นายหัว
นาย เจ้าชาย ณ เมืองห้วยแร่

ทะเลมายา


ทะเลมายา

ทะเลมายา

        เสียงเขาร่ำลือว่าเด็กสาวคนนั้นได้ไปอยู่ในเมืองใหญ่ ด้วยความที่เธอเป็นคนฝันใฝ่ เธอจึงได้เข้าสู่รั้วการอุดมศึกษา โลกที่เต็มไปด้วยวิชาการ การพัฒนาและประสบการณ์ชีวิต สถานที่ที่เด็กบ้านนอกบ้านนาต่างโหยหา ต่างหาวิธีนำพา เพื่อไปสู่สถานที่แห่งนั้น เราเคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ เหตุใดสถานที่แห่งนั้น ใครๆต่างมุ่งสู่ คล้ายว่าเป็นสวรรค์หรือเป็นเหตุบันดาลให้มีสุข ที่นั่นคือที่ไหน ใช่แล้วที่นั่นคือ มหาวิทยาลัย

       ข้าพเจ้าฟังเสียงพร่ำบ่นและการสาปแช่งสังคมจากคนกลุ่มหนึ่งที่คล้ายจะหมดหวังกับสิ่งใดๆในโลกใบนี้ไปทุกอย่าง เสียงของคนเหล่านั้น แนวหน้าชนชั้นนำในสังคมต่างบอกว่าคือเสียงของสวรรค์ แต่กลับตาลปัตร เสียงสวรรค์ได้ถูกเอื้อนเอ่ยออกจากชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่ต่างจากขุมนรกอเวจี ด้วยชีวิตทุกข์ทวีที่มีไปด้วยปัญหานานานับ เสียงประชาชน ถูกต้องแล้วเสียงประชาชน คือเสียงคนส่วนใหญ่ของประเทศ ถ้าพูดให้ตรงไปอีก เขาเหล่านั้นคือคนจนนั่นเอง

      เด็กสาวคนนั้นคือคนคนเดียวกับคนจน และเป็นคนคนเดียวกันกับคนทั่วประเทศแห่งนี้ คนจนคือคนหมู่มาก คือคนที่ไร้สิทธิ์ไร้เสียง คำพูดที่เรียกร้องและเสียงที่เปล่งออกจากปาก แม้ว่าตะโกนโหวกเหวกโวยวายอย่างไร พร่ำบ่นบอกความเจ็บปวดใดๆออกไปก็ไร้ซึ่งการได้ยิน คล้ายว่าสังคมหูหนวก แต่เปล่าเลยนอกจากหูหนวกแล้วยังบอดใบ้ไร้การตอบสนองใดๆ ดังคำกล่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ได้กล่าวย้ำไว้ถึงความเป็นไปของคนจน ท่านกล่าวว่าต่อไปคนจนจะหมดไปจากแผ่นดินไทย และแล้วคำพูดของท่านก็เป็นความจริง เพราะอีกไม่นานคนจนจะตายหมดไปจากแผ่นดินไทย

      ด้วยความลำบากยากเข็น เด็กสาวคนนั้นจึงถีบส่งความยากจนเพื่อมุ่งสู่รั้วการศึกษา เข้าสู้รั้วอุดมศึกษา เข้าสู้โลกมหาวิทยาลัย บัดนี้เลือดเธอลมหายใจเธอคือ ภาษาวิชาการและการถ่ายทอดเพื่อมุ่งสู่การทำงาน การมีอาชีพและรายได้ที่ดี ประดุจดั่งว่าเงินทองและการมีงานทำที่ดีๆเปรียบได้ดั่งน้ำเย็นเอาไปดับรดความยากจนที่ร้อนรุ่มได้

        สืบสาวจากสาเหตุแห่งความทุกข์ที่เด็กสาวประสบ เพราะบิดาเธอจากไปไร้การเหลียวแล ทอดทิ้งมารดาเธอเอาไว้ ทิ้งเธอ ทิ้งน้องสาวเธอเอาไว้ ความคับแค้นใจ ความทรมานได้สั่งสมมาเนิ่นนาน การสั่งสมที่เรื้อรังเกิดเป็นการสั่งสอนเธอและน้องสาว เธอจึงเกลียดผู้ชายทุกคนในโลกบูดเบี้ยวใบนี้ สิ่งที่เธอให้ค่าแก่ผู้ชายทั่วไปคือไม่ต่างจากผีห่าซาตานที่จิตใจคิดคด ได้แต่เอาเปรียบรังแกแต่ผู้อื่นอยู่ร่ำไป คุณค่าที่เธอตีตราให้ เป็นผลพวงอันร้ายกาจที่ผู้ชายคนหนึ่งได้กระทำไว้ ผลร้ายตามมามิใช่อื่นใด แต่หากผู้ที่เข้าใกล้เธอจึงถูกมองด้วยความหวาดระแวง เธอสร้างกำแพงมหึมามาขว้างกั้นยากนักที่ใครจะเข้าถึง และใครกันจะมาเป็นผู้พังทลายทุบกำแพงร้ายเหล่านั้นให้สิ้นลง

       วันเวลาผ่านไปไกลเลยเทียว เด็กสาวคนนั้นใกล้สำเร็จการศึกษา ใกล้แล้วที่จะมีใบปริญญามาประดับฝาบ้านเสริมบารมี บัดนี้เธอประดุจดั่งถ่านไฟที่ร้อนรุ่ม คล้ายว่าจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่อธรรมและส่งเสริมแต่สิ่งดีงาม เด็กสาวเธอทำทุกกิจกรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคม เธอยึดอุดมการณ์อันสม่ำเสมอของเธอเอาไว้ คือให้ถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ประโยชน์ส่วนตนเป็นกิจที่สอง เธอหวังเธอสร้างจิตสำนึกสาธารณะ  เธอคือนักต่อเพื่อสังคมที่ยืดหยัดอย่างทระนง

    ในโลกกิจกรรม เธอคือนางฟ้านักกิจกรรมตังยง ค่ายทุกค่าย ค่ายเด็ก ค่ายอาสาพัฒนา กิจกรรมการสร้างสรรค์สังคม ไม่มีที่ไหนที่ไม่มีเธอ จนทุกวันนี้ใครๆก็รู้จักเธอดี หากเปรียบเปรยดั่งดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย ใครๆบ้างที่ไม่อยากเข้าใกล้และอยากเอาใบดมดอม เธอคือที่หมายปองของหนุ่มๆนักกิจกรรมทั้งหลาย นักต่อสู้เพื่อสังคม นักทำงานอิสระ บุคคลในวงการกิจกรรมต่างหมายจะได้เธอไปครอง

     จนวันนั้นมาถึง หนุ่มใจกล้านักต่อสู้เพื่อสังคม นักกิจกรรมเบื้องหลังผู้ลือนาม ตัดสินใจเข้าไปขอเธอแต่งงาน ด้วยความกล้าหาญและรักยิ่ง เขายอมทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้เธอมาครอบครองและเคียงคู่ เขาคนนั้นมีรักแท้ที่เต็มเปี่ยม ใครเล่าจะไม่รักเขา ด้วยเขาเป็นคนดี มีศักดิ์ศรีและผู้คนต่างรักใคร่ และก็ใช่ว่าเธอจะหาไม่มีใจไม่ สมัครพรรคพวกต่างสนับสนุน เหล่าผู้ใหญ่ต่างให้การยอมรับสนับสนุนด้วย จะแต่งงานตอนเรียนหรือหลังเรียนจบ หาใช่ว่ามีปัญหาใดไม่ ไอ้หนุ่มเรียนก็จบแล้ว ก็หางานทำอยู่พอดี เด็กสาวก็ใกล้เรียนจบเต็มทีเช่นกัน สมัครพรรคพวกต่างยินดีปรีดา ต่างปรึกษาเดินหน้าไปทาบทามสู่ขอจากที่บ้าน ฝ่ายเด็กสาวก็มิคิดอะไรมาก เธอมีความคิดเปลี่ยนไป คล้ายว่ากำแพงใกล้พังครืนลง เธอพบว่าเธอก็มีหัวใจและรักคนอื่น รักผู้ชายเป็นเหมือนกัน และเธอก็รู้สึกว่ารักเขาเข้าแล้วสิ เด็กสาวมิได้คิดอะไรไปมากนัก รึอาจว่าจิตใจเธอเอนเอียงแด่ชายหนุ่มว่าไปก็ไม่ปานนัก เรื่องราวการเดินทางไปสู่ขอ ไปทาบทามก็ดำเนินก้าวหน้าต่อไป

      มาสู่บ้านของเด็กสาว เมื่อฝ่ายชายก้าวย่างลงจากรถยนต์ พบเจอหญิงสาวคนนั้นหน้าหวานใส เธอยิ้มส่งผ่านบานประตูหน้าต่างที่แง้มดู ญาติฝ่ายหญิงต่างรีรอร้อนรน หลายๆคนหน้าตาฉงนๆมารดาเด็กสาวตั้งหน้ารอรับ มองมารดาว่าไปก็สาวอยู่มิใช่เล่น แต่นัยน์ตากลับเย็นชายิ่งนักแล

     เหล่าผู้ใหญ่จากฝ่ายชายหนุ่มต่างเจรจาเรื่องราวการมาทาบทามสู่ขอ บอกตรองๆพูดตรงๆไม่รีรอ จะว่าไงรึท่านมารดา ปุจฉาถามมาจากฝ่ายชาย ด้วยความที่มารดาเด็กสาวเจ็บช้ำจากผู้ชายที่ร้ายกาจ สร้างความพยาบาทแก่นางอย่างโศกศัลย์ นางตัดพ้อย้อนถามถึงหนุ่มคนนั้น ว่าฐานะกระไรกัน สมบัติที่ดินมีแค่ไหน ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ว่ามา ชีวิตมั่นคงหรือไม่ จะดูแลลูกสาวแม่ดีหรือไม่ อย่างไร คำถามยาวเป็นหางว่าว หนุ่มน้อยหน้าสล่อนต่างใจอับ อ้ำอึ้งพูดไม่ออก เพราะกำลังหางานทำและสมบัติอะไรครอบครัวก็หามีมากมายเท่าใดไม่ มารดาเด็กสาวตัดบททันควัน ตอกหน้าเหล่าญาติที่มาหา ถ้าอย่างนี้ให้แม่ตายก่อนแล้วกันค่อยมาเอาน้องไป ความรักมันกินไม่ได้ เงินและความสุขคือสิ่งที่เราทั้งหลายมาโหยหามิใช่หรือ แล้วเอ็งจะเอาอะไรกินและเลี้ยงดูน้องรึ ทุกๆวันต้องกินข้าว ต้องใช้จ่ายและแสวงหาความสุขต่างๆมิใช่หรือ เหตุนี้มิใช่หรือที่ผู้ชายคิดกัน แค่รัก แค่ปรารถนา แต่เมื่อผ่านวันเวลาต่างก็ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ก็ข้านี่ไงอุทธาหรณ์ คงมิต้องสรุปว่าบรรยากาศจะเป็นเช่นไร พิธีการล่มลง ก่อนจะจากกันชายหนุ่มและหญิงสาวมาตกลงกัน ว่าจะเอายังไงต่อหรือ สัญญาคือให้เธอจบปริญญาเรียบร้อยก่อน และชายหนุ่มหางานทำดีๆก่อน แล้วเรื่องราวค่อยว่ากันอีกที

            ชายหนุ่มมีทีท่าว่าจะไม่ยอมแพ้ แต่ภาพมายากลับพาทุกสิ่งทุกอย่างให้ไกลห่าง เด็กสาวถึงเวลาที่ต้องฝึกงานก่อนเรียนจบที่เมืองบางกอก ต้องเดินทางห่างไปจากมหาลัยภูธรแดนใต้ไปไกลแสนทีเดียว

                3 เดือนผ่านไปไวแบบไม่โกหก ไวเหลือเกิน เวลาช่างรวดเร็ว ช่างเดินอย่างไม่หยุดไม่หย่อน เวลาผ่านไป โลกเปลี่ยนไป คนเปลี่ยนไป แต่ชายหนุ่มคนนั้นยังคงมั่นไม่เคยเปลี่ยนไปจากเด็กสาว แต่เด็กสาวเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอทำไมถึงเปลี่ยน เธอไปทำอะไรมาที่เมืองบางกอก บางกอกมันบอกอะไรเธอ บางกอกมันเปลี่ยนใจคนได้จริงหรือ บางกอกมันสอนอะไรเธอ และแล้วความขาดสะบั้นก็ได้ปรากฏขึ้น เด็กสาวกล่าวออกมาจากปาก อย่ารอเลยจงไปเถิด ต่างคนต่างไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ฉันกลัวกลัวเหลือเกิน คุณก็คงไม่ต่างจากบิดาของฉัน ฉันต้องเชื่อมารดาฉันสิ คำพูดของเด็กสาวที่เอื้อนเอ่ยออกมา ประดุจดั่งปรากฏการณ์ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย เหมือนมีสายฟ้ามาฟาดลงกลางใจชายหนุ่ม ไม่มีคำบรรยายใดๆถึงความผิดหวังอันน่าขำอันนี้ได้ ชายหนุ่มหน้าตาหมองหม่น เขาต่างไปจากเดิมมากโข เขาเปลี่ยนไป โลกของเขาเป็นสีเทา เทาดำทะมึนมืดทึบและอับจน ความทุรนทุรายอันนี้ใครบ้างจะเข้าใจ

                มันเป็นเรื่องน่าเศร้า เรื่องชายๆหญิงๆเรื่องรักๆใคร่ๆที่ใครๆต่างหลีกหนีไม่พ้น ไม่ว่านักทำงาน นักกิจกรรม นักต่อสู่เพื่อสังคม นักศึกษา นักร้องและไม่พ้นแม่แต่สุนัขก็ตามที ที่เมื่อเผชิญโลกแห่งความจริงแล้วต้องกลับล้มลงแบบลุกไม่ขึ้น ในโลกแห่งกิจกรรมชีวิตคนหนุ่มสาวในมหาลัย นักทำงานทั้งหลาย ดำเนินชีวิตไปด้วยพลังงานของอุดมการณ์และโลกของอุดมคติ ต่างคนต่างมีความสุขกับความฝันและการทำงานเพื่อสังคม และต่างคนต่างก็ลืมความจริงที่ต้องเผชิญต่อไปในชีวิต

      กรณีของชายหนุ่มเป็นเรื่องน่าขำที่ขำไม่ออก ไม่ใช้เรื่องตลกเรื่องคนอกหัก ไม่ใช่เรื่องเฮฮาที่มาพูดเล่นกันเฉยๆ ปัญหาถ้ามองมาจากสาเหตุเบื้องลึก คือปัญหารากหญ้าของสังคม ความยากจน ความใฝ่หาความสุขความฝัน การมีชีวิตที่ดี ส่งผลเสียระยะยาวต่อสังคมและทุกคน

       ทะเลมายาสามารถปั่นและเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจและความต้องการของมนุษย์ให้สับสนและผันไปได้ เราพบว่าไม่มีมนุษย์หน้าไหนหรอกที่จะรักความลำบากลำบน ความยากจน ความคับแค้นคับข้องใจ การมีภาระหนี้สินรุงรัง การต่อสู่ชีวิตและกิจกรรมในมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องหลอกๆชั่วคราวเพื่อเป็นตัวอย่างก่อนจบออกไปเท่านั้น ที่คนในช่วงระยะเวลาหนึ่งตกหลุมไปแล้วปลักใจรัก หลงไปก็มี แต่มันอยู่กับสภาพและสถานการณ์จริงไม่ได้ในสังคมและชุมชนที่จบออกไป

     โลกนอกกะลามหาวิทยาลัยมันโหดร้ายมากกว่าที่ใครๆในกะลาคิดไว้ มหาวิทยาลัยต่างวาดภาพสวยหรูให้เราเพ้อฝันและเราก็หลงกล และไม่ใช่คนเดียวที่หลงกล เราจึงพบเห็นคนตกงาน ว่างงาน ฆ่าตัวตายเป็นข่าวให้เราอ่านอย่างทุกเมื่อเชื่อวัน

            ปัญญาชนเขาคือใครกันหนอ ที่เขาพูดถึงกัน คือใครกัน คือนักล่าปริญญา คือนักแล็กเชอร์ นักท่องโพยตัวยง นักฟุตบอลมหาลัย ประธานชมรมอาสาพัฒนา กรรมการค่ายเด็ก หรือใครกัน คลื่นมายาได้สัดสาดคนรุ่นต่อรุ่นไปสู่ชายหาดแห่งความจริงแล้ว แต่ไฉนคนในกะลายังหลงใหลคล้ายว่าเสพย์ติดสภาพที่ตนดำรงอยู่

                การค้นพบครั้งสำคัญได้ปรากฏแล้ว เด็กสาวได้ค้นพบแนวทางของเธอหลังจากจบปริญญาไป เธอจะไปอยู่ ณ เมืองใหญ่ เมืองฟ้าเมืองบางกอก เมืองบ้านนอกมันไม่คู่ควรกับเธอ ส่วนไอ้หนุ่มคนนั้นเขาเป็นอย่างไรหรือ ต้องอับจนทุกข์ทนไปอีกนานแสนนานทีเดียว แต่เขายังรออยู่เสมอ รออยู่เสมอ แต่คงเป็นความหวังอันริบหรี่ที่จะมองเห็นเส้นทางสมหมายได้ มันคงไม่มีอะไรดีขึ้น เส้นทางแปลกแยกคนละทาง การจะมีชีวิตอยู่ร่วมกันบนเส้นทางอุดมการณ์พัฒนาสังคม มันเป็นเรื่องน่าหัวเราะอย่างยิ่งเมื่อได้ฟังวิทยากรบรรยาย มันน่าขำมากๆ มันตลกร้ายสิ้นดี

                ไหนหละ! มีใครบ้างมาตกทุกข์ได้ยากเพื่อคนจน ไหนหละ!ปัญญาชน นักต่อสู้เป็นแค่นักศึกษากระนั้นหรือ ไหนหละ!  อุทธาหรณ์ปนนิยายรักน้ำเน่าที่กล่าวไปได้ จบลงแบบไม่แฮปปี้เอนดิ้ง เป็นแบบที่เห็นมามากต่อมากแล้วในสังคมบ้านเรา เราจึงไม่สงสัยเลยว่า ทะเลมายามันกลืนคนลงไปได้อย่างไร ง่ายนิดเดียว ถึงเวลาเลิกหลอกตัวเองกับอุดมการณ์ลวงๆได้แล้ว มาเจอความจริง มาอยู่กับความจริงในวันนี้ได้แล้ว คนจริงเท่านั้นที่จะชนะทะเลมายาได้ ปัญญาชนไม่สามารถช่วยอะไรใครได้แม้แต่ตัวเอง แต่ปัญญาตนเท่านั้นที่จะช่วยเราจากทุกสิ่งทุกอย่าง และเมื่อบวกกับสองมือสองเท้า กำลังใจ เราก็จะเป็นนายตน เราก็คือผู้ชนะแล้ว ชนะจริงๆ คุณเชื่อข้าพเจ้าไหมหละ

เจ้าชาย.

2 ตุลาคม 55

หมายเลขบันทึก: 504441เขียนเมื่อ 3 ตุลาคม 2012 23:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 ตุลาคม 2012 23:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท