ในปัจจุบันจะเห็นว่ามีสถาบันกวดวิชาอยู่มากมาย หลายวิชา ได้ตามความต้องการ ดูไปดูมายิ่งเหมือนร้านสะดวกซื้อ หรือที่อาจจะเรียกว่า...ร้านสะดวกวิชาการ.. ที่นักเรียนสามารถเลือกเวลาเรียน ห้องเรียน อาจารย์ผู้สอน ได้ตามความต้องการ โดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่นักเรียนสามารถเลือกเรียนตามบริบทของตนเองได้ เป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมให้มีอย่างทั่วถึง แต่เมื่อวันนี้ ที่ผมได้พบกับ อ.ดร.ฤทธิไกร ไชยงาม แห่งภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทำให้ผมได้รู้ว่า สิ่งที่คิดมานั้นผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะผมอาจลืมไปว่า ... จุดประสงค์หลักของการศึกษานั้นคือการสร้างพลเมืองให้มีคุณภาพ และสามารถดำรงชีพได้อย่างมีความสุข การศึกษาต้องส่งเสริมการคิด การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการนำไปใช้ ฉะนั้นการที่เด็กนักเรียนมุ่งสู่การกวดวิชานั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่โรงเรียนกวดวิชาไม่ได้มอบให้อย่างเต็มที่อาจจะเป็น อารมณ์ของความเป็นครู และสิ่งที่เด็กนักเรียนอาจลืมไปคือ เค้าเหล่านั้นมีครูที่มีชีวิต มีความรู้สึก และสามารถให้ได้มากกว่าหลักวิชาการ นั้นคือ ครูประจำการที่โรงเรียน ผมมองว่า จะเป็นไปได้มั้ย ที่โรงเรียนจะแบ่งเวลาครึ่งของเวลาเรียนในโรงเรียนให้เด็กออกไปกวดวิชากันเลย เพื่อลดการเดินทางในเวลากลางคืนเพื่อกวดวิชา หรือไม่ก็ นำนโยบาย tutor channal มาทำให้เป็นรูปแบบมากกว่านี้ ผมจึงขอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหานี้ในรูปแบบของผมคือ
1. เปิดโอกาสให้เอกชนมีโอกาสในการจัดการศึกษามากขึ้น
2. ให้ชุมชนมีสิทธิในการกำหนดทิศทางการจัดการศึกษามากขึ้น
3.พัฒนาให้ในหนึ่งจังหวัดมีโรงเรียนสองประเภท คือ เน้นวิทยาศาสตร์ และ เน้นสังคมศาสตร์
4. จัดชั่วโมงศึกษาอิสระในโรงเรียนอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาและพัฒนาความสามารถตามความสนใจของตนเอง
จากข้อเสนอที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า ผมจะเน้นในเรื่องของความถนัดและความสามารถ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเรียนต้องค้นคว้า และโรงเรียนต้องค้นพบ และพัฒนาในจุดนั้น ผมคิดว่าดีกว่าการที่เราจะสอนโดยที่ไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเน้นวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กที่เป็นอัจฉริยะทางด้านศิลปะ ???
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงความคิดเห็นที่ยังรอการพิสูจน์ !!!
ภาพนี้อาจบอกความหมายอะไรบางอย่าง
สุดท้ายขอขอบพระคุณท่าน ดร.ฤทธิไกร ไชยงาม ที่มอบแง่คิดดีดีให้ครับ
สีหะพงษ์ กู่นอก
อาจารย์จะพยายามต่อไปครับ ถึงแม้วันนี้จะยังไม่ดีเท่าใดนัก
คุณทำได้ดีแล้วค่ะขอให้คุณทำเพื่อเด้กๆเพื่ออนาคตของชาติต่อไปนะค่ะไม่แน่ลูกชายเราอาจจะมีโอกาส
ได้ไปเรียนไปเป็นลูกศิษย์คุณนะค่ะคุณ ดร.ต๋อย