่งั้น จะกลายเป็นไม่มีฝีมือ เดี๋ยวคนโน้นคนนี้ติไปติมา กำลังใจเหี่ยวหมด   ฮิ ฮิ

ขอบคุณอาหารสูตรเจ 18 หมู่มากๆครับ มากกว่าของฝรั่งและดีกว่าเยอะเลยครับ พอดีเลยครับกำลังมองหาอาหารเจทานพอดีเลย เดี๋ยวจะขอสูตรเจ นี้ไปลองทำดูหน่อยก็แล้วกันครับ แค่คิดก็มันแล้ว อิอิ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท